การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Culinary Tourism) เป็นอีกหนึ่งตลาดกำลังได้รับความนิยมในตลาดการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพราะช่วยเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ เชื่อมโยงรายได้สู่ระดับชุมชนและเกษตรกร เพราะอาหารเป็นตัวแทนในการนำเสนอสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่น เป็นการแสดงออกว่ามาถึงแหล่งท่องเที่ยวนั้นมีอาหารใดที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และการรับประทานอาหารพื้นถิ่นยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนทั้งทางตรงและทางอ้อม นอกจากนี้อาหารยังเป็นสื่อในการจูงใจให้เกิดการท่องเที่ยวผ่านแบ่งปันเรื่องราวการท่องเที่ยวในสื่อออนไลน์จากนักท่องเที่ยวผู้มาเยือน โดยสินค้าสำคัญอันดับแรกในการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ คือ อาหาร เนื่องจากอาหารไทยหลายชนิดเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมติดอันดับโลก เช่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดไทย เป็นต้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเชิงอาหารยังกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และภาคเกษตรทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น อาหารใช้ผลผลิตการเกษตรเป็นวัตถุดิบหลัก หรือในส่วนที่พื้นที่ติดทะเล ก็จะใช้วัตถุดิบอาหารทะเลที่สามารถหาได้ รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้ หรือ การเลี้ยงสัตว์ต่างๆเพื่อนำมาทำเป็นอาหาร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่สำรวจและศึกษาพบว่าการท่องเที่ยวเชิงอาหารของไทยก็ยังคงมีทั้งโอกาสและข้อจำกัด เพราะแม้ประเทศไทยจะมีต้นทุนเป็นที่รู้จักของโลกในด้านอาหารอยู่แล้ว แต่ยังขาดการส่งเสริมร้านอาหารให้ได้มาตรฐานและเป็นที่รู้จัก ขาดการตระหนักถึงข้อดีหรือเอกลักษณ์ในตนเอง ขาดการเชื่อมโยงให้เป็นมูลค่าและความสำคัญของการท่องเที่ยวเชิงอาหารในแง่การกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวและที่สำคัญยังขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีอีกด้วย ดังนั้นประเทศไทยควรศึกษาและวางระบบส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารอย่างจริงจัง ให้สอดคล้องกับการเป็นผู้นำด้านอาหารและเป็นเมืองที่มีสตรีทฟู้ดส์ที่ดีที่สุดในโลกจากการจัดอันดับของสำนักข่าว CNN