การแปลผลการตรวจร่างกาย ทางเดินหายใจ(การฟัง)
การตรวจร่างกายทางเดินหายใจนั้น จะช่วยในการวินิจฉัยโรคของผู้ป่วยให้ถูกต้องและแม่นยำมากขึ้นด้วย เราจึงต้องฝึกฝนการตรวจร่างกาย และแปลผลการตรวจจนมีความชำนาญร่วมด้วย
ในการตรวจร่างกายทางเดินหายใจ ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ การดู การคลำ การเคาะ การฟัง โดยครั้งนี้จะเน้นการตรวจร่ากายในส่วนของการฟังเป็นหลัก
การฟัง เราจะปฎิบัติการขั้นนี้ได้แก่
1. การฟังเสียงหายใจ (Breath sound)
2. การฟังเสียงพูด(Voice sound)
3. การฟังเสียงผิดปกติ(Adventitious sound)
การฟังเสียงหายใจ (Breath sound)
การฟังเสียงหายใจคือฟังเสียงที่เกิดขึ้นของอากาศในหลอดลม ในลักษณะที่เป็น Turbulence flow ซึ่งเราจะแยกการฟังตามตำแหน่งต่างๆ และแต่ละตำแหน่งก็มีลักษณะที่แตกต่างไป คือ
• ถ้าฟังบริเวณหลอดลมใหญ่(ด้านหน้าคอ) จะได้ยินเสียง bronchial sounds
• ฟังบริเวณด้านหน้า manubrium sterum จะได้ยินเสียง bronchovesicular sounds
• ฟังเสียงบริเวณ ทั่วไปของปอดทั้งสองข้าง จะได้ยินเสียง Vesicular sounds (เข้ายาว-ออกสั้น)
ซึ่งในปอดปกติ จะมีการนำ หรือคัดกรองเสียงที่แตกต่างกันดังที่กล่าวมา คือในบริเวณที่ปอดปกติ aveoli ปกติเราก็จะฟังได้เสียง vesicular sounds ถ้าเกิดaveolar ผิดปกติ(มีการติดเชื้อ มีน้ำเข้ามาแทนที่)เกิดลักษณะconsolidation ก็จะได้ยินเสียงหายใจเปลียนจากที่ควรได้ยินไปเป็น bronchovesicular or bronchial sounds แทน ทำให้เรารู้ได้ว่าบริเวณนั้นมีความผิดปกติของaveoliบริเวณนั้น
2) การฟังเสียงพูด(voice sounds)
3) เสียงผิดปกติ(Aventitious sounds)
• continuous sound คือเสียงของลมที่ผ่านหลอดลม(small airway)ขนาดเล็ก
1. Wheezing
2. Rhonchi
3. Stridor
• discontinuous sounds
1. Crackle(Crepitation) เป็นเสียงที่ผิดปกติของ abnormal aveoli เกิดเสียงเมื่อมีลมผ่านfluid(ของเหลว)ในหลอดลมหรือaveoli
• เราจึงมาจำแนกได้อีกว่า ลักษณะของ Crepitation นั้น เป็นแบบ coarse(หลอดลมใหญ่) หรือ fine (หลอดลมเล็ก terminal bronchiole)
• นอกจากนั้นเราใช้ช่วงเวลาในการได้ยินแบ่งได้เป็น Late crepitation(พบบริเวณ terminal brochiole&aveoli) และ Early crepitaion (พบบริเวณหลอกลมขนาดใหญ่ขึ้นมา)
2. Pleural rub
ถ้าผู้ป่วย เป็นโรค Pneumonia at RLL มาตรวจกับเรานั้น เราก็จะตรวจพบลักษณะ breath sound --> consolidation sound at RLL ,Adventitious sounds -->Discontinuous sound -->Crepitaion -->Late fine crepitaion ก็จะบงบอกรอยโรคของผู้ป่วยได้ ว่าเกิดที่ใด ลักษณะเป็นเช่นไรได้