9.คนทั่วไปมักคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างถึงจะรวยได้ แต่คนรวยคิดว่าเค้าต้องเป็นอย่างไรเค้าถึงจะรวยได้
เมื่อคุณเปลี่ยนวิธีตั้งคำถามกับตัวคุณเองแล้วคุณจะมองเห็นเป้าหมายใหญ่มากขึ้นกว่าที่จะต้องก้มหน้าก้มตานึกถึงสิ่งเล็กที่คุณคิดว่าต้องพยายามทำอะไรให้รวย
10.คนทั่วไปคิดว่าคุณจำเป็นต้องใช้เงินเพือให้ได้เงินมา แต่คนรวยคิดว่าต้องให้ผู้อื่นสร้างเงินให้เรา
“ฉันหาเงินไม่ได้เพราะว่าฉันไม่มีทุน” หรือ “ฉันต้องหาเงินเพราะฉันไม่มีเงิน” อันไหนฟังดูดีกว่ากัน การหาเงินนั้นมีหลากหลายวิธีขอเพียงแค่คุณมีทัศนะคติที่ถูกเท่านั้นเอง
11.คนทั่วไปคิดว่าการตลาดเป็นเรื่องของหลักการ และการวางแผน แต่คนรวยกลับคิดว่าเป็นเรื่องของอารมณ์ และความโลภ
หลักการของการตลาดนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของการตลาดเท่านั้นหากคุณมองเพียงแต่หลักการเพียงอย่างเดียวคุณจะไม่มีทางมองเห็นภาพใหญ่ของทั้งตลาดได้เลย เพราะคนทั่วไปบนโลกนี้ใช้อารมณ์มากกว่าหลักการ
12.คนทั่วไปใช้ชีวิตเกินตัว แต่คนรวยใช้ชีวิตพอเพียง
คนทั่วๆไปมักใช้เงินเพื่อให้ตัวเองดูดีจนเกินตัว เช่น โทรศัพท์ เสื้อผ้าหน้าผม แทนที่จะนำเงินเหล่านี้ไปลงทุนให้กับตัวเองเพื่อให้เงินงอกเงยก่อน ผิดกับคนรวยเค้าจ่ายให้ตัวเองก่อนในสิ่งที่จะเป็นเงินเป็นทองก่อน เหลือค่อยใช้
13.คนทั่วไปสอนลูกเพียงให้อยู่รอดเท่านั้น แต่คนรวยจะสอนลูกให้เป็นคนรวย
คนทั่วไปมักจะสอนให้ลูกเป็นเหมือนเขา เขาก็เลยไม่เคยสอนให้ลูกรู้จักหาเงิน หรือรักษาธุรกิจเอาไว้ เค้าจะส่งลูกเค้าเรียนโรงเรียนดี มหาวิทยาลัยดี โดยหวังว่าลูกของเค้าจบมาแล้วจะได้การงานที่ดี แต่ไม่เคยสอนให้ลูกของเค้าหาความรู้เกี่ยวกับการสร้างความมั่นคง หรือการใช้เงินในทางที่ถูกเลย
14.คนทั่วไปปล่อยให้เรื่องเงินกลายเป็นปัญหาความเครียด แต่คนรวยจัดการปัญหาเรื่องการเงินด้วยการแสวงหาอิสรภาพทางการเงินแทน
ถ้าคุณยังต้องไล่ตามหาเงินเพื่อนำเอาเงินนั้นมาใช้จ่ายต่างๆ เพื่อความสุขหรือการดำรงชีวิตนั้น แน่นอนคุณต้องคอยกังวล และเครียดอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณควรจะหาอิสรภาพทางการเงิน จ่ายเงินเพื่อซื้ออิสรภาพทางการเงินก่อน ค่อยจ่ายเงินให้กับความชอบส่วนตัว.
15.คนทั่วไปเลือกความสบายก่อนที่จะเลือกการสร้างความรู้ให้ตัวเอง แต่คนรวยคิดกลับกัน
คนรวยไม่ยอมเสียเวลานั่งดูรายการโทรทัศน์ที่ไม่ได้ให้ประโยชน์ หรือความรู้กับเค้า เค้าจะเลือกใช้เวลาเพื่อเป็นการสร้างความรู้ หรือความชำนาญใส่ตัวก่อน