Figure 4 provides an estimate for t

Figure 4 provides an estimate for the volume of chemical fertilizer used for paddy, assuming
that 80% of total supply was allocated for paddy cultivation. The fertilizer applied reached 75 kg per
hectare in the peak year (1985/86) and went down to 30 kg in the early 1990s, and has been
fluctuating widely in the range of between 30 and 60 kg. It is clear from these figures that fertilizer
application per hectare is low in Myanmar in comparison with the international average.16
After the late 1980s, the price of chemical fertilizer increased sharply. As was pointed out
earlier, the rice price also increased very steeply after the mid 1980s. Nevertheless, the price ratio of
rice/fertilizer deteriorated rapidly (Table 9). This means that fertilizer prices increased at an even
faster pace than rice prices.
The government official price of fertilizer was kept low for 15 years until 1987/88 (FADINAP
1987, 14), but after the 1990s, it rapidly increased to a level close to the international price. Since the
government was obliged to withdraw subsidies, the official price was raised frequently 17 in
accordance with rises in market prices. Because of difficulties in securing a sufficient supply, the
government distribution of fertilizer shrank considerably in 2005.18
Changes in diesel oil supply have also influenced paddy cultivation in Myanmar. As is the case
with fertilizer, most of Myanmar’s diesel oil is imported and the domestic price has risen quite
rapidly. In order to support summer paddy production, the government has been providing diesel oil
at a lower cost to those farmers who cultivate summer paddy using pump irrigation. In 2001, for
example, the market price per gallon was 350-600 kyats while the official price was 160 kyats. In
2004, the market price was 1,500-1,600 kyats while government price was 760 kyats. However, the
supply remains insufficient. According to our surveys,19 whereas one acre of pump irrigation
required 6-10 gallons, government distribution remained around 3.5-4 gallons. It should be noted

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รูปที่ 4
ให้ประมาณการปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีที่ใช้สำหรับนาข้าวที่สมมติว่า80% ของอุปทานทั้งหมดถูกจัดสรรสำหรับการเพาะปลูกข้าว ปุ๋ยที่ใช้ถึง 75
กิโลกรัมต่อเฮกตาร์ในปีที่สูงสุด(1985-1986) และลงไปถึง 30 กิโลกรัมในช่วงปี 1990
และได้รับการผันผวนอย่างกว้างขวางในช่วงระหว่างวันที่30 และ 60 กิโลกรัม มันเป็นที่ชัดเจนจากตัวเลขเหล่านี้ว่าการใช้ปุ๋ยการประยุกต์ใช้ต่อเฮกตาร์อยู่ในระดับต่ำในประเทศพม่าในการเปรียบเทียบกับ average.16 ระหว่างประเทศหลังจากที่ช่วงปลายทศวรรษ1980 ที่ราคาของปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในฐานะที่ได้รับการชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้ราคาข้าวเพิ่มขึ้นสูงชันมากหลังจากช่วงกลางทศวรรษ 1980 อย่างไรก็ตามอัตราส่วนราคาของข้าว / ปุ๋ยทรุดลงอย่างรวดเร็ว (ตารางที่ 9) ซึ่งหมายความว่าราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้นแม้ก้าวเร็วกว่าราคาข้าว. ราคาอย่างเป็นทางการของรัฐบาลปุ๋ยถูกเก็บไว้ในระดับต่ำเป็นเวลา 15 ปีจนกระทั่ง 1987-1988 (FADINAP 1987, 14) แต่หลังจากปี 1990 ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับใกล้ชิด ราคาต่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลถูกบังคับให้ถอนตัวออกเงินอุดหนุนราคาอย่างเป็นทางการได้รับการเลี้ยงดูที่พบบ่อย 17 ให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของราคาในตลาด เพราะความยากลำบากในการรักษาความปลอดภัยเพียงพอที่กระจายรัฐบาลปุ๋ยหดตัวลงอย่างมากใน 2,005.18 การเปลี่ยนแปลงในการจัดหาน้ำมันดีเซลที่มีอิทธิพลต่อการเพาะปลูกข้าวยังในพม่า เป็นกรณีที่มีการใส่ปุ๋ยส่วนใหญ่ของน้ำมันดีเซลของพม่าจะถูกนำเข้าและราคาในประเทศได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างอย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการผลิตข้าวในช่วงฤดูร้อนที่รัฐบาลได้รับการให้น้ำมันดีเซลที่ต้นทุนต่ำให้กับเกษตรกรผู้ที่เพาะปลูกในช่วงฤดูร้อนข้าวโดยใช้เครื่องสูบน้ำชลประทาน ในปี 2001 สำหรับตัวอย่างเช่นราคาตลาดต่อแกลลอนเป็น350-600 จ๊าตในขณะที่ราคาอย่างเป็นทางการเป็น 160 จ๊าต ในปี 2004 ราคาในตลาดเป็น 1,500-1,600 จ๊าตในขณะที่ราคาของรัฐบาลเป็น 760 จ๊าต อย่างไรก็ตามอุปทานยังคงไม่เพียงพอ ตามการสำรวจของเรา 19 ในขณะที่หนึ่งเอเคอร์ของการชลประทานปั๊มต้อง6-10 แกลลอนกระจายของรัฐบาลยังคงอยู่รอบ 3.5-4 แกลลอน ควรบันทึก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รูปที่ 4 แสดงการประมาณการปริมาณปุ๋ยเคมีที่ใช้ทำนา สมมุติว่า
ว่า 80% ของอุปทานทั้งหมดถูกจัดสรรสำหรับการเพาะปลูกนาข้าว ปุ๋ยที่ใช้ถึง 75 กิโลกรัมต่อเฮกตาร์ในช่วงปี
( 1985 / 86 ) และลงไปถึง 30 กก. ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และได้รับ
มีความผันผวนอย่างกว้างขวางในช่วงระหว่าง 30 และ 60 กิโลกรัม ก็เป็นที่ชัดเจนจากตัวเลขเหล่านี้ว่าปุ๋ย
โปรแกรมต่อไร่ต่ำในพม่า ในการเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยนานาชาติ 16
เมื่อปลายทศวรรษ 1980 , ราคาปุ๋ยเคมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นแหลมออก
ก่อนหน้านี้ ราคาข้าวเพิ่มขึ้นสูงชันมาก หลังกลางทศวรรษที่ 80 แต่ราคาเท่ากับ
/ ข้าวปุ๋ยลดลงอย่างรวดเร็ว ( ตารางที่ 9 ) ซึ่งหมายความ ว่า ราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นในแม้
จังหวะเร็วกว่าราคาข้าว .
ข้าราชการราคาปุ๋ยที่ถูกเก็บไว้ต่ำ 15 ปีจนกระทั่งปี 1987 / 88 ( fadinap
1987 , 14 ) แต่หลังจากปี 1990 มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่ใกล้เคียงกับราคาต่างประเทศ เนื่องจากรัฐบาลต้องถอน
อุดหนุนราคาอย่างเป็นทางการขึ้นบ่อยใน
ตามราคาเพิ่มขึ้นในตลาดเนื่องจากปัญหาในการรักษาความปลอดภัยของอุปทานเพียงพอ
รัฐบาลจำหน่ายปุ๋ย หดตัวลงอย่างมากใน 2005.18
การเปลี่ยนแปลงในอุปทานน้ำมันดีเซลยังมีอิทธิพลต่อการปลูกข้าวในพม่า เป็นกรณี
ปุ๋ยส่วนใหญ่ของน้ำมันดีเซลของพม่าคือการนำเข้าและราคาภายในประเทศได้เพิ่มขึ้นค่อนข้าง
อย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการผลิตข้าวเปลือกในฤดูร้อน ,รัฐบาลได้ให้
น้ำมันดีเซลที่ลดต้นทุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวในฤดูร้อนใช้น้ำปั๊ม ในปี 2001 สำหรับ
ตัวอย่างตลาดราคาต่อแกลลอนเป็น 350-600 จ๊าตในขณะที่ราคาอย่างเป็นทางการ 160 จ๊าต . ใน
2004 ราคาตลาด 1500-1600 จ๊าตในขณะที่ราคารัฐบาล 760 จ๊าต . อย่างไรก็ตาม
อุปทานยังคงไม่เพียงพอ ตามการสำรวจของเรา19 ในขณะที่หนึ่งเอเคอร์ของน้ำปั๊ม
ต้อง 6-10 แกลลอนกระจายอยู่ทั่วรัฐ 3.5-4 แกลลอน มันควรจะสังเกต