ทำไม...คนไทยถึงรักพระเจ้าอยู่หัว” เป็นคำถามที่อาจจะมีได้มากกว่าหกสิบล้านคำตอบแต่หนึ่งในคำตอบนั้นคือเพราะเราได้รับการอบรมสั่งสอนและปลูกฝังให้รักเคารพและเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะพระเจ้าอยู่หัวทรงเปี่ยมด้วยพระปรีชา สามารถและเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมที่ยังประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นมหาปราชญ์แห่งแผ่นดินพระภูมินทร์นักประพันธ์ราชันจอมคีตศิลป์พระภูบดินทร์ยอดนักกีฬาพระบิดาแห่งฝนหลวงของปวงราษฎร์พระจอมปราชญ์แห่งผืนป่าพระผ่านฟ้านักปกครองประเทศพระเกษตราธิบดี-ทฤษฎีใหม่พระภูวไนยนักนิติศาสตร์พระปิตุราชปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เลี้ยงชีวากษัตรานักประดิษฐ์พระนริศนักบริหารพระนรบาลนักสหกรณ์พระภูธรครูแห่งแผ่นดินพระจักรินนักพัฒนาพระราชา นักจัดการทรัพยากรธรรมชาติและพระนรนารถปราชญ์แห่งน้ำ
ประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์เป็นอู่ข้าวอู่น้ำแผ่นดินคือร่างกายน้ำคือสายเลือดเกษตรกรคือหัวใจดังนั้น โครงการพระราชดำริมากมายกว่า๑,๒๓๐โครงการจึงเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำหลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภคถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้เพราะน้ำคือชีวิตจากปุยเมฆสูงสู่ลัดโพธิ์คือสูตรสำเร็จในการบริหารจัดการน้ำตามแนวพระราชดำริยามฝนแล้ง ต้องก่อกวนเลี้ยงให้อ้วนแล้วโจมตีเป็นฝนหลวงกักเก็บน้ำด้วยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำชะลอการไหลของน้ำด้วยฝายทดน้ำเมื่อน้ำเสียให้ ใช้ผักตบชวาเป็นเครื่องกรองน้ำธรรมชาติเติมอากาศด้วยกังหันชัยพัฒนาและเมื่อระดับน้ำก่อให้เกิดภาวะวิกฤติ ทรงมีแนวพระราชดำริให้รู้จักป้องกันและแก้ไขตั้งแต่การฟื้นฟูป่าเพื่อชะลอการไหลของน้ำแก้มลิงประตูระบายน้ำและท้ายสุด คือการเร่งระบายออกสู่ทะเลแบบคลองลัดโพธิ์
จากพระราชกรณียกิจพระราชจริยวัตรและพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรนั้นลึกล้ำกว้างใหญ่ไพศาล เปรียบประดุจน้ำในมหาสมุทรที่ชโลมจิตใจพสกนิกรให้ชุ่มเย็นทรงใช้ทศพิธราชธรรมโอบเอื้อข้าแผ่นดินก่อให้เกิดประโยชน์ดังประการ ต่อไปนี้ธรรมะที่ประพฤติดีแล้วนำสุขมาให ้คือทาน ศีล ปริจาคะ และอาชวะ ทรงให้ด้วยพระราชหฤทัยที่บริสุทธิ์ทรงประพฤติแต่ คุณความดีทรงมีความเสียสละต่อปวงประชาดำรงพระองค์อย่างสง่าด้วยความซื่อตรงธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม คือ มัทวะ และตบะ ทรงกอปรพระราชกรณียกิจด้วยความอ่อนน้อมอ่อนโยนดั่งรวงข้าวอันอุดมที่พริ้วไหวยามสายลมพัดผ่านทรงฟันฝ่าอุปสรรค ด้วยความเพียรเยี่ยงพระมหาชนกธรรมะทำให้โลกงดงาม ด้วยอโกธะ และอวิหิงสา และสุดท้ายธรรมะส่องสว่างทางสงบบรรจบงาน ด้วยขันติและอวิโรธนะ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นธรรมราชาอย่างสมบูรณ์ด้วยแนวคิดของธรรมราชา๔ประการดังนี้ประการแรก ธรรมวิชัย คือการชนะด้วยธรรมจะเห็นได้จากการที่ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างในการปฏิบัติธรรมทรงเอาชนะความขัดแย้งใน บ้านเมืองด้วยธรรมะทำให้ปัญหายุติลงด้วยดีประการต่อมาความใจกว้างทางธรรม ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภกตามรัฐธรรมนูญ คือทรงอุปถัมภ์ทุกศาสนาถึงแม้ว่าจะทรงเป็นพุทธมามกะแต่มิได้ทรงกีดกันศาสนาอื่นประการต่อมาความเมตตาในสรรพชีวิต ทรงมีพระเมตตาพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้ด้อยและผู้ได้โอกาสซึ่งพระองค์มีพระราชดำริว่าความเจริญทางจิตใจต้องควบคู่ไปกับ ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและประการสุดท้ายการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ธรรมราชาต้องทรงสามารถเสียสละเพื่อราษฎรโดยคำนึงถึงความสุขของราษฎรเป็นสำคัญนับร้อยนับพันพระราชดำรัสที่ตรัสแจ้งประดุจได้นำแสงเดือนแสงสูรย์ความสมบูรณ์แห่งปฐพีความเสรีแห่งนภาดลความใสเย็นแห่งห้วงชลมาประกอบเป็นพรอันวิเศษพระราชทานผ่านพระบรมราโชวาทเพื่อเตือนสติและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่า“... ความเจริญของคนทั้งหลาย ย่อมเกิดจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็น หลักสำคัญ ย่อมจะต้องมีทั้งวิชาความรู้ ทั้งหลักธรรมทางศาสนา วิชาการกับหลักธรรมนี้ มีประกอบกันพร้อมในผู้ใด ผู้นั้นจะ ได้ประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิตโดยสมบูรณ์ ...” พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๒๔สิงหาคม๒๕๑๙ และในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ๕ธันวาคม ๒๕๕๔ เราชาวไทยขอดำเนินตามรอยพระยุคลบาท ปราชญ์แห่งแผ่นดินภูมินทร์แห่งธรรมด้วยการนำความรู้คู่คุณธรรมไปใช้ในการพัฒนาประเทศโดยยึดหลักดังนี้มีสติรู้ตัวปัญญารู้คิด
มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีจิตกตัญญูต่อแผ่นดินแม้รอยพระบาทที่พระองค์ได้เสด็พระราชดำเนินนำเราไปจะไกลแสนไกลขอเพียงเราได้ตัดสินใจแล้วก้าวเดินตามสุดปลาย ทางเราจะพบว่าคนไทยรักพระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่รักที่เกิดจาการปลูกฝังและอบรมสั่งสอนแต่เพียงเท่านั้นหากแต่เป็นความรักที่เกิดจากการได้รู้ได้เห็นและได้เข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงทำซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรักที่พระองค์มีต่อประชาชนด้วยเหตุนี้เราจึงภาคภูมิใจและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ได้อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ ทรงเป็นราชาเหนือราชันย์ทรงเป็นราชาแห่งปราชญ์และทรงเป็นปราชญ์แห่งราชาทรงเป็นภูมินทร์แห่งธรรมด้วยธรรมแห่งภูมินทร์ และทรงเป็นพลังแห่งแผ่นดินด้วยพระนามมหาราชาภูมิพล”