Short history of Manila!Manila bega

Short history of Manila!
Manila began as a small tribal settlement on the banks of the Pasig River near the mouth of Manila Bay. It took its name from a white-flowered mangrove plant - the nilad - which grew in abundance in the area. Maynilad, or where the nilad grows, was a fairly prosperous Islamic community ruled by Rajah Sulayman, descendant of a royal Malay family.

On May 24, 1570, almost 50 years after Ferdinand Magellan - a Portuguese explorer under the service of the King of Spain - first set foot on these islands, a Spanish expedition under Marshal Martin de Goiti reached Sulayman's settlement. Encountering resistance from the Muslim king, de Goiti retaliated by burning down the villages and capturing the artillery.
Ferdinand Magellan


The following year, Spanish conquistador Miguel Lopez de Legazpi arrived at the mouth of the Pasig River and claimed the islands in the name of the King of Spain. He established the "distinguished and ever loyal city" of Manila, proclaiming it as the capital. Thus began more than 300 years of Spanish colonization of the Philippines.
The new city was encircled by double walls - Intramuros - and guarded by a fort - Fort Santiago. The Spanish kept to their enclave and sent out their missionaries and armies to conquer the countryside. In the suburbs or arabales like Tondo, Sta. Cruz, Quiapo, Sampaloc, and Malate, the indios - as the natives were called - lived and worked together with the mestizos (of mixed Filipino and foreign descent). The sangleys or Chinese merchants lived in the parian, a district which became part of the present Binondo.

In the 19th century, Spain's colonies were racked by corrupt administration and internal disorder.
Liberal ideologies fired the spirits of enlightened Manileños (residents of Manila) like Philippine national hero Jose Rizal who studied abroad and Filipino rebel leader Andres Bonifacio who read books on revolutionaries and philosophers.
The seeds of revolution were thus sown in Philippine soil, and insurrection sprouted all over the countryside.
Jose Rizal


In the 19th century, Spain's colonies were racked by corrupt administration and internal disorder. Liberal ideologies fired the spirits of enlightened Manileños (residents of Manila) like Philippine national hero Jose Rizal who studied abroad and Filipino rebel leader Andres Bonifacio who read books on revolutionaries and philosophers. The seeds of revolution were thus sown in Philippine soil, and insurrection sprouted all over the countryside.
By the late 1800s, Spain had lost control over the Philippines, and with her major defeat by the American fleet in the Battle of Manila Bay, totally relinquished her hold on the colony.
But freedom would not come so easily, for the Filipinos eventually found themselves under their erstwhile ally, the Americans.
Under the new conquerors, Manila spread outwards, roads and bridges were built, and schools taught the Filipinos Western culture and proficiency in a new language - English.
Democratic processes were introduced; and neo-classical government edifices rose around the old city. But the outbreak of World War II soon halted all that.

For three years, the country chafed under the Japanese occupation. The end of the Pacific War left Manila in ruins but it also brought liberation and independence. In July of 1946, the Commonwealth government under Manuel L. Quezon declared independence.

The post-war years saw reconstruction of Manila and its growth in area and population. Land was developed in areas now covered by the municipalities of Makati, Mandaluyong and San Juan. Subdivisions and residential villages flourished in Quezon City, Pasig, Pasay and Parañaque.

Factories and industrial areas burgeoned in Kalookan, Malabon and Valenzuela. Adjoining municipalities of Las Piñas, Muntinlupa, Taguig, Pateros and Marikina were developed and annexed.

In 1976, a conglomeration of four cities - Manila, Pasay, Kalookan and Quezon City - and 13 municipalities was officially designated as "Metro Manila".

Today, Metro Manila is also known as the National Capital Region - a thriving, ever-enlarging urban sprawl covering about 630 square kilometers and harboring a population of about ten million.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติย่อของมะนิลาเริ่มเป็นการชำระเงินเกี่ยวกับเผ่าเล็ก ๆ บนฝั่งแม่น้ำ Pasig ใกล้ปากอ่าวมะนิลา มันเอาชื่อจากพืชป่าชายเลน flowered ขาว - nilad - ที่เติบโตในพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ Maynilad หรือ nilad เติบโต เป็นชุมชนอิสลามค่อนข้างเจริญปกครอง โดย Rajah Sulayman หลานของมาเลย์ บน 24 พฤษภาคม 1570 เกือบ 50 ปีหลังจากเฟอร์ดินานด์มาเจลลัน -ที่โปรตุเกส explorer ภายใต้บริการของกษัตริย์สเปน - แรกตั้งเท้าบนหมู่เกาะเหล่านี้ เดินทางสเปนภายใต้จอมพลมาร์ตินเดอ Goiti แล้วการชำระเงินของ Sulayman พบกับการต่อต้านจากกษัตริย์มุสลิม Goiti เด retaliated โดยเขียนลงหมู่บ้าน และการจับปืนเฟอร์ดินานด์มาเจลลันปีต่อมา สเปน conquistador Miguel โลเปซเดเลกัสปีมาถึงปากแม่น้ำ Pasig และอ้างว่า เกาะในกษัตริย์สเปน เขาก่อตั้ง "โดดเด่น และเคยภักดีเมือง" มะนิลา ปิดเป็นเมืองหลวง จึง เริ่มต้นของอาณานิคมสเปนฟิลิปปินส์กว่า 300 ปีใหม่ถูกล้อมรอบ ด้วยกำแพงสอง -อินทรามูรอส - และรักษา โดยป้อม - Fort Santiago สเปนที่ยังคงอยู่ในการยิง และส่งออกของข้าฯ และกองทัพเพื่อพิชิตชนบท ในชานเมืองหรือ arabales เช่น Tondo, sta.ครูซ Quiapo, Sampaloc มาลาเต indios การ -เป็นชาวพื้นเมืองเรียกว่า - อาศัยอยู่ และทำงานร่วมกับ mestizos (ของผสมฟิลิปปินส์ และชาวต่างประเทศเชื้อสาย) Sangleys หรือพ่อค้าจีนที่อาศัยอยู่ในคาลัม อำเภอซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบินอนโดอยู่ ในศตวรรษที่ 19 อาณานิคมของสเปนได้ racked จัดการเสียหายและโรคภายใน เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์เสรีนิยมยิงวิญญาณของ Manileños พุทธเจ้า (ชาวมะนิลา) เช่นวีรบุรุษแห่งชาติฟิลิปปินส์ Jose Rizal ผู้ศึกษาผู้นำต่างประเทศ และชาวฟิลิปปินส์กบฏแซคอฟฟี่ช็อปที่อ่านหนังสือปฏิวัติและปรัชญา เมล็ดพันธุ์ของการปฏิวัติจึงได้หว่านในดินที่ฟิลิปปินส์ และกบฏแทนทั้งหมดผ่านชนบทJose Rizalในศตวรรษที่ 19 อาณานิคมของสเปนได้ racked จัดการเสียหายและโรคภายใน เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์เสรีนิยมยิงวิญญาณของ Manileños พุทธเจ้า (ชาวมะนิลา) เช่นวีรบุรุษแห่งชาติฟิลิปปินส์ Jose Rizal ผู้ศึกษาผู้นำต่างประเทศ และชาวฟิลิปปินส์กบฏแซคอฟฟี่ช็อปที่อ่านหนังสือปฏิวัติและปรัชญา เมล็ดพันธุ์ของการปฏิวัติจึงได้หว่านในดินที่ฟิลิปปินส์ และกบฏแทนทั้งหมดผ่านชนบทด้วยเพราะสาย สเปนมีสูญ กว่าฟิลิปปินส์ และ ด้วยความพ่ายแพ้ของเธอใหญ่โดยกองเรือรบอเมริกันในสงครามอ่าวมะนิลา relinquished ระงับฝูงของเธอทั้งหมดแต่เสรีภาพจะไม่มาดังนั้นง่าย สำหรับ Filipinos ก็พบตัวเองภายใต้พันธมิตรของพวกเขา erstwhile ชาวอเมริกัน ภายใต้พิชิตใหม่ มะนิลาแพร่ outwards สร้างถนนและสะพาน และโรงเรียนสอนวัฒนธรรมตะวันตก Filipinos และในภาษาใหม่ - ภาษาอังกฤษ กระบวนการประชาธิปไตยได้แนะนำ และรัฐบาลนีโอคลาสสิก edifices กุหลาบทั่วเมือง แต่ระบาดของสงครามโลกครั้งที่สองเร็ว ๆ นี้ยกเลิกทั้งหมดสามปี ประเทศ chafed ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น จุดสิ้นสุดของมะนิลาซ้ายสงครามแปซิฟิกในซากปรักหักพังแต่ก็มาปลดปล่อยและอิสรภาพ ใน 1946 กรกฎาคม รัฐบาลเครือจักรภพภายใต้มานูเอลเกซอน L. ประกาศเอกราชปีหลังสงครามเห็นฟื้นฟูของมะนิลาและเจริญเติบโตของประชากรใน ที่ดินได้รับการพัฒนาในพื้นที่ครอบคลุมอำเภอติ มันดาลูยง และ San Juan ขณะนี้ แบ่งย่อยและหมู่บ้านที่อยู่อาศัยเจริญรุ่งเรือง ในเกซอนซิตี้ Pasig ปา Parañaqueโรงงานและพื้นที่อุตสาหกรรม burgeoned Kalookan มาลาบอน และ Valenzuela ติดอำเภอลา Piñas, Muntinlupa ทากุจ Pateros และ Marikina ถูกพัฒนา และ annexedในปี 1976 จนเมืองสี่ - มะนิลา ปา Kalookan และเกซอน ซิตี้ - และอำเภอ 13 ถูกกำหนดให้เป็น "เมโทรมะนิลา" ทางวันนี้ เมโทรมะนิลาเป็นอีกภูมิภาค ทุน ชาติ - ความเจริญรุ่งเรือง ขยายเคย urban นั่นครอบคลุมประมาณ 630 ตารางกิโลเมตร และประชากรประมาณ 10 ล้าน harboring

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติสั้น ๆ ของกรุงมะนิลา!
มะนิลาเริ่มการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าเล็ก ๆ บนฝั่งของแม่น้ำชิกใกล้ปากของกรุงมะนิลาเบย์ มันเอามาจากชื่อของพืชป่าชายเลนสีขาวดอก - nilad - ซึ่งขยายตัวในความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ Maynilad หรือที่ nilad เติบโตเป็นชุมชนอิสลามเป็นธรรมเจริญรุ่งเรืองปกครองโดยราชา Sulayman ลูกหลานของพระราชวงศ์มาเลย์. เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1570 เกือบ 50 ปีหลังจากที่เฟอร์ดินานด์มาเจลลัน - นักสำรวจชาวโปรตุเกสภายใต้การให้บริการของพระมหากษัตริย์ของสเปน - ชุดแรกเท้าบนเกาะเหล่านี้เดินทางสเปนภายใต้จอมพลมาร์ตินเดอ Goiti ถึงการตั้งถิ่นฐานของ Sulayman ต้องเผชิญหน้ากับการต่อต้านจากกษัตริย์มุสลิมเดอ Goiti แก้เผ็ดด้วยการเผาไหม้หมู่บ้านและจับปืนใหญ่. เฟอร์ดินานด์มาเจลลันในปีต่อไป, สเปน Conquistador มิเกลโลเปซเดอเลมาถึงที่ปากของแม่น้ำชิกและอ้างว่าหมู่เกาะในชื่อของกษัตริย์ สเปน เขาจัดตั้ง "เมืองที่โดดเด่นและมีความจงรักภักดีตลอดกาล" ของกรุงมะนิลาประกาศว่าเป็นเมืองหลวง . จึงเริ่มกว่า 300 ปีของอาณานิคมของสเปนในฟิลิปปินส์เป็นเมืองใหม่ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงสอง- อินทรา - และรักษาโดยป้อม - ฟอร์ซานติอาโก สเปนเก็บไว้ให้วงล้อมของพวกเขาและส่งออกไปเผยแผ่ศาสนาและกองทัพของพวกเขาเพื่อที่จะเอาชนะชนบท ในชานเมืองหรือ arabales เช่น Tondo, Sta ครูซ Quiapo, Sampaloc และมาเลต, โอส์ - ในขณะที่ชาวบ้านเรียกกันว่า - ชีวิตและทำงานร่วมกับเมสติซอส (ผสมฟิลิปปินส์เชื้อสายและต่างประเทศ) sangleys หรือพ่อค้าชาวจีนที่อาศัยอยู่ใน Parian อำเภอซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน Binondo ได้. ในศตวรรษที่ 19 อาณานิคมของสเปนถูก racked โดยการบริหารความเสียหายและความผิดปกติภายใน. อุดมการณ์เสรีนิยมยิงวิญญาณของพุทธะManileños (ที่อาศัยอยู่ในกรุงมะนิลา) เช่น วีรบุรุษของชาติของฟิลิปปินส์โฮเซริซัผู้ที่ศึกษาในต่างประเทศและผู้นำรัฐบาลฟิลิปปินส์แอนเดรสไอเรสที่อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการปฎิวัติและนักปรัชญา. เมล็ดพันธุ์แห่งการปฏิวัติถูกหว่านจึงอยู่ในดินฟิลิปปินส์และจลาจลงอกทั่วชนบท. โฮเซริซัในศตวรรษที่ 19 อาณานิคมของสเปน ถูก racked โดยการบริหารความเสียหายและความผิดปกติภายใน อุดมการณ์เสรีนิยมยิงวิญญาณของพุทธะManileños (ที่อาศัยอยู่ในกรุงมะนิลา) เหมือนวีรบุรุษของชาติของฟิลิปปินส์โฮเซริซัผู้ที่ศึกษาในต่างประเทศและผู้นำรัฐบาลฟิลิปปินส์ไอเรสแอนเดรสที่อ่านหนังสือที่เกี่ยวกับการปฎิวัติและนักปรัชญา เมล็ดพันธุ์แห่งการปฏิวัติถูกหว่านจึงอยู่ในดินฟิลิปปินส์และจลาจลงอกทั่วชนบท. ในช่วงปลายปี 1800 สเปนได้สูญเสียการควบคุมฟิลิปปินส์และด้วยความพ่ายแพ้ที่สำคัญของเธอโดยกองทัพเรืออเมริกันในการต่อสู้ของอ่าวมะนิลาถูกทิ้งร้างโดยสิ้นเชิง ถือของเธอในอาณานิคม. แต่เสรีภาพจะไม่มาได้อย่างง่ายดายสำหรับชาวฟิลิปปินส์ในที่สุดก็พบว่าตัวเองอยู่ภายใต้การเป็นพันธมิตรในอดีตของพวกเขาชาวอเมริกัน. ภายใต้การพิชิตใหม่มะนิลาแพร่กระจายออกไปด้านนอกถนนและสะพานที่ถูกสร้างขึ้นและโรงเรียนสอนชาวฟิลิปปินส์วัฒนธรรมตะวันตก และความชำนาญในภาษาใหม่ - อังกฤษ. กระบวนการประชาธิปไตยถูกนำมา; และ edifices รัฐบาลนีโอคลาสสิคเพิ่มขึ้นทั่วเมืองเก่า แต่การระบาดของสงครามโลกครั้งที่สองเร็ว ๆ นี้หยุดทั้งหมดที่. เป็นเวลาสามปีประเทศถูภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น จุดสิ้นสุดของสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิกที่เหลือมะนิลาในซากปรักหักพัง แต่ก็ยังนำมาปลดปล่อยให้เป็นอิสระและความเป็นอิสระ ในเดือนกรกฎาคมของปี 1946 รัฐบาลภายใต้เครือจักรภพนูเอลลิตรเควซอนประกาศเอกราช. ปีที่ผ่านมาหลังสงครามเห็นการฟื้นฟูของกรุงมะนิลาและการเจริญเติบโตในพื้นที่และจำนวนประชากร ที่ดินได้รับการพัฒนาในพื้นที่ในขณะนี้ได้รับการคุ้มครองโดยเทศบาลของมาคาติ Mandaluyong และซานฮวน เขตการปกครองและหมู่บ้านที่อยู่อาศัยเจริญรุ่งเรืองในเกซอนซิตีชิกเซย์และParañaque. โรงงานอุตสาหกรรมและพื้นที่รายรอบใน Kalookan, Malabon และเอลลา ที่อยู่ติดกันในเขตเทศบาลของลาสPiñas, ทิน, ควิค, Pateros และมาริได้รับการพัฒนาและผนวก. ในปี 1976 ที่มีการชุมนุมของสี่เมือง - มะนิลาปาไซ Kalookan และเกซอนซิตี - และ 13 ในเขตเทศบาลได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการว่า "เมโทรมะนิลา". วันนี้ เมโทรมะนิลาเป็นที่รู้จักกันเขตนครหลวงแห่งชาติ - เจริญรุ่งเรืองที่เคยขยายแผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมประมาณ 630 ตารางกิโลเมตรและเก็บงำประชากรประมาณสิบล้าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติสั้นของมะนิลา !
กรุงมะนิลาเริ่มเป็นข้อตกลงขนาดเล็กของชนเผ่าในธนาคารของแม่น้ำปาสิกใกล้ปากอ่าวมะนิลา มันก็มาจากชื่อของดอกไม้สีขาว - nilad ป่าชายเลนพืชซึ่งเติบโตในความอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ maynilad หรือที่ nilad เติบโต คือ ค่อนข้างเจริญ ชุมชนอิสลามที่ปกครองโดยราชาสุไลมานลูกหลานของครอบครัว , ภาษามลายูหลวง

เมื่อเดือนพฤษภาคม 24 , 1570 ,เกือบ 50 ปีหลังจากเฟอร์ดินานด์มาเจลลัน - โปรตุเกส explorer ภายใต้บริการของกษัตริย์สเปน - เท้าชุดแรกบนเกาะเหล่านี้ เปนการเดินทางภายใต้จอมพล มาร์ติน เดอ goiti ถึงการตั้งถิ่นฐานสุไลมาน . พบกับการต่อต้านจากชาวมุสลิม คิง เดอ goiti แก้เผ็ดด้วยเผาหมู่บ้านและจับปืนใหญ่ เฟอร์ดินันด์ มาเจลลัน



ปีต่อไปนี้ผู้พิชิต มิเกล โลเปซ เดอ เลแกซพิ สเปน มาถึงปากของ Pasig River และอ้างว่าหมู่เกาะในพระนามของกษัตริย์สเปน เขาก่อตั้ง " ความโดดเด่นและซื่อสัตย์มาเมืองของกรุงมะนิลา ประกาศเป็นเมืองหลวง จึงเริ่มมากกว่า 300 ปีของการล่าอาณานิคมของสเปนฟิลิปปินส์ .
เมืองใหม่ที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงอินทรามูร - คู่ - และ - เฝ้าป้อมป้อม Santiago สเปนเก็บไว้ซอกของพวกเขาและส่งออกของมิชชันนารี และกองทัพที่จะพิชิตธรรมชาติ ในเขตชานเมืองหรือ arabales เหมือน Tondo STA , . ครูซ , เกียโป sampaloc และ malate , , ,โดยอินดิโอส - เป็นชาวพื้นเมืองเรียกใช้ชีวิตและทำงานร่วมกับเมสติโซ ( เชื้อสายผสมของฟิลิปปินส์และต่างประเทศ ) การ sangleys หรือพ่อค้าชาวจีนที่อาศัยอยู่ใน parian , ตำบลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ binondo ปัจจุบัน

ในศตวรรษที่ 19 สเปนอาณานิคมถูก racked โดยการบริหารทุจริตและโรคภายใน
เสรีนิยมอุดมการณ์ไล่วิญญาณของพุทธะ manile 15 OS ( อาศัยอยู่ในกรุงมะนิลา ) เช่น วีรบุรุษแห่งชาติฟิลิปปินส์ Jose Rizal ที่เรียนอยู่ต่างประเทศและหัวหน้ากบฏชาวฟิลิปปินส์ Andres Bonifacio ที่อ่านหนังสือปฎิวัติและนักปราชญ์
เมล็ดพันธุ์แห่งการปฏิวัติ ) จึงหว่านในดินของฟิลิปปินส์ และการจลาจลแตกหน่อทั่วชนบท
Jose Rizal


ในศตวรรษที่ 19 ,สเปนอาณานิคมถูก racked โดยการบริหารทุจริตและโรคภายใน เสรีนิยมอุดมการณ์ไล่วิญญาณของพุทธะ manile 15 OS ( อาศัยอยู่ในกรุงมะนิลา ) เช่น วีรบุรุษแห่งชาติฟิลิปปินส์ Jose Rizal ที่เรียนอยู่ต่างประเทศและหัวหน้ากบฏชาวฟิลิปปินส์ Andres Bonifacio ที่อ่านหนังสือปฎิวัติและนักปราชญ์ เมล็ดพันธุ์แห่งการปฏิวัติ ) จึงหว่านในดินที่ฟิลิปปินส์ ,การจลาจลและแตกหน่อทั่วชนบท .
จากปลาย 1800 , สเปน ได้สูญเสียการควบคุมมากกว่าฟิลิปปินส์ และความพ่ายแพ้หลักของเธอ โดยกองเรืออเมริกันในการต่อสู้ของอ่าวมะนิลา ก็ยอมกอดเธอในอาณานิคม .
แต่เสรีภาพจะไม่ได้มาง่ายๆ สำหรับชาวฟิลิปปินส์ที่ในที่สุดก็พบตัวเองภายใต้ในสมัยก่อนพันธมิตรอเมริกา
ใต้ชนะใหม่มะนิลากระจายออกไปด้านนอก ถนน และสะพานที่ถูกสร้างขึ้นและโรงเรียนสอนชาวฟิลิปปินส์ วัฒนธรรมตะวันตก และมีความชำนาญในภาษาอังกฤษใหม่
กระบวนการประชาธิปไตย มีการแนะนำ และนีโอคลาสสิกของ edifices กุหลาบรอบเมืองเก่า แต่การระบาดของสงครามโลกครั้งที่สองแล้วหยุดทั้งหมด .

สามปี ประเทศ chafed ภายใต้การยึดครองของสิ้นสุดของสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิกออกจากกรุงมะนิลาในซากปรักหักพัง แต่ก็ยังนำการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและความเป็นอิสระ ในเดือนกรกฎาคม 1946 เครือจักรภพรัฐบาลภายใต้มานูเอลแอล. เกซประกาศเอกราช .

หลังสงครามปีเห็นการฟื้นฟูของมะนิลา และเติบโตในพื้นที่และประชากร ที่ดินที่ถูกพัฒนาขึ้นในพื้นที่ขณะนี้ครอบคลุม โดยเทศบาลของ Makati และ mandaluyong ซานฮวนเขตการปกครองและที่อยู่อาศัยหมู่บ้านเจริญรุ่งเรืองใน Quezon City , Pasig , ปาไซและหญ้าขน 15 น้ำ

โรงงานและพื้นที่อุตสาหกรรมและ kalookan burgeoned ใน Malabon , Valenzuela . ติดกับเทศบาลในปี่ 15 , Muntinlupa Taguig , Pateros Marikina , และถูกพัฒนาและผนวก .

ใน 1976 , หางไหลแดงสี่เมืองมะนิลา , ปาไซ ,และ kalookan Quezon City - 13 เขตเทศบาลอย่างเป็นทางการ " เมโทรมะนิลา "

วันนี้ เมโทรมะนิลา เป็นที่รู้จักกันเป็นภูมิภาคเมืองหลวงแห่งชาติ thriving เคยขยายเมืองแผ่กิ่งก้านสาขาครอบคลุมประมาณ 630 ตารางกิโลเมตร และที่ประชากรประมาณ 10 ล้าน .