ประวัติความเป็นมา.................วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณมีมาแต่ การแปล - ประวัติความเป็นมา.................วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณมีมาแต่ ไทย วิธีการพูด

ประวัติความเป็นมา.................ว

ประวัติความเป็นมา
.................วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดโบราณมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี มีชื่อเรียกเดิมว่า วัดมะกอก สมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุร ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วัดแจ้ง สาเหตุที่เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดมะกอกมาเป็นวัดแจ้งก็เพราะว่า เมื่อสมัยที่พระเจ้ากรุงธนบุรี
ได้ปราบศัตรูที่อยุธยาและคนไทยมีอิสระภาพขึ้นดังเดิมแล้ว แต่ไม่สามารถจะตั้งอาศัยอยู่ ณ ราชธานีเดิม คือกรุงเก่าต่อมาได้ จึงพากันล่องลงมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อหาที่ตั้งราชธานีใหม่ พอลงมาถึงหน้าวัดมะกอกนี้ ก็พอดีรุ่งแจ้ง พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระราชดำริเห็นเป็นอุดมมหามงคลฤกษ์ จึงโปรดให้ยับยั้ง
กระบวนผู้คน ให้เทียบเรือพระที่นั่งเข้ากับท่าน้ำ เสด็จขึ้นไปทรงสักการะบูชา พระมหาธาตุ คือพระพุทธปรางค์องค์เดิม ซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำข้างหน้าวัด ต่อมาได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัด แล้วเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็นวัดแจ้งเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เสด็จมาประทับอยู่ ณ พระราชวังเดิมข้างใต้วัดแจ้ง แต่เมื่อปีพ.ศ. ๒๓๒๘ ทรง
มอบหน้าที่ให้บำรุงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้ง สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่หมดทั้งวัด แต่การปฏิสังขรณ์ ทำได้สำเร็จเพียงกุฏีสงฆ์ ส่วนพระอุโบสถและพระวิหารยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาลที่ ๑
..................... ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อ โปรดให้สร้างพระอุโบสถ และพระวิหารต่อจากที่เริ่มสร้างไว้แล้วในสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่พระอุโบสถโปรดให้สร้างพระระเบียงล้อมรอบ การสร้งพระอุโบสถและพระวิหารเสร็จแล้ว ยังโปรดให้
บูรณะพระอุโบสถและพระวิหารเก่าหน้าพระปรางค์หน้าวัด กับสร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลัง การปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ สำเร็จเรียบร้อย ก็มีการฉลองและพระราชทานนามวัดนี้ใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม ต่อมา ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะสถาปนาพระมหาธาตุหรือพระพุทธปรางค์ข้างหน้าวัด ขึ้นใหม่ให้เป็นที่งามสง่า พระปรางค์เดิมสูงเพียง ๘ วา ทรงพระราชดำริว่าควรจะเสริมสร้างให้ใหญ่สูงเป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนคร จึงโปรดให้กำหนดการลงมือขุดคลองรากทำเป็นฐาน แต่การยังไม่สำเร็จก็พอดีสิ้นรัชกาลที่ ๒ เสียก่อน
..........................รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติสืบมาจนเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๘๕ ทรงพระราชดำริถึงพระมหาธาตุที่วัดอรุณฯ ซึ่งสมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระราชดำริไว้และค้างอยู่นั้น ควรจะดำเนินการให้สำเร็จดังพระราชประสงค์ จึงได้ทรงคิดแบบอย่างแล้วโปรดให้ลงมือสร้าง
พระพุทธปรางค์ เป็นพระมหาเจดีย์สูง ๑ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๑ นิ้ว ฐานวัดโดยรอบได้ ๕ เส้น ๑๗ วาในรัชกาลนี้ ยังโปรดให้สร้างพระมณฑป ขึ้นระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง กับสร้างพระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ ๑๒ ขึ้น ๔ องค์ ในบริเวณด้านใต้
พระระเบียง และยังโปรดให้สร้างซุ้มประตูในย่างกลางพระระเบียง ตรงหน้าพระอุโบสถออกมา ทำเป็นยอดทรงมงกุฏ และสร้างยักษ์ยืนคู่หนึ่งประจำที่หน้าซุ้มประตูด้านนี้ด้วย
.....................เมื่อรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว ต่อมาโปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง เช่น สร้างบุษบกยอดเป็นทรงปรางค์ขึ้นที่ผนังหุ้มกลอง ด้านหน้าพระอุโบสถ เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างพระมหาจักรพรรดิ์
แห่งหนึ่ง กับที่ผนังหุ้มกลองด้านหลังพระอุโบสถอีกแห่งหนึ่ง กับโปรดให้ประดับฝาผนังด้านนอกพระอุโบสถและพระวิหารด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ
...................อนึ่ง พระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงปั้นหุ่นด้วยฝีพระหัตถ์ นั้นยังไม่มีพระนาม จึงพระราชทานนามถวายว่า พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก และที่โปรดให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ ณ พระพุทธบัลลังก์ของ
พระประธานองค์นี้ด้วย กับที่พระวิหารโปรดให้อัญเชิญพระอรุณ ที่อัญเชิญมาแต่เวียงจันทน์ มาประดิษฐานไว้ในพระวิหารอยู่ข้างหน้า พระพุทธชัมภูนุชมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตร พระประธานในพระวิหารนั้นเมื่อการ บูรณะปฏิสังขรณ์วัดสำเร็จแล้ว ได้พระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม ดังที่เรียกกันจนถึงทุกวันนี้
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมา.................วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดโบราณมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีมีชื่อเรียกเดิมว่าวัดมะกอกสมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดแจ้งสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อวัดจากวัดมะกอกมาเป็นวัดแจ้งก็เพราะว่าเมื่อสมัยที่พระเจ้ากรุงธนบุรี ได้ปราบศัตรูที่อยุธยาและคนไทยมีอิสระภาพขึ้นดังเดิมแล้วแต่ไม่สามารถจะตั้งอาศัยอยู่ณราชธานีเดิมคือกรุงเก่าต่อมาได้จึงพากันล่องลงมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อหาที่ตั้งราชธานีใหม่พอลงมาถึงหน้าวัดมะกอกนี้ก็พอดีรุ่งแจ้งพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระราชดำริเห็นเป็นอุดมมหามงคลฤกษ์จึงโปรดให้ยับยั้งกระบวนผู้คนให้เทียบเรือพระที่นั่งเข้ากับท่าน้ำเสด็จขึ้นไปทรงสักการะบูชาพระมหาธาตุคือพระพุทธปรางค์องค์เดิมซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำข้างหน้าวัดต่อมาได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดแล้วเปลี่ยนชื่อวัดใหม่เป็นวัดแจ้งเพื่อให้เหมาะสมกับเหตุการณ์มาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเสด็จมาประทับอยู่ณพระราชวังเดิมข้างใต้วัดแจ้งแต่เมื่อปีพ.ศ ๒๓๒๘ ทรงมอบหน้าที่ให้บำรุงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่หมดทั้งวัดแต่การปฏิสังขรณ์ทำได้สำเร็จเพียงกุฏีสงฆ์ส่วนพระอุโบสถและพระวิหารยังไม่ทันเสร็จก็สิ้นรัชกาลที่ ๑..................... ในสมัยรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อโปรดให้สร้างพระอุโบสถและพระวิหารต่อจากที่เริ่มสร้างไว้แล้วในสมัยรัชกาลที่ ๑ ที่พระอุโบสถโปรดให้สร้างพระระเบียงล้อมรอบการสร้งพระอุโบสถและพระวิหารเสร็จแล้วยังโปรดให้บูรณะพระอุโบสถและพระวิหารเก่าหน้าพระปรางค์หน้าวัดกับสร้างศาลาการเปรียญขึ้น ๑ หลังการปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ สำเร็จเรียบร้อยก็มีการฉลองและพระราชทานนามวัดนี้ใหม่ว่าวัดอรุณราชวรารามต่อมาทรงมีพระราชศรัทธาที่จะสถาปนาพระมหาธาตุหรือพระพุทธปรางค์ข้างหน้าวัดขึ้นใหม่ให้เป็นที่งามสง่าพระปรางค์เดิมสูงเพียง ๘ วาทรงพระราชดำริว่าควรจะเสริมสร้างให้ใหญ่สูงเป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนครจึงโปรดให้กำหนดการลงมือขุดคลองรากทำเป็นฐานแต่การยังไม่สำเร็จก็พอดีสิ้นรัชกาลที่ ๒ เสียก่อน..........................รัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติสืบมาจนเมื่อปีพ.ศ. ๒๓๘๕ ทรงพระราชดำริถึงพระมหาธาตุที่วัดอรุณฯ ซึ่งสมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระราชดำริไว้และค้างอยู่นั้นควรจะดำเนินการให้สำเร็จดังพระราชประสงค์จึงได้ทรงคิดแบบอย่างแล้วโปรดให้ลงมือสร้างพระพุทธปรางค์เป็นพระมหาเจดีย์สูง ๑ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๑ นิ้วฐานวัดโดยรอบได้ ๕ เส้น ๑๗ วาในรัชกาลนี้ยังโปรดให้สร้างพระมณฑปขึ้นระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหารที่สร้างขึ้นใหม่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองกับสร้างพระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ ๑๒ ขึ้น ๔ องค์ในบริเวณด้านใต้พระระเบียงและยังโปรดให้สร้างซุ้มประตูในย่างกลางพระระเบียงตรงหน้าพระอุโบสถออกมาทำเป็นยอดทรงมงกุฏและสร้างยักษ์ยืนคู่หนึ่งประจำที่หน้าซุ้มประตูด้านนี้ด้วย.....................เมื่อรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วต่อมาโปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่างเช่นสร้างบุษบกยอดเป็นทรงปรางค์ขึ้นที่ผนังหุ้มกลองด้านหน้าพระอุโบสถเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างพระมหาจักรพรรดิ์ แห่งหนึ่งกับที่ผนังหุ้มกลองด้านหลังพระอุโบสถอีกแห่งหนึ่งกับโปรดให้ประดับฝาผนังด้านนอกพระอุโบสถและพระวิหารด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ...................อนึ่งพระประธานในพระอุโบสถซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงปั้นหุ่นด้วยฝีพระหัตถ์นั้นยังไม่มีพระนามจึงพระราชทานนามถวายว่าพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลกและที่โปรดให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ณพระพุทธบัลลังก์ของพระประธานองค์นี้ด้วยกับที่พระวิหารโปรดให้อัญเชิญพระอรุณที่อัญเชิญมาแต่เวียงจันทน์มาประดิษฐานไว้ในพระวิหารอยู่ข้างหน้าพระพุทธชัมภูนุชมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตรพระประธานในพระวิหารนั้นเมื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดสำเร็จแล้วได้พระราชทานนามใหม่ว่าวัดอรุณราชวรารามดังที่เรียกกันจนถึงทุกวันนี้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

มีชื่อเรียกเดิมว่าวัดมะกอก ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดแจ้ง
แต่ไม่สามารถจะตั้งอาศัยอยู่ ณ ราชธานีเดิมคือกรุงเก่าต่อมาได้ เพื่อหาที่ตั้งราชธานีใหม่พอลงมาถึงหน้าวัดมะกอกนี้ก็พอดีรุ่งแจ้ง จึงโปรดให้ยับยั้ง
กระบวนผู้คน เสด็จขึ้นไปทรงสักการะบูชาพระมหาธาตุคือพระพุทธปรางค์องค์เดิม ต่อมาได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัด โปรดให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเสด็จมาประทับอยู่ ณ พระราชวังเดิมข้างใต้วัดแจ้ง แต่เมื่อปีพ. ศ 2328
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร แต่การปฏิสังขรณ์ทำได้สำเร็จเพียงกุฏีสงฆ์ 1
..................... ในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อโปรดให้สร้างพระอุโบสถ 1
กับสร้างศาลาการเปรียญขึ้น 1 หลังการปฏิสังขรณ์สิ่งต่าง ๆ สำเร็จเรียบร้อย วัดอรุณราชวรารามต่อมา ขึ้นใหม่ให้เป็นที่งามสง่าพระปรางค์เดิมสูงเพียง 8 วา 2 เสียก่อน
.......................... รัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2385
เป็นพระมหาเจดีย์สูง 1 เส้น 13 วา 1 ศอก 1 คืบ 1 นิ้วฐานวัดโดยรอบได้ 5 เส้น 17 วาในรัชกาลนี้ยังโปรดให้สร้างพระมณฑป เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองกับสร้างพระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมไม้ 12 ขึ้น 4 แห่งในองค์ในด้านใต้
พระระเบียง ตรงหน้าพระอุโบสถออกมาทำเป็นยอดทรงมงกุฏ
4 เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว ๆ ในวัดอรุณฯ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่างเช่น ด้านหน้าพระอุโบสถ

................... อนึ่งพระประธานในพระอุโบสถ นั้นยังไม่มีพระนามจึงพระราชทานนามถวายว่าพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก ณ
ที่อัญเชิญมา แต่เวียงจันทน์ พระประธานในพระวิหารนั้นเมื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดสำเร็จแล้วได้พระราชทานนามใหม่ว่าวัดอรุณราชวรารามดังที่เรียกกันจนถึงทุกวันนี้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมา
.................วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดโบราณมีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานีมีชื่อเรียกเดิมว่าวัดมะกอกสมัยกรุงธนบุรีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดแจ้งเมื่อสมัยที่พระเจ้ากรุงธนบุรี
ได้ปราบศัตรูที่อยุธยาและคนไทยมีอิสระภาพขึ้นดังเดิมแล้วแต่ไม่สามารถจะตั้งอาศัยอยู่ณราชธานีเดิมคือกรุงเก่าต่อมาได้จึงพากันล่องลงมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อหาที่ตั้งราชธานีใหม่ก็พอดีรุ่งแจ้งพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงพระราชดำริเห็นเป็นอุดมมหามงคลฤกษ์จึงโปรดให้ยับยั้ง
กระบวนผู้คนให้เทียบเรือพระที่นั่งเข้ากับท่าน้ำเสด็จขึ้นไปทรงสักการะบูชาพระมหาธาตุคือพระพุทธปรางค์องค์เดิมซึ่งประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำข้างหน้าวัดต่อมาได้โปรดให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรเสด็จมาประทับอยู่ณพระราชวังเดิมข้างใต้วัดแจ้งแต่เมื่อปีพ .ศ . ๒๓๒๘ทรง
มอบหน้าที่ให้บำรุงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่หมดทั้งวัดแต่การปฏิสังขรณ์ทำได้สำเร็จเพียงกุฏีสงฆ์๑
.....................ในสมัยรัชกาลที่๒พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดแจ้งต่อโปรดให้สร้างพระอุโบสถและพระวิหารต่อจากที่เริ่มสร้างไว้แล้วในสมัยรัชกาลที่ต่างหากการสร้งพระอุโบสถและพระวิหารเสร็จแล้วยังโปรดให้
บูรณะพระอุโบสถและพระวิหารเก่าหน้าพระปรางค์หน้าวัดกับสร้างศาลาการเปรียญขึ้น๑หลังการปฏิสังขรณ์สิ่งต่างจะสำเร็จเรียบร้อยก็มีการฉลองและพระราชทานนามวัดนี้ใหม่ว่าวัดอรุณราชวรารามต่อมาขึ้นใหม่ให้เป็นที่งามสง่าพระปรางค์เดิมสูงเพียงแยกวาทรงพระราชดำริว่าควรจะเสริมสร้างให้ใหญ่สูงเป็นพระมหาธาตุสำหรับพระนครจึงโปรดให้กำหนดการลงมือขุดคลองรากทำเป็นฐานแต่การยังไม่สำเร็จก็พอดีสิ้นรัชกาลที่เสียก่อน
.......................... รัชกาลที่กันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติสืบมาจนเมื่อปีพ . ศ .๒๓๘๕ทรงพระราชดำริถึงพระมหาธาตุที่วัดอรุณฯซึ่งสมเด็จพระบรมชนกนาถทรงพระราชดำริไว้และค้างอยู่นั้นควรจะดำเนินการให้สำเร็จดังพระราชประสงค์จึงได้ทรงคิดแบบอย่างแล้วโปรดให้ลงมือสร้าง
พระพุทธปรางค์เป็นพระมหาเจดีย์สูง๑เส้น๑๓วา๑ศอก๑คืบ๑นิ้วฐานวัดโดยรอบได้๕เส้น๑๗วาในรัชกาลนี้ยังโปรดให้สร้างพระมณฑปขึ้นระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหารที่สร้างขึ้นใหม่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง๑๒ขึ้นโตเกียวองค์ในบริเวณด้านใต้
พระระเบียงและยังโปรดให้สร้างซุ้มประตูในย่างกลางพระระเบียงตรงหน้าพระอุโบสถออกมาทำเป็นยอดทรงมงกุฏและสร้างยักษ์ยืนคู่หนึ่งประจำที่หน้าซุ้มประตูด้านนี้ด้วย
.....................เมื่อรัชกาลที่โตเกียวพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้วต่อมาโปรดให้สร้างและปฏิสังขรณ์สิ่งต่างจะในวัดอรุณฯเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่างเช่นด้านหน้าพระอุโบสถเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างพระมหาจักรพรรดิ์
แห่งหนึ่งกับที่ผนังหุ้มกลองด้านหลังพระอุโบสถอีกแห่งหนึ่งจะกับโปรดให้ประดับฝาผนังด้านนอกพระอุโบสถและพระวิหารด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่าง
.อนึ่งพระประธานในพระอุโบสถซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงปั้นหุ่นด้วยฝีพระหัตถ์นั้นยังไม่มีพระนามจึงพระราชทานนามถวายว่าพระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลกณพระพุทธบัลลังก์ของ
พระประธานองค์นี้ด้วยกับที่พระวิหารโปรดให้อัญเชิญพระอรุณที่อัญเชิญมาแต่เวียงจันทน์มาประดิษฐานไว้ในพระวิหารอยู่ข้างหน้าพระพุทธชัมภูนุชมหาบุรุษลักขณาอสีตยานุบพิตรพระประธานในพระวิหารนั้นเมื่อการได้พระราชทานนามใหม่ว่าวัดอรุณราชวรารามดังที่เรียกกันจนถึงทุกวันนี้
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: