1.3 The Welding ArcMost metals and

1.3 The Welding Arc
Most metals and alloys conduct electricity at room temperature due to the presence of free electrons.
A considerable amount of heat can be produced from the flow of the current in a circuit. Typical
examples of this heating effect, also called resistance heating, are tungsten filament bulbs and heating
coils in ovens. In comparison, gases like oxygen, nitrogen, carbon dioxide, etc. do not conduct any
electricity at room temperature. However, if sufficient energy is applied to a gas it also can become
conductive. When sufficient voltage is applied to a gas it can be ionized – changed into positively
charged ions and negatively charged electrons. The electrons move in response to the applied voltage
to produce a current flow and this movement of electrons allows the initiation of an arc. The current
flow causes resistance heating in the gas which promotes further ionization and increased current flow.
As long as the voltage source is able to supply the necessary voltage and the current needed by the
arc, it can be sustained in a stable manner and used for welding applications.
Based on the above principle, a conventional arc is formed between two non-consumable electrodes in
a gas or vapour medium when an appropriate voltage, depending on the electrode material and gas
phase, is applied to the electrodes. As seen in Figure 1.1, one of the two electrodes forms a positive
terminal of the electrical circuit and is called the anode; the negative terminal of the circuit is called the
cathode. When an arc is created, electrons are evaporated from the cathode and transferred to the
anode through the ionized gas in between. Flow of electrons is the same thing as flow of current or
electricity.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.3 การเชื่อมอาร์คโลหะและโลหะผสมส่วนใหญ่ไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้องเนื่องจากของฟรีอิเล็กตรอนความร้อนจำนวนมากสามารถผลิตได้จากการไหลของกระแสในวงจร โดยทั่วไปตัวอย่างของผลความร้อนนี้ เรียกว่าความต้านทานความร้อน มีหลอดไฟทังสเตนเส้นใย และความร้อนขดลวดในเตาอบ ในการเปรียบเทียบ ก๊าซเช่นออกซิเจน ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ ไม่ดำเนินการใด ๆไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้อง อย่างไรก็ตาม ถ้าพลังงานเพียงพอที่จะใช้กับก๊าซ มันยังสามารถกลายเป็นนำไฟฟ้า เมื่อแรงดันไฟฟ้าที่เพียงพอใช้กับแก๊สที่มันสามารถจะแตกตัวเป็นไอออน – เปลี่ยนเป็นบวกประจุบวกและอิเล็กตรอน ย้ายอิเล็กตรอนในการตอบสนองแรงดันไฟฟ้าที่ใช้การผลิตปัจจุบันกระแสและความเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนให้การเริ่มต้นของส่วนโค้ง ปัจจุบันกระแสทำให้เกิดความต้านทานความร้อนในก๊าซที่ส่งเสริมการไอออไนซ์และกระแสปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นตราบใดที่แหล่งจ่ายไฟสามารถจ่ายแรงดันไฟฟ้าที่จำเป็นและในปัจจุบันที่จำเป็นสำหรับการarc มันจะยั่งยืนอย่างมั่นคง และใช้สำหรับเชื่อมงานได้ใช้หลักการข้างต้น โค้งธรรมดาจะเกิดขึ้นระหว่างสองขั้วไฟฟ้าไม่บริโภคในสื่อก๊าซหรือไอเมื่อแรงดันเหมาะสม ขึ้นอยู่กับวัสดุอิเล็กโทรดและก๊าซเฟส ใช้กับเซ็นเซอร์ เท่าที่เห็นในรูปที่ 1.1 หนึ่งในสองขั้วไฟฟ้าเป็นบวกเทอร์มินัลของวงจรไฟฟ้า และเรียกว่าขั้วบวก เรียกว่าขั้วลบของวงจรแคโทด เมื่อสร้างส่วนโค้ง อิเล็กตรอนระเหยจากแคโทด และโอนย้ายไปขั้วบวกผ่านก๊าซแตกตัวเป็นไอออนในระหว่าง การไหลของอิเล็กตรอนเป็นการไหลของกระแสเหมือน หรือระบบไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.3 การเชื่อมอาร์ค
โลหะและโลหะผสมเป็นตัวนำไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้องเพราะการปรากฏตัวของอิเล็กตรอนฟรี.
จำนวนมากของความร้อนที่สามารถผลิตได้จากการไหลของกระแสในวงจรที่ ทั่วไป
ตัวอย่างของผลกระทบร้อนนี้เรียกว่ายังต้านทานความร้อนเป็นหลอดไส้หลอดทังสเตนและเครื่องทำความร้อน
ขดลวดในเตาอบ ในการเปรียบเทียบเช่นก๊าซออกซิเจนไนโตรเจนคาร์บอนไดออกไซด์ ฯลฯ ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ
ไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้อง แต่ถ้าพลังงานเพียงพอที่จะนำไปใช้ก๊าซก็ยังสามารถกลายเป็น
สื่อกระแสไฟฟ้า เมื่อแรงดันไฟฟ้าเพียงพอที่จะนำไปใช้ก๊าซก็สามารถแตกตัวเป็นไอออน - เปลี่ยนเป็นบวก
ไอออนและอิเล็กตรอนที่มีประจุลบ อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไปในการตอบสนองต่อแรงดันไฟฟ้า
ในการผลิตกระแสและการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนนี้จะช่วยให้การเริ่มต้นของส่วนโค้ง ปัจจุบัน
การไหลทำให้เกิดความต้านทานความร้อนในก๊าซที่ส่งเสริมการไอออไนซ์ต่อไปและการไหลของกระแสเพิ่มขึ้น.
ตราบใดที่แหล่งที่มาของแรงดันไฟฟ้าสามารถจัดหาแรงดันไฟฟ้าที่จำเป็นและในปัจจุบันจำเป็นโดย
โค้งก็สามารถยั่งยืนในลักษณะที่มีเสถียรภาพและใช้สำหรับ การใช้งานการเชื่อม.
ยึดหลักการข้างต้นโค้งธรรมดาจะเกิดขึ้นระหว่างสองขั้วไฟฟ้าที่ไม่สิ้นเปลืองใน
ก๊าซหรือไอกลางเมื่อมีแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัสดุไฟฟ้าและก๊าซ
เฟสถูกนำไปใช้ขั้วไฟฟ้า เท่าที่เห็นในรูปที่ 1.1 ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบสองขั้วไฟฟ้าบวก
ขั้วของวงจรไฟฟ้าและถูกเรียกว่าขั้วบวก; ขั้วลบของวงจรที่เรียกว่า
แคโทด เมื่ออาร์จะถูกสร้างขึ้นอิเล็กตรอนระเหยจากแคโทดและย้ายไปที่
ขั้วบวกผ่านก๊าซแตกตัวเป็นไอออนในระหว่าง การไหลของอิเล็กตรอนเป็นสิ่งเดียวกับการไหลของกระแสหรือ
ไฟฟ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1.3 การเชื่อมอาร์คโลหะและโลหะผสมส่วนใหญ่เนินไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้องเนื่องจากการแสดงตนของอิเล็กตรอนอิสระจำนวนมากของความร้อนที่สามารถผลิตได้จากการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า โดยทั่วไปตัวอย่างนี้มีผลต่อความร้อนที่เรียกว่าความต้านทานความร้อนมีหลอดไฟทังสเตน และความร้อนม้วนในเตาอบ ในการเปรียบเทียบ , ก๊าซ เช่น ออกซิเจน ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น ไม่ทำการใด ๆไฟฟ้าที่อุณหภูมิห้อง อย่างไรก็ตาม หากพลังงานที่เพียงพอจะใช้แก๊สมันก็จะกลายเป็นสื่อกระแสไฟฟ้า . เมื่อมีแรงดันเพียงพอจะใช้ก๊าซสามารถประจุบวกและเปลี่ยนเป็นประจุไอออน และประจุลบหรืออิเล็กตรอน อิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในการตอบสนองการใช้แรงดันเพื่อสร้างกระแส และการเคลื่อนไหวของอิเล็กตรอนจะช่วยให้การเริ่มต้นของอาร์ค ปัจจุบันสาเหตุของความต้านทานความร้อนในแก๊สซึ่งโฆษณาอิสระเพิ่มเติมและกระแสเพิ่มขึ้น .ตราบใดที่แรงดันไฟฟ้าแหล่งจะสามารถจัดหาแรงดันไฟฟ้าที่จำเป็นและจำเป็น โดยปัจจุบันอาร์ค มันคงอยู่ในลักษณะที่มั่นคง และใช้สำหรับงานเชื่อมจากหลักการข้างต้น เป็นโค้งปกติจะเกิดขึ้นระหว่างสองขั้วไฟฟ้าที่ไม่สิ้นเปลืองแก๊สหรือไอที่มีความเหมาะสมปานกลาง เมื่อแรงดันขึ้นอยู่กับวัสดุไฟฟ้าและก๊าซขั้นตอนการใช้ขั้วไฟฟ้า ตามที่เห็นในรูปที่ 1.1 , หนึ่งในรูปแบบสองขั้วไฟฟ้าบวกเทอร์มินัลของวงจรไฟฟ้าและเรียกว่าขั้วบวก ; terminal เป็นวงจรที่เรียกว่าแคโทด เมื่ออาร์คจะถูกสร้างขึ้น อิเล็กตรอนจะระเหยจากแคโทดและย้ายไปแอโนดผ่านไอออนไนซ์ก๊าซระหว่าง การไหลของอิเล็กตรอน ก็เหมือนกับการไหลของกระแสหรือไฟฟ้า