Two recent meta-analyses have repor

Two recent meta-analyses have reported the potential
role of α-blockers and calcium-channel blockers in MET.
Hollingsworth and co-workers [17] included nine randomized
controlled trials, which included 693 subjects, although
all but one trial had serious methodological flaws. Studied
interventions included the calcium-channel blocker nifedipine
and several different α-blockers whilst the comparative
control arms included placebo, other vasodilators, antispasmolytics,
anticholinergic therapy and corticosteroids.
Overall spontaneous stone passage occurred in 47% of the
control group whilst patients given MET with either drug
were 65% more likely to pass the stone, with an absolute
risk reduction of 31%. Three studies reported a head-tohead
comparison between nifedipine and α-blockers. Two
of these studies did not report any statistically significant
difference in stone passage rates between the two drugs,
whilst one study found the α-blocker to be superior to nifedipine,
with a relative risk reduction of 26%.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ล่าสุดสองการวิเคราะห์เมตารายงานศักยภาพบทบาทของα-บล็อคและแคลเซียมแชนเนลบล็อกเกอร์ใน METHollingsworth และเพื่อนร่วมงาน [17] รวมเก้าแบบสุ่มควบคุมการทดลอง ซึ่งรวมวัตถุ 693 แม้ว่าทดลองทั้งหมด แต่หนึ่งมีข้อบกพร่องวิธีที่ร้ายแรง ศึกษาแทรกแซงรวม nifedipine ตัวบล็อกของแคลเซียมแชนแนลและแตกต่างกันหลาย บล็อคαในขณะที่การเปรียบเทียบควบคุมอาวุธรวมยาหลอก อื่น ๆ vasodilators, antispasmolyticsรักษา anticholinergic และเตียรอยด์โดยรวม ทางเดินหินธรรมชาติที่เกิดขึ้นใน 47% ของการกลุ่มควบคุมในขณะที่ผู้ป่วยรับ MET กับยาอย่างใดอย่างหนึ่งได้ 65% น่าจะผ่านหิน แน่นอนมากลดความเสี่ยงของ 31% รายงานการศึกษาสามหัว-toheadเปรียบเทียบระหว่าง nifedipine และα-บล็อค สองการศึกษาเหล่านี้ไม่ได้รายงานมีนัยสำคัญทางสถิติความแตกต่างทางเดินหินราคาระหว่างยาทั้งสองในขณะที่การศึกษาหนึ่งพบตัวบล็อกαเป็นเหนือ nifedipineด้วยการลดความเสี่ยงร้อยละ 26

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สองการวิเคราะห์อภิมาเมื่อเร็ว ๆ
นี้มีรายงานว่ามีศักยภาพบทบาทของαกั้นและบล็อกเกอร์แคลเซียมช่องทางในMET.
Hollingsworth และเพื่อนร่วมงาน [17]
รวมเก้าสุ่มทดลองควบคุมซึ่งรวมถึง693
วิชาแม้ว่าทั้งหมดแต่หนึ่งในการพิจารณาคดีมีข้อบกพร่องวิธีการที่รุนแรง . การศึกษาการแทรกแซงรวมถึงแคลเซียมช่องทางป้องกัน nifedipine และแตกต่างกันหลายαอัพขณะที่เปรียบเทียบการควบคุมอาวุธรวมถึงยาหลอก vasodilators อื่น ๆ antispasmolytics, การรักษาด้วย anticholinergic และ corticosteroids. ทางหินที่เกิดขึ้นเองโดยรวมที่เกิดขึ้นใน 47% ของกลุ่มควบคุมในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับพบกับ ทั้งยาเสพติด 65% มีแนวโน้มที่จะผ่านหินโดยมีแน่นอนการลดความเสี่ยง31% สามการศึกษารายงานหัว tohead เปรียบเทียบระหว่าง nifedipine และαกั้น สองของการศึกษาเหล่านี้ไม่ได้รายงานใด ๆ อย่างมีนัยสำคัญแตกต่างในอัตราการผ่านหินระหว่างสองยาเสพติดในขณะที่การศึกษาหนึ่งพบα-ป้องกันจะดีกว่าnifedipine, กับการลดความเสี่ยง 26%