Although not specifically discussin

Although not specifically discussing the Lightdale olen Klein. BM, Landrinan, and wely(1997 highlighted ueveral health belief tions thought to be important in health promotion in an American Indian ulation. First, it was popi wwgested that individuals must believe theyare at risk before hey would take steps to change behavior, which is consistent with the perceived susceptibility and perceived severity functions of the HBM, American Indians in the Lighdale study significantly underestimated personal risk in 10 of the 11 variables measured, including diabetes Participants in the study also showed significant personal bias when comparing their own risks to that of their peers.other measures taken in ehe study showed that there was no significant correlation betweenestimated personal risks and behavior. For example. those who naled themselves at low risk for being in atraffic accident were no lesslikely to drink and drive, speed, or drive long distances dann tose who estimated their risk for accident as high A study examining regimen adherence of American Indian diabetics used a dnerent health beliel model that examined the influence of"individual's beliefs that other persons important to them think they should perform a specific behavior(Miller e al.. 1987, p. 25) nis study found that the perception of important othen' beliefs was the most significant contributor in a regression oquation that included coping skills and as comparison variables This study also examined personal attitudes toward attitudes components a diabetes management regimen that included medication, stress. activity, smoking, and diet(Miller et al. 1987). This measure ofattitudes had some similarity to the HBM variables perceived benefit and perceived barriers. Participants in the study were divided into two groups, one with good metabolic control af their disease and the

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ถึงแม้ว่าไม่เฉพาะคุย olen Lightdale ไคลน์ BM, Landrinan และ wely (ueveral 1997 เน้นสุขภาพความเชื่อ tions คิดให้ความสำคัญในการสร้างเสริมสุขภาพในการ ulation อเมริกันอินเดียน ครั้งแรก มันเป็น wwgested popi ที่บุคคลต้องเชื่อ theyare เสี่ยงก่อนอังกฤษ จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงลักษณะการทำงาน ซึ่งสอดคล้องกับไก่รับรู้ และหน้าที่รับรู้ความรุนแรงของ HBM อินเดียอเมริกันใน Lighdale การศึกษาความเสี่ยงส่วนบุคคลอย่าง underestimated ใน 10 แปร 11 วัด รวมทั้งโรคเบาหวานผู้เข้าร่วมในการศึกษายังแสดงให้เห็นความโน้มเอียงที่บุคคลสำคัญเมื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงของตนเองที่วัดของพวกเขา peers.other ใน ehe ศึกษาพบว่ามี มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ betweenestimated ความเสี่ยงส่วนบุคคลและลักษณะการทำงานไม่ ตัวอย่างการ ผู้ที่ naled ตัวเองที่มีความเสี่ยงต่ำตัว atraffic อุบัติเหตุได้ไม่ lesslikely กับเครื่องดื่ม และขับรถ ความเร็ว หรือ tose dann ไดรฟ์ระยะไกลที่ประเมินความเสี่ยงในอุบัติเหตุสูงเป็นการศึกษาการตรวจสอบระบบการปกครองต่าง ๆ ของอเมริกันอินเดียนเบา ใช้ dnerent สุขภาพ beliel แบบที่ตรวจสอบอิทธิพล "ของแต่ละบุคคลความเชื่อว่า ผู้อื่นที่สำคัญพวกเขาคิดว่า พวกเขาควรทำลักษณะเฉพาะ (มิลเลอร์อี al.. 1987 , p. 25) นิสศึกษาพบว่าการรับรู้ของสำคัญ othen' ความเชื่อเป็นผู้สำคัญที่สุดใน oquation ถดถอยซึ่งรวมทักษะเผชิญ และเป็นการเปรียบเทียบตัวแปร การศึกษานี้ยังตรวจสอบเจตคติทัศนคติส่วนบุคคลสมาธิจัดการโรคเบาหวานการรวมยา ความเครียด กิจกรรม สูบบุหรี่ และอาหาร (มิลเลอร์ et al. 1987) Ofattitudes นี้วัดบางคล้าย HBM ตัวแปรการรับรู้ประโยชน์และอุปสรรครับรู้ได้ ผู้เข้าร่วมในการศึกษาได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม มีการเผาผลาญดีควบคุม af โรคนั้น ๆ และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้ว่าจะไม่ได้โดยเฉพาะการอภิปราย Lightdale Olen ไคลน์ BM, Landrinan และ Wely (1997 เน้นการนำความเชื่อด้านสุขภาพ ueveral คิดว่าจะมีความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพใน ulation อเมริกันอินเดีย. ครั้งแรกมันเป็น Popi wwgested ว่าประชาชนต้องเชื่อ theyare ที่มีความเสี่ยงก่อนที่จะเดี๋ยวก่อนจะใช้ขั้นตอนที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็น สอดคล้องกับความไวต่อการรับรู้และการรับรู้ฟังก์ชั่นความรุนแรงของ HBM, อเมริกันอินเดียนในการศึกษา Lighdale ประเมินอย่างมีนัยสำคัญความเสี่ยงส่วนบุคคลใน 10 จาก 11 ตัวแปรวัดรวมทั้งผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นโรคเบาหวานในการศึกษายังแสดงให้เห็นอคติส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับความเสี่ยงของตัวเองกับที่ของ มาตรการ peers.other ของพวกเขาดำเนินการในการศึกษาแสดงให้เห็นว่า Ehe ไม่มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ betweenestimated ความเสี่ยงส่วนบุคคลและพฤติกรรม.. เช่นผู้ที่ naled ตัวเองที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการอยู่ในอุบัติเหตุ atraffic ไม่ lesslikely ที่จะดื่มและไดรฟ์ความเร็วหรือไดรฟ์ยาว ระยะทาง Dann Tose ที่ประมาณความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุสูงการศึกษาตรวจสอบการยึดมั่นในระบบการปกครองของผู้ป่วยโรคเบาหวานอเมริกันอินเดียใช้สุขภาพ dnerent รูปแบบ beliel ที่ตรวจสอบอิทธิพลของ "ความเชื่อของแต่ละบุคคลว่าบุคคลอื่น ๆ ที่สำคัญกับพวกเขาคิดว่าพวกเขาควรดำเนินการเป็นพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง (มิลเลอร์จ อัล .. 1987 พี 25) การศึกษา NIS พบว่าการรับรู้ของความเชื่อ othen สำคัญ 'เป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดในการ oquation ถดถอยที่รวมถึงการรับมือทักษะและการเปรียบเทียบตัวแปรการศึกษาครั้งนี้ยังตรวจสอบทัศนคติส่วนบุคคลที่มีต่อทัศนคติส่วนประกอบระบบการปกครองการจัดการโรคเบาหวานรวมถึงยาความเครียด กิจกรรมการสูบบุหรี่และการรับประทานอาหาร (มิลเลอร์ et al. 1987) วัด ofattitudes นี้มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างกับตัวแปร HBM การรับรู้ประโยชน์และการรับรู้อุปสรรค ผู้เข้าร่วมในการศึกษาถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหนึ่งที่มีการควบคุมการเผาผลาญที่ดีเอโรคของพวกเขาและ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แม้ว่าจะไม่ได้โดยเฉพาะการอภิปราย lightdale olen ไคลน์ BM , landrinan และนี้นางสาว Wely ( 2540 เน้น ueveral ความเชื่อ tions คิดว่ามีความสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพใน ulation ชาวอเมริกันอินเดียน อย่างแรก คือ wwgested Popi บุคคลต้องเชื่อว่ามีความเสี่ยงก่อนที่นี่จะใช้ขั้นตอนเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งสอดคล้องกับการรับรู้ความรุนแรงของฟังก์ชันของห์อเมริกันชนในการศึกษา lighdale อย่างมีนัยสำคัญประมาทส่วนบุคคล ความเสี่ยงใน 10 ของ 11 ตัวแปรวัด รวมถึงโรคเบาหวานในผู้เข้าร่วมการศึกษาพบอคติส่วนตัวอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบความเสี่ยงของตนเอง เพื่อที่เพื่อนๆ ของเขามาตรการอื่น ๆที่ถ่ายใน ehe การศึกษาพบว่าไม่มีความสัมพันธ์ betweenestimated ความเสี่ยงส่วนบุคคลและพฤติกรรม ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ naled ตัวเองที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการ atraffic อุบัติเหตุไม่มี lesslikely ที่จะดื่มแล้วขับ ความเร็วหรือขับรถทางไกล แดนน์ tose ที่ความเสี่ยงของอุบัติเหตุสูงการศึกษาการตรวจสอบการเป็นชาวอเมริกันอินเดียนใช้ dnerent beliel สุขภาพรุ่นที่ตรวจสอบอิทธิพลของ " ความเชื่อของแต่ละบุคคลอื่น ๆที่สำคัญกับพวกเขาคิดว่าพวกเขาควรแสดงพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจง ( มิลเลอร์และอัล . . . . . . . 2530 , หน้า25 ) คือ การศึกษาพบว่า การรับรู้ ที่สำคัญ othen ' ความเชื่อเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดในการ oquation ที่รวมทักษะการเผชิญปัญหาและเปรียบเทียบเพื่อศึกษาลักษณะส่วนบุคคล ทัศนคติ ทัศนคติองค์ประกอบการจัดการโรคเบาหวาน regimen ซึ่งรวมถึงยา , ความเครียด กิจกรรม , การสูบบุหรี่ และอาหาร ( มิลเลอร์ et al . 1987 )วัดนี้ ofattitudes มีความคล้ายคลึงกันบางอย่างกับห์ตัวแปรการรับรู้ประโยชน์ และการรับรู้อุปสรรค ผู้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้ แบ่งเป็น 2 กลุ่มๆ หนึ่งที่มีการควบคุมการเผาผลาญอาหารที่ดี AF ของโรคและ