Chapter 6 – A great generalAfter Nu

Chapter 6 – A great general
After Nuradin’s son Al-Saleh died in 1181, Syria and Egypt could fight fully on the same side at last. At the same time, the Franks had terrible problems. King Baldwin’s leprosy made him weak; he couldn’t see, and he couldn’t fight. It was hard for him to be King of Jerusalem and he had no son. Two people wanted to take his place and be King of the Franks. One was Raymond of Tripoli. He spoke Arabic and he understood both Muslims and Franks well. But there was another knight, new in the Holy Land – Guy of Lusignan. He arrived from Europe and married King Baldwin’s sister. When Baldwin died in 1184, the Franks made Guy King of the Franks, because they thought that Raymond was too friendly with the Muslims. In 1187, Saladin, now forty-nine, spoke to his generals: ‘The Franks’ new king is weak, but they are still brave and, when they fight together, their armour and their big horses make them very strong. Our horses are smaller, but faster. We wear less armour, but we move more quickly. We’re better at fighting in the desert. We’re also much faster at sending news to each other with carrier pigeons. We must be clever if we’re going to win against them, so I have a plan. We’ll attack Raymond of Tripoli’s castle near Lake Tiberias and my hope is that they’ll hurry to fight us, forgetting the problems of moving a large army over that part of the country.’ When the Franks heard that Saladin’s army was at Tiberias, many of them wanted to march at once, but Raymond said, ‘Tiberias belongs to me. I’ve never seen so strong a Muslim army, and I think that we’re not wise to fight them even if my castle and my wife are in danger!’ But Reynald of Chatillon replied, ‘You’re trying to make us afraid because you prefer the Muslims to us!’ Raymond then said, ‘I’m one of you. I’ll do what you wish and fight at your side, but you’ll see what happens.’ In early July, Saladin was waiting by the lake. He took time to look carefully to find the best place to fight. The Frankish army left from Saffuriya. It was only about four hours’ journey for a man on a horse to get from there to Lake Tiberias, but moving an army with foot soldiers and knights in heavy armour under the hot summer sun was difficult. There was no water on the dry road and men and horses were very thirsty. Saladin’s men spent the whole day attacking the slowly moving soldiers, shooting arrows at them to make them travel even more slowly. The Franks wanted to get to the lake before evening, but they only got to Hattin. There they had to stop. Looking down the hill, they saw Saladin’s army waiting by the lake. They couldn’t get to the water, and no man or horse in the Frankish army had anything to drink all through the night. Next morning, Frankish foot soldiers ran to get water, but many died under the swords and arrows of the Muslim army Then Saladin told his men to light fires in the dry grass in front of the Frankish army. Smoke filled the Franks’ eyes and mouths.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทที่ 6 – ทั่วไปดีหลังจากลูกชายของ Nuradin อัลศอลิหตายใน 1181 ซีเรียและอียิปต์อาจต่อสู้เต็มด้านเดียวในที่สุด ในเวลาเดียวกัน ครอบครัวมีปัญหาที่น่ากลัว โรคเรื้อนกษัตริย์บอลด์วินทำให้เขาอ่อนแอ เขาไม่เห็น และเขาไม่สามารถต่อสู้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเป็นกษัตริย์ของกรุงเยรูซาเล็ม และเขาไม่มีลูกชาย คนสองคนต้องการเขา และเป็นราชาของแฟรงก์ หนึ่งคือเรย์มอนด์ตริโปลี เขาพูดภาษาอาหรับ และเขาเข้าใจมุสลิมและแฟรงค์ดี แต่มีอีกอัศวิน ใหม่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ – ผู้ชาย Lusignan เขามาจากยุโรป และแต่งงานน้องสาวกษัตริย์บอลด์วิน เมื่อบอลด์วินเสียชีวิตใน 1184 แฟรงก์ได้แฟรงก์ พระผู้ชาย เพราะคิดว่า เรย์มอนด์มากเกินไปกับชาวมุสลิม ใน 1187 ศอลาฮุดดีน อยู่เจริญ พูดถึงนายพลของเขา: 'ครอบครัว' กษัตริย์องค์ใหม่คืออ่อนแอ แต่พวกเขามีความกล้าหาญยังคง และ เมื่อพวกเขาสู้กัน เกราะของพวกเขาและม้าใหญ่ของพวกเขาทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ม้าของเรามีขนาดเล็ก แต่รวดเร็ว เราใส่เกราะน้อย แต่เราย้ายอย่างรวดเร็ว เรากำลังดีในการต่อสู้ในทะเลทราย เราได้เร็วมากที่ส่งข่าวกันด้วยสายการบินนก เราต้องฉลาดว่าเรากำลังจะเอาชนะพวกเขา ดังนั้นมีแผนการ เราจะโจมตีปราสาทของเรย์มอนด์ตริโปลีใกล้ทะเลสาบทิเบเรียส และความหวังของฉันคือ ว่า พวกเขาจะรีบไปต่อสู้เรา ลืมปัญหาของย้ายกองทัพใหญ่ไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ.' เมื่อแฟรงก์ได้ยินว่า กองทัพของศอลาฮุดดีนในทิเบเรียส หลายคนอยากมีนาคมในครั้งเดียว แต่เรย์มอนด์กล่าว ว่า, ' ทิเบเรียสเป็นของฉัน ผมไม่เคยเห็นกองทัพมุสลิมแข็งแรง และผมคิดว่า เราไม่ควรที่จะต่อสู้กับพวกเขาแม้ว่าปราสาทของฉันและภรรยาของฉันอยู่ในอันตราย!' แต่ Reynald ทิลตอบ 'คุณกำลัง พยายามจะทำให้เรากลัว เพราะคุณชอบมุสลิมเรา' เรย์มอนด์ว่า, ' ผมเป็นคนหนึ่งของคุณ ฉันจะทำสิ่งที่คุณต้องการ และต่อสู้เคียงข้างคุณ แต่คุณจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ' ในต้นเดือนกรกฎาคม ศอลาฮุดดีนกำลังรอ โดยทะเลสาบ เขาเอาเวลาไปมองอย่างรอบคอบเพื่อหาสุดในการต่อสู้ กองทัพ Frankish เหลือจาก Saffuriya ก็ประมาณสี่ชั่วโมงการเดินทางสำหรับคนบนหลังม้าเพื่อไปจากทะเลสาบทิเบเรียส แต่ย้ายกองทัพทหารเดินเท้าและอัศวินในเกราะหนักภายใต้ดวงอาทิตย์ฤดูร้อนก็ยาก ก็ไม่มีน้ำบนถนนแห้ง และม้าและผู้ชายกระหายน้ำมาก ของศอลาฮุดดีนคนใช้เวลาทั้งวันโจมตีทหารเคลื่อนไหวช้า ยิงลูกศรนั้นเพื่อให้เดินได้ช้า ครอบครัวต้องการรับไปทะเลสาบก่อนเย็น แต่พวกเขาได้ไป Hattin เท่านั้น มีพวกเขาจะหยุด กำลังลงเขา พวกเขาเห็นกองทัพของศอลาฮุดดีนรอ โดยทะเลสาบ พวกเขาไม่สามารถรับน้ำ และม้าในกองทัพ Frankish หรือคนไม่มีอะไรให้ดื่มตลอดคืน รุ่ง Frankish เท้าทหารวิ่งไปรับน้ำ แต่หลายคนเสียชีวิตภายใต้การดาบ และศรของกองทัพมุสลิมศอลาฮุดดีนแล้วบอกคนของแสงไฟในหญ้าแห้งหน้ากองทัพ Frankish ควันเต็มตาและปากของแฟรงค์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทที่ 6 - ทั่วไปที่ดี
หลังจากที่ลูกชายของ Nuradin ของอัลซาเลห์เสียชีวิตในปี 1181, ซีเรียและอียิปต์สามารถต่อสู้อย่างเต็มที่ในด้านเดียวกันที่สุดท้าย ในเวลาเดียวกัน, แฟรงค์มีปัญหาที่น่ากลัว โรคเรื้อนกษัตริย์บอลด์วินที่ทำให้เขาอ่อนแอ เขาไม่สามารถมองเห็นและเขาไม่สามารถต่อสู้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะเป็นกษัตริย์แห่งกรุงเยรูซาเล็มและเขาก็ไม่มีบุตร คนสองคนที่ต้องการที่จะใช้สถานที่ของเขาและเป็นพระมหากษัตริย์ของแฟรงค์ หนึ่งคือเรย์มอนด์ตริโปลี เขาพูดภาษาอาหรับและเขาเข้าใจทั้งชาวมุสลิมและแฟรงค์ดี แต่มีอัศวินอื่นใหม่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ - ผู้ชายของลูซินญั เขามาจากยุโรปและแต่งงานกับน้องสาวของกษัตริย์บอลด์วิน เมื่อบอลด์วินเสียชีวิตในปี 1184, แฟรงค์ทำให้ผู้ชายกษัตริย์แห่งแฟรงค์เพราะพวกเขาคิดว่าเรย์มอนด์เป็นมิตรมากเกินไปกับชาวมุสลิม ใน 1187, ศอลาฮุดตอนนี้สี่สิบเก้าพูดกับนายพลของเขาว่า 'แฟรงค์' พระราชาองค์ใหม่จะอ่อนแอ แต่พวกเขายังคงกล้าหาญและเมื่อพวกเขาต่อสู้ร่วมกันเกราะและม้าใหญ่ของพวกเขาทำให้พวกเขาแข็งแกร่งมาก ม้าของเรามีขนาดเล็ก แต่เร็วขึ้น เราสวมใส่ชุดเกราะน้อย แต่เราย้ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เราดีกว่าที่การต่อสู้ในทะเลทราย นอกจากนี้เรายังได้เร็วขึ้นมากในการส่งข่าวสารไปยังแต่ละอื่น ๆ ที่มีนกพิราบสื่อสาร เราจะต้องฉลาดถ้าเรากำลังจะเอาชนะพวกเขาดังนั้นฉันมีแผน เราจะโจมตีเรย์มอนด์ของปราสาทตริโปลีอยู่ใกล้กับทะเลสาบทิเบเรียและฉันหวังว่าพวกเขาจะรีบร้อนที่จะต่อสู้กับเราลืมปัญหาในการเคลื่อนย้ายกองทัพขนาดใหญ่มาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศว่า. เมื่อแฟรงค์ได้ยินว่ากองทัพศอลาฮุดเป็นที่ทิเบเรียมากของพวกเขาต้องการที่จะเดินขบวนในครั้งเดียว แต่เรย์มอนด์กล่าวว่า 'ทิเบเรียเป็นของฉัน ผมไม่เคยเห็นแข็งแรงดังนั้นกองทัพมุสลิมและผมคิดว่าเราไม่ควรที่จะต่อสู้กับพวกเขาแม้ว่าปราสาทและภรรยาของฉันของฉันอยู่ในอันตราย! ' แต่ Reynald ของ Chatillon ตอบว่า 'คุณกำลังพยายามที่จะทำให้เรากลัวเพราะคุณต้องการชาวมุสลิมให้เรา!' เรย์มอนด์แล้วพูดว่า 'ฉันหนึ่งของคุณ ฉันจะทำสิ่งที่คุณต้องการและการต่อสู้ที่ด้านข้างของคุณ แต่คุณจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น. ในต้นเดือนกรกฎาคมศอลาฮุดกำลังรอริมทะเลสาบ เขาเอาเวลาที่จะมองอย่างระมัดระวังเพื่อหาสถานที่ที่ดีที่สุดในการต่อสู้ กองทัพส่งที่เหลือจากการ Saffuriya มันเป็นเพียงการเดินทางประมาณสี่ชั่วโมงสำหรับคนที่อยู่บนหลังม้าที่จะได้รับจากที่นั่นไปยังทะเลสาบทิเบเรีย แต่การเคลื่อนย้ายกองทัพพร้อมกับพลทหารและอัศวินในชุดเกราะหนักภายใต้ดวงอาทิตย์ฤดูร้อนเป็นเรื่องยาก มีไม่มีน้ำบนถนนแห้งและชายและม้ากระหายน้ำมาก ศอลาฮุดคนใช้เวลาทั้งวันโจมตีทหารค่อยๆเคลื่อนยิงลูกศรไปที่พวกเขาจะทำให้พวกเขาเดินทางมากยิ่งขึ้นอย่างช้าๆ แฟรงค์อยากจะได้รับไปยังทะเลสาบก่อนที่ช่วงเย็น แต่พวกเขาเท่านั้นที่มีการแฮ ที่นั่นพวกเขาจะต้องหยุด มองลงเนินเขาที่พวกเขาเห็นว่าศอลาฮุดรอกองทัพริมทะเลสาบ พวกเขาไม่สามารถลงไปในน้ำและไม่มีชายหรือม้าในกองทัพส่งมีอะไรที่จะดื่มตลอดทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้นส่งทหารเดินเท้าวิ่งไปรับน้ำ แต่หลายคนเสียชีวิตภายใต้ดาบและลูกศรของกองทัพมุสลิมจากนั้นศอลาฮุดบอกคนของเขาที่จะจุดไฟในหญ้าแห้งในด้านหน้าของกองทัพส่ง ควันเต็มไปตาแฟรงค์และปาก