Thailand case study begins with the

Thailand case study begins with the profile of geo-ecological cultures in Thailand. Then the case study focused on 3 communities in Thailand and their forestry problems. The three case studies indicated that politic dynamics of deforestation stemmed from various elements, starting from a policy-making level and an idea of decentralisation, surrounded by Thai economic and politic factors.

Ban Klang village is located in a fertile forest area with several creek sources where in the past were dense with teaks. The Ban Klang forests can be divided into 3 types: evergreen forest, sundry forest and deciduous forest.

Ban Klang community has lost the forest from several causes which are forestry concessions and illegal forestry concessions by Businessmen and Mafia. The forestry concessions and the illegal forestry concessions has resulted in several natural crises in Ban Klang. Creeks have been short of water, rice cultivation has been unsuccessful due to drought and creeks and streams have become shallow by earth coming down from the declining forest.

At present, the state of declining of the forest is worsening. The forest area of river sources have been destroyed which has affected the existence of living things and the richness of the watersheds. Therefore, the villagers have considered the causes of the problems and tried to rehabilitate, maintain and protect the water source forests that have been destroyed. They have got together and established "Ban Klang Community Forest Committee" with the objective to make community cooperate with community and community with government, promote the knowledge and the understanding of forestry preservation, find methods and cooperation to rehabilitate the invaded and declining forests for the Maemai and the Maetum creeks can be sources of life essential supply for the people living around the watersheds.

The adaptation to protect the forests and the community’s activities have resulted in increased fertility in the forests around the village. The villagers have realised that the community survival is based on common elements from the forests. The way of life of the villagers highly depends on the nature, therefore, the villagers see the importance of the forest rehabilitation and protection.

The author explains although the villagers have the new forest management system and can implement it efficiently, the government does not accept and recognise the community’s organization. Therefore, the regulations can be imposed only on the community’s members but not on outsiders that break them.

The Nong Yo community forest has a forest area of 1,557 rai. The forest is a mixture between the hardwood and the evergreen forests. The Nong Yo forest is surrounded by 8 communities either original or new settlers. The communities’ main career is agriculture and labouring to Bangkok and other big cities.

Around 1967, the Tammai company is Surin province was granted forestry concessions in the forest area to produce sleepers and firewood. The forest became sparse and people could expand their cultivation areas to grow upland plants. In 1979 Forest Industry Organisation (FIO) hired by Tammai company started to restore back the forest and rehabilitate the damaged forest area by planting wattle, eucalyptus an Melia azedlarach.

The author mentions that the Eucalyptus Garden-Like Reforestation Project over the communities’ cultivation area has caused trouble, such as economic, social and poverty problems, because the communities have lost a vast cultivation area, the decreasing level of underground water, the forest area are arid, the soil is not fertile, natural trees have been cut for use and various breeds of animals have been extinct.

Because of the impacts on the 8 villages, a protest was made to the involved organizations to cancel the garden-like forest status. The Nong Yo forest rehabilitation plan was offered as a forest management that would be run by the communities around the forest.

Satoon is a province located on the Andaman sea side. It is in southern Thailand and has 2 geographical types which are mountainous areas covered with forests (land forest) and The shore on the Andaman sea side. Most forest areas in Satoon are in the north of the province. There are 18 preserved forests in Satoon which cover 729,980.55 rai or 47.12% of the province.

The author provides data of the rate of deforestation in Satoon province. It is stated that Satoon lost a forest area of 170,625 rai within 5 years or on average 34,125 rai/year or 93,49 rai/day. The causes are illegal forestry concessions for trade; community expansion to make a living and to have inherited land from their ancestors; and area expansion for good breeds of rubber tree plantation. Due to the mention causes, the case study provides a list of arrests and legal claims proceeded by officers of the conserved national park of Ban Sea and officers at the provincial police station of Satoon province.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประเทศไทยกรณีศึกษาเริ่มต้น ด้วยโปรไฟล์ของวัฒนธรรมระบบนิเวศภูมิศาสตร์ในประเทศไทย แล้ว กรณีศึกษาเน้น 3 ชุมชนในประเทศไทยและปัญหาป่าไม้ของพวกเขา กรณีศึกษาสามระบุ dynamics ที่รัฐของการตัดไม้ทำลายป่าที่เกิดจากองค์ประกอบต่าง ๆ จากระดับเผยความคิดของ decentralisation ล้อมรอบ ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ และรัฐไทยกลางบ้านอยู่ในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์กับครีหลายแหล่งที่ในอดีตมีความหนาแน่น ด้วย teaks บ้านกลางป่าแบ่งเป็น 3 ประเภท: ป่าดิบ ป่าต่าง ๆ และป่าผลัดใบได้ชุมชนบ้านกลางบ้านได้สูญเสียป่าจากหลายสาเหตุซึ่งเป็นป่าไม้สัมปทานและสัมปทานผิดกฎหมายป่าไม้ โดยนักธุรกิจและมาเฟีย สัมปทานป่าไม้และสัมปทานป่าไม้กฎหมายมีผลในหลายธรรมชาติวิกฤตในบ้านกลาง ลำธารมีการขาดน้ำ การเพาะปลูกข้าวได้สำเร็จเนื่องจากภัยแล้ง และลำธารและลำธารมีเขิน โดยโลกลงมาจากป่าลดลงปัจจุบัน สถานะของการลดลงของป่าจะเลวลง พื้นที่ป่าของแม่น้ำแหล่งที่มีการทำลายซึ่งมีผลกระทบการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตและความร่ำรวยอุดม ดังนั้น ชาวบ้านได้พิจารณาสาเหตุของปัญหา และพยายามฟื้นฟู รักษา และปกป้องป่าแหล่งน้ำที่ได้ถูกทำลายไป พวกเขามีร่วมกัน และก่อตั้ง "คณะกรรมการป่าบ้านกลางชุมชน" มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนร่วมมือกับชุมชนและชุมชนกับภาครัฐ ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในการอนุรักษ์ป่าไม้ ค้นหาวิธีและร่วมมือในการฟื้นฟูการ invaded และลดลงป่าลำธาร Maetum และ Maemai สามารถจัดหาชีวิตจำเป็นสำหรับคนที่อยู่รอบ ๆ อุดมแหล่งการปรับตัวเพื่อปกป้องผืนป่าและกิจกรรมของชุมชนมีผลในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในป่ารอบ ๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านได้ตระหนักว่า ความอยู่รอดของชุมชนเป็นไปตามองค์ประกอบทั่วไปจากป่า วิถีชีวิตของชาวบ้านสูงขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ดังนั้น ชาวบ้านเห็นความสำคัญของการฟื้นฟูป่าและการป้องกันผู้เขียนอธิบายแม้ว่าชาวบ้านมีระบบการจัดการป่าใหม่ และสามารถนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลไม่ยอมรับ และรู้จักของชุมชนองค์กร ดังนั้น กฎระเบียบที่สามารถกำหนดเฉพาะ บนสมาชิกของชุมชน แต่ไม่บุคคลภายนอกที่ทำลายพวกเขาป่าชุมชนหนองยอมีพื้นที่ป่าไร่ 1,557 เป็นป่าผสมระหว่างป่าดิบและไม้แข็ง หนองยอป่าล้อมรอบ ด้วย 8 ชุมชนตั้งถิ่นฐานเดิม หรือใหม่ อาชีพหลักของชุมชนคือ เกษตรกรรมและเยื้อที่กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่น ๆรอบ 1967 บริษัท Tammai อยู่จังหวัดสุรินทร์ได้รับสัมปทานป่าไม้ในพื้นที่ป่าในการผลิตหมอนและฟืน ป่ากลายเป็นห่าง และท่านสามารถขยายพื้นที่เพาะปลูกของการปลูกพืชไร่ ใน 1979 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (FIO) การจ้างงาน โดยบริษัท Tammai เริ่มการคืนค่ากลับป่า และฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสียหาย โดยการปลูกยูคาลิปตัส เหนียง Melia azedlarachผู้เขียนกล่าวว่า Eucalyptus Garden-Like โครงการปลูกป่าชุมชนพื้นที่เพาะปลูกได้เกิด เช่นทางเศรษฐกิจ สังคม และปัญหาความยากจน เนื่องจากชุมชนมีการสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกใหญ่ ระดับการลดลงของน้ำใต้ดิน มีแห้งแล้ง ดินไม่อุดมสมบูรณ์ ถูกตัดต้นไม้ตามธรรมชาติสำหรับใช้ และสายพันธุ์ต่าง ๆ ของสัตว์ที่มีการสูญพันธุ์เนื่องจากผลกระทบต่อหมู่บ้าน 8 ประท้วงทำให้กับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกสถานะเหมือนสวนป่า แผนการฟื้นฟูป่าหนองยอถูกนำเสนอเป็นการจัดการป่าไม้ที่จะทำงาน โดยชุมชนรอบป่าSatoon เป็นจังหวัดที่อยู่ทางด้านทะเลอันดามัน มันอยู่ในประเทศไทย และมี 2 ชนิดทางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นที่ภูเขาที่ปกคลุม ด้วยป่าไม้ (ป่าบก) และฝั่งด้านทะเลอันดามัน พื้นที่ป่าส่วนใหญ่ใน Satoon อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัด มีป่าอนุรักษ์ 18 ใน Satoon ซึ่งครอบคลุม 729,980.55 ไร่หรือร้อยละ 47.12 ของจังหวัดผู้เขียนนำเสนอข้อมูลของอัตราการตัดไม้ทำลายป่าในจังหวัด Satoon มันจะระบุว่า Satoon สูญเสียป่า 170,625 ไร่ภายใน 5 ปี หรือเฉลี่ย 34,125 ไร่/ปี หรือ 93,49 ไร่ต่อวัน สาเหตุผิดกฎหมายป่าไม้สัมปทานการค้า ขยายตัวของชุมชนเพื่อทำที่อยู่อาศัย และมีที่ดินมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา และขยายพื้นที่สำหรับสายพันธุ์ที่ดีของยางพารา เนื่องจากสาเหตุกล่าวถึง กรณีศึกษาแสดงรายการของการจับกุม และเรียกร้องทางกฎหมายดำเนินการ โดยเจ้าหน้าที่ป่าสงวนอุทยานแห่งชาติทะเลบ้านและเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัด Satoon

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรณีศึกษาประเทศไทยเริ่มต้นด้วยรายละเอียดของระบบนิเวศทางภูมิศาสตร์วัฒนธรรมในประเทศไทย แล้วกรณีศึกษามุ่งเน้นไปที่ 3 ชุมชนในประเทศไทยและปัญหาป่าไม้ของพวกเขา ทั้งสามกรณีศึกษาชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของการทำลายป่าเกิดจากองค์ประกอบต่างๆที่เริ่มต้นจากระดับนโยบายทำและความคิดของการกระจายอำนาจที่ล้อมรอบไปด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองไทย.

หมู่บ้านบ้านกลางตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มีแหล่งที่มาของลำห้วยหลาย ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาก็หนาแน่นไปด้วยไม้สัก ป่าบ้านกลางสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท. ป่าดิบ, ป่าต่างๆนานาและป่าเต็งรัง

ชุมชนบ้านกลางได้หายไปในป่าจากหลายสาเหตุซึ่งเป็นสัมปทานป่าไม้และสัมปทานป่าไม้ที่ผิดกฎหมายโดยนักธุรกิจและมาเฟีย สัมปทานป่าไม้และการสัมปทานป่าไม้ที่ผิดกฎหมายมีผลในวิกฤตการณ์ทางธรรมชาติหลายแห่งในบ้านกลาง หริได้รับในระยะสั้นของน้ำการเพาะปลูกข้าวได้รับไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากภัยแล้งและธารน้ำและลำธารตื้นได้กลายเป็นแผ่นดินโลกลงมาจากป่าที่ลดลง.

ในปัจจุบันรัฐของการลดลงของป่าจะเลวร้ายลง พื้นที่ป่าของแหล่งแม่น้ำได้ถูกทำลายซึ่งได้รับผลกระทบการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งต้นน้ำที่ ดังนั้นชาวบ้านได้มีการพิจารณาสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นและพยายามที่จะฟื้นฟูดูแลรักษาและปกป้องป่าไม้แหล่งน้ำที่ได้รับการทำลาย พวกเขาได้มีร่วมกันและจัดตั้ง "บ้านกลางชุมชนคณะกรรมการป่า" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนให้ความร่วมมือกับชุมชนและชุมชนกับรัฐบาลส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในการดูแลรักษาป่าไม้ที่หาวิธีการและความร่วมมือในการฟื้นฟูป่าบุกลดลงสำหรับ Maemai และลำห้วย Maetum สามารถเป็นแหล่งที่มาของชีวิตการจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ แหล่งต้นน้ำ.

การปรับตัวเพื่อปกป้องป่าและกิจกรรมของชุมชนที่มีผลในความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นในป่ารอบ ๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านได้ตระหนักว่าการอยู่รอดของชุมชนจะขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทั่วไปจากป่า วิถีชีวิตของชาวบ้านสูงขึ้นอยู่กับลักษณะจึงชาวบ้านเห็นความสำคัญของการฟื้นฟูสภาพป่าและการป้องกันได้.

ผู้เขียนอธิบายถึงแม้ว่าชาวบ้านมีระบบการจัดการป่าไม้ใหม่และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพรัฐบาลไม่ยอมรับ และรับรู้องค์กรชุมชน ดังนั้นกฎระเบียบที่สามารถเรียกเก็บเฉพาะในสมาชิกของชุมชน แต่ไม่เกี่ยวกับบุคคลภายนอกที่ทำลายพวกเขา.

ป่าชุมชนหนองโย่มีพื้นที่ป่า 1,557 ไร่ ป่าไม้เป็นส่วนผสมระหว่างป่าไม้เนื้อแข็งและป่าดิบ ป่าหนองโย่ถูกล้อมรอบด้วย 8 ชุมชนทั้งถิ่นฐานเดิมหรือใหม่ ชุมชนอาชีพหลักคือการเกษตรและแรงงานที่กรุงเทพฯและเมืองใหญ่อื่น ๆ .

รอบปี 1967 บริษัท Tammai เป็นจังหวัดสุรินทร์ได้รับสัมปทานป่าไม้ในพื้นที่ป่าไม้ในการผลิตหมอนและฟืน ป่ากลายเป็นคนที่เบาบางและสามารถขยายพื้นที่การเพาะปลูกของพวกเขาเพื่อปลูกพืชไร่ ในปี 1979 อุตสาหกรรมป่าไม้องค์การ ( อ.อ.ป. ) ได้รับการว่าจ้างโดย บริษัท Tammai เริ่มที่จะเรียกคืนกลับป่าและฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ได้รับความเสียหายโดยการปลูกเหนียง, ยูคา Melia azedlarach.

ผู้เขียนกล่าวว่าโครงการปลูกป่ายูคาลิปการ์เด้นชอบไปทั่วพื้นที่เพาะปลูกของชุมชน ได้ก่อให้เกิดปัญหาเช่นเศรษฐกิจสังคมและความยากจนปัญหาเพราะชุมชนที่มีการสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกขนาดใหญ่ในระดับที่ลดลงของน้ำบาดาลพื้นที่ป่าไม้จะแห้งแล้งดินไม่อุดมสมบูรณ์ต้นไม้ธรรมชาติได้รับการตัดสำหรับการใช้งานและ สายพันธุ์ต่างๆของสัตว์ที่ได้รับการสูญพันธุ์.

เพราะผลกระทบต่อ 8 หมู่บ้านประท้วงถูกทำกับองค์กรที่เกี่ยวข้องในการยกเลิกสถานะป่าสวนเหมือน แผนฟื้นฟูป่าหนองโย่ถูกนำเสนอเป็นการจัดการป่าไม้ที่จะดำเนินการโดยชุมชนรอบป่า.

สตูลเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บนฝั่งทะเลอันดามัน มันมีอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทยและมี 2 ประเภททางภูมิศาสตร์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ (Forest ที่ดิน) และฝั่งด้านทะเลอันดามัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าสตูลอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด มี 18 ป่าเก็บรักษาไว้ในสตูลซึ่งครอบคลุม 729,980.55 ไร่หรือ 47.12% ของมณฑลมี.

ผู้เขียนให้ข้อมูลอัตราการตัดไม้ทำลายป่าในจังหวัดสตูล มันถูกระบุว่าสตูลสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ 170,625 ไร่ภายใน 5 ปีหรือ 34,125 ไร่เฉลี่ย / ปีหรือ 93,49 ไร่ / วัน ทำให้มีสัมปทานป่าไม้ที่ผิดกฎหมายการค้า; การขยายตัวของชุมชนในการทำมาหากินและการที่จะมีที่ดินมรดกมาจากบรรพบุรุษของพวกเขา; และการขยายพื้นที่สำหรับสายพันธุ์ที่ดีของการปลูกต้นยางพารา เกิดจากสาเหตุที่กล่าวถึงกรณีศึกษาให้รายการของการจับกุมและการเรียกร้องทางกฎหมายดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของอุทยานอนุรักษ์บ้านทะเลและเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสตูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรณีประเทศไทยเริ่มศึกษากับโปรไฟล์ของภูมิศาสตร์นิเวศวิทยาวัฒนธรรมในประเทศไทย แล้วกรณีศึกษา 3 ชุมชนในประเทศไทยและปัญหาป่าไม้ของพวกเขา 3 กรณีศึกษาพบว่า การเมืองพลวัตของการตัดไม้ทำลายป่า stemmed จากองค์ประกอบต่างๆ เริ่มจากระดับนโยบายและความคิดของ Decentralisation ล้อมรอบ ด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองไทย .บ้านกลางหมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีลำธารหลายแหล่งที่ในอดีตเป็นหนาตากับไม้สัก . บ้านกลางป่า สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท : ป่าดิบ ป่าหลาย และป่าเบญจพรรณชุมชนบ้านกลางได้หลงป่าจากหลายสาเหตุซึ่งมีการสัมปทานป่าไม้และสัมปทานป่าไม้อย่างผิดกฎหมาย โดยนักธุรกิจและมาเฟีย สัมปทานป่าไม้ และสัมปทานป่าไม้ ผิดกฎหมาย ส่งผลให้เกิดวิกฤตธรรมชาติต่าง ๆ ในบ้านกลาง ทั้งสองได้รับการสั้น ๆของน้ำ การปลูกข้าวได้รับการไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากภัยแล้งและลำห้วยและลำธารได้ตื้นเขิน โดยลดลงโลกลงมาจากป่าปัจจุบัน สถานะของการลดลงของป่าไม้ที่กำลังเลวร้าย พื้นที่ป่าของแม่น้ำแหล่งถูกทำลาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำ ดังนั้น ชาวบ้านมีการพิจารณาสาเหตุของปัญหา และพยายามฟื้นฟู รักษา และปกป้องแหล่งน้ำ ป่าไม้ที่ถูกทำลาย พวกเขาได้ร่วมกันจัดตั้ง " คณะกรรมการชุมชนบ้านกลางป่า " มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชน ร่วมมือกับชุมชน และชุมชนกับรัฐ ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจในการดูแลรักษาป่าไม้ หาวิธีการ และความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูการรุกรานและป่าไม้ลดลงใน maemai และ maetum ลำธารสามารถเป็นแหล่งที่มาของชีวิตจัดหาสิ่งจำเป็นสำหรับ ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำการปรับตัวเพื่อปกป้องป่า และกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน มีผลในการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ในป่ารอบๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านได้ตระหนักว่าการอยู่รอดของชุมชนโดยทั่วไปองค์ประกอบจากป่า วิถีชีวิตของชาวบ้านอย่างมาก ขึ้นอยู่กับธรรมชาติ ดังนั้นชาวบ้านเห็นความสำคัญของป่า ฟื้นฟู และป้องกันผู้เขียนอธิบายว่า แม้ว่าชาวบ้านจะมีระบบการจัดการป่าใหม่และสามารถใช้มันได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลไม่ได้ยอมรับและรู้จักองค์กรของชุมชน ดังนั้นกฎระเบียบที่สามารถกําหนดเฉพาะสมาชิกของชุมชน แต่ไม่มีคนนอกที่ทำลายพวกเขาป่าโย่ชุมชนหนองมีพื้นที่ป่า 1 ไร่ ป่าเป็นส่วนผสมระหว่างไม้เนื้อแข็งและป่าดิบ ป่าโย่หนองล้อมรอบทั้งต้นฉบับหรือตั้งถิ่นฐานใหม่ 8 ชุมชน ชุมชน อาชีพหลัก คือ การเกษตร และทำงานที่กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่น ๆรอบปี 1967 , บริษัท ทำไมจังหวัดสุรินทร์ ได้รับสัมปทานป่าไม้ในพื้นที่ป่าเพื่อผลิตหมอน และฟืน ป่าเป็นป่าโปร่ง และประชาชนสามารถขยายพื้นที่การเพาะปลูกของพวกเขาปลูกไร่พืช ในปี 1979 องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ( เฟี้ยว ) ได้รับการว่าจ้างโดย บริษัท ทำไมเริ่มเรียกคืนกลับป่า และฟื้นฟูความเสียหายพื้นที่ป่า โดยปลูกเหนียง ยูคาลิปตัสเป็น Melia azedlarach .ผู้เขียนกล่าวถึงว่า ยูคาลิปตัส สวน เช่น โครงการปลูกป่าพื้นที่การเพาะปลูกของชุมชน มีปัญหา เช่น เศรษฐกิจ สังคม และปัญหาความยากจน เพราะชุมชนต้องสูญเสียพื้นที่การเพาะปลูกมาก การลดลงของระดับน้ำใต้ดิน พื้นที่ป่าที่แห้งแล้ง ดินไม่อุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ ธรรมชาติถูกตัดสำหรับ ใช้ และพันธุ์ต่าง ๆสัตว์ได้สูญพันธุ์ไปแล้วเพราะผลกระทบจาก 8 หมู่บ้าน ประท้วงให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกเลิกสวนเหมือนสภาพป่า แผนโย่วฟื้นฟูสภาพป่าหนองถูกเสนอเป็นป่าการจัดการนั้นจะดำเนินการโดยชุมชนรอบป่าsatoon เป็นจังหวัดตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ด้าน มันอยู่ในภาคใต้ และมี 2 ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่พื้นที่ภูเขาปกคลุมด้วยป่าไม้ ( ป่า ) และฝั่งในทะเลอันดามัน ด้าน พื้นที่ป่าส่วนใหญ่ใน satoon เป็นทางตอนเหนือของจังหวัด มี 18 รักษาป่าใน satoon ซึ่งครอบคลุม 729980.55 ไร่ หรือ ร้อยละ 47.12 )ผู้เขียนให้ข้อมูลอัตราการตัดไม้ทำลายป่าในจังหวัดสตูล . มันเป็นกล่าวว่า satoon สูญเสียพื้นที่ป่า 170625 ไร่ภายใน 5 ปี หรือเฉลี่ย 34125 ไร่ / ปี หรือ 93,49 ไร่ / วัน สาเหตุคือ สัมปทานป่าไม้ กฎหมายการค้า ชุมชนขยายตัวเพื่อให้อยู่ได้ และได้รับมรดกที่ดินจากบรรพบุรุษ และขยายพื้นที่ปลูกยางพาราพันธุ์ดีของ . เนื่องจากการกล่าวถึงสาเหตุกรณีศึกษาให้รายการของการจับกุมและเรียกร้องทางกฎหมายดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน อนุรักษ์ และตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสตูล .