มัสยิดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่

มัสยิดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1975 ณ มัสยิดแห่งนี้มีห้องสวดมนต์รูปโดมอยู่ด้านบน และสามารถรองรับผู้คนที่เข้ามาได้ถึง 120,000 คน ซึ่งมีการตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยม ภายในห้องสวดมนต์ทรงโดมขนาดยักษ์นั้นมีเสาขนาดใหญ่ถึง 12 ต้นเป็นเสมือนฐานรองรับน้ำหนักของมัน มีประตูทางเข้า 7 ทาง มีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน มีห้องสวดมนต์หลักอีกห้องและลานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง

ในส่วนของการตกแต่ง ก็มีชาวมุสลิมบางคนในอินโดนิเซียบอกว่าโครงสร้างของโดมและหอคอยสุเหร่านั้น ดูแนวโมเดิร์นและอราบิกมากเกินไป อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดว่ามันเป็นสถานที่ ๆ ดูมีมนต์ขลังมาก และในช่วงวันอิดุลฟิตริ (Idul Firti) และอิดุลแอดหา (Idul Adha) จะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาสวดมนต์ในที่แห่งนี้ และถือว่าเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งปี

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มัสยิดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1975 ณมัสยิดแห่งนี้มีห้องสวดมนต์รูปโดมอยู่ด้านบนและสามารถรองรับผู้คนที่เข้ามาได้ถึง 120000 รายทั้งนี้คนซึ่งมีการตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยมภายในห้องสวดมนต์ทรงโดมขนาดยักษ์นั้นมีเสาขนาดใหญ่ถึง 12 ต้นเป็นเสมือนฐานรองรับน้ำหนักของมันมีประตูทางเข้า 7 ชนิดมีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินมีห้องสวดมนต์หลักอีกห้องและลานขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง ในส่วนของการตกแต่ง ก็มีชาวมุสลิมบางคนในอินโดนิเซียบอกว่าโครงสร้างของโดมและหอคอยสุเหร่านั้น ดูแนวโมเดิร์นและอราบิกมากเกินไป อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดว่ามันเป็นสถานที่ ๆ ดูมีมนต์ขลังมาก และในช่วงวันอิดุลฟิตริ (Idul Firti) และอิดุลแอดหา (Idul Adha) จะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาสวดมนต์ในที่แห่งนี้ และถือว่าเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งปี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1975 ณ 120,000 คนซึ่งมีการตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยม 12 มีประตูทางเข้า 7 ทางมีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ดูแนวโมเดิร์นและอราบิกมากเกินไปอย่างไรก็ดี ๆ ดูมีมนต์ขลังมากและในช่วงวันอิดุลฟิตริ (Idul Firti) และอิดุลแอดหา (Idul Adha)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มัสยิดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1975 ณมัสยิดแห่งนี้มีห้องสวดมนต์รูปโดมอยู่ด้านบนและสามารถรองรับผู้คนที่เข้ามาได้ถึง 120000 คนซึ่งมีการตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยมภายในห้องสวดมนต์ทรงโดมขนาดยักษ์นั้นมีเสาขนาดใหญ่ถึง 12 ต้นเป็นเสมือนฐานรองรับน้ำหนักของมันมีประตูทางเข้า 7 ทางมีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดินตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง

ในส่วนของการตกแต่งก็มีชาวมุสลิมบางคนในอินโดนิเซียบอกว่าโครงสร้างของโดมและหอคอยสุเหร่านั้นดูแนวโมเดิร์นและอราบิกมากเกินไปอย่างไรก็ดีคนส่วนใหญ่หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดว่ามันเป็นสถานที่ไม่มีและในช่วงวันอิดุลฟิตริ ( idul firti ) และอิดุลแอดหา ( idul adha ) จะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาสวดมนต์ในที่แห่งนี้และถือว่าเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งปี