๏ อสุรีผีเสื้อแสนสวาท เห็นภูวนาถนิ่งไปก็ใจหาย
เออพ่อคุณทูนหัวผัวข้าตาย ราพณ์ร้ายลูบต้องประคององค์
เห็นอุ่นอยู่รู้ว่าสลบหลับ ยังไม่ดับชนม์ชีพเป็นผุยผง
พ่อทูนหัวกลัวน้องนี้มั่นคง ด้วยรูปทรงอัปลักษณ์เป็นยักษ์มาร
จำจะแสร้งแปลงร่างเป็นนางมนุษย์ ให้ผาดผุดทรวดทรงส่งสัณฐาน
เห็นพระองค์ทรงโฉมประโลมลาน จะเกี้ยวพานรักใคร่ดังใจจง
แล้วอ่านเวทเพศยักษ์ก็สูญหาย สกนธ์กายดังกินนรนวลหง
เอาธารามาชโลมพระโฉมยง เข้าแอบองค์นวดฟั้นคั้นประคองฯ
๏ พระพลิกฟื้นตื่นสมประดีได้ ในฤทัยหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง
แลเขม้นเห็นนางนวลละออง เคียงประคองอยู่บนแท่นแผ่นศิลา
นิ่งพินิจพิศดูรู้ว่ายักษ์ ด้วยแววจักษุหายทั้งซ้ายขวา
ยิ่งชิงชังคั่งแค้นแน่นอุรา จะใคร่ด่าให้ระยำด้วยคำพาล
แล้วคิดกลับดับเดือดให้เหือดหาย จึงอุบายวิงวอนด้วยอ่อนหวาน
นี่แน่นางอสุรีขินีมาร ไม่ต้องการที่จะแกล้งมาแปลงกาย
จะขอถามตามตรงจงประจักษ์ เจ้าเป็นยักษ์อยู่ในวนชลสาย
อันตัวเราเป็นมนุษย์บุรุษชาย เจ้าคิดร้ายลักพาเอามาไย
เข้าอิงแอบแนบข้างอยู่อย่างนี้ หรือว่ามีข้อประสงค์ที่ตรงไหน
มนุษย์ยักษ์รักกันด้วยอันใด ผิดวิสัยที่จะอยู่เป็นคู่ควร ฯ
๏ อสุรีผีเสื้อสดับเสียง เพราะสำเนียงเสนาะในฤทัยหวน
ทำเสแสร้งใส่จริตกระบิดกระบวน ละมุนม้วนเมียงหมอบแล้วยอบตัว
อันน้องนี้ไร้คู่ที่สู่สม เป็นสาวพรหมจารีไม่มีผัว
ถึงเป็นยักษ์ยังไม่มีราคีมัว พระมากลัวผู้หญิงด้วยสิ่งใด
แม่เจ้าเอ๋ยคิดมาน่าหัวร่อ เห็นเขาง้อแล้วยิ่งว่าไม่ปราศรัย
พลางแกล้งทำสะบัดสะบิ้งทิ้งสไบ ร้อนเหมือนใจจะขาดประหลาดนัก
แล้วแกล้งทำสำออยพูดอ้อยอิ่ง เข้าแอบอิงเอนทับลงกับตัก
ยิ่งถอยหนีก็ยิ่งตามด้วยความรัก ยิ่งพลิกผลักก็ยิ่งแอบแนบอุรา ฯ
๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต มิได้คิดอินังชังน้ำหน้า
ถีบจนพลัดจากแท่นแผ่นศิลา แล้วเดือดด่าว่าอีกาลีลาม
เขาเบือนเบื่อเหลือเกลียดขี้เกียจตอบ ยังขืนปลอบปลุกปล้ำอีส่ำสาม
ทำแสนแง่แสนงอนฉะอ้อนความ แพศยาบ้ากามกวนอารมณ์
ถึงมาตรแม้นม้วยมุดสุดชีวาตม์ อย่าหมายมาดว่ากูจะสู่สม
สัญชาติยักษ์ไม่สมัครสมาคม แล้วทุดถ่มน้ำลายไม่ใยดี ฯ
๏ อีนางยักษ์กลับปลอบไม่ตอบโกรธ พระจงโปรดเกล้าน้องอย่าหมองศรี
ข้าหมายเหมือนภัสดาถึงด่าตี ก็ตามทีเถิดเมียไม่เสียใจ
จนผู้หญิงอิงแอบแนบถนอม กระไรหม่อมจะตั้งปึ่งไปถึงไหน
ช่างไม่คิดขวยเก้อเอออะไร ทำบ้าใบ้เบือนหนีไปทีเดียว
มาร่วมเรียงเคียงข้างอยู่อย่างนี้ ยังว่ามีน้ำใจจะไม่เกี่ยว
น่าอดสูผู้หญิงเสียจริงเจียว พลางกลมเกลียวกอดรัดกษัตรา ฯ
๏ พระเหวี่ยงวัดขัดใจมิให้ต้อง จนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยสองพระหัตถา
มันดื้อด้านทานทนพ้นปัญญา จึงแกล้งว่าวิงวอนให้อ่อนใจ
อะไรเจ้าเฝ้ากวนกันจู้จี้ ข้าจะหนีหน่ายนางไปข้างไหน
ขอพักนอนเสียสักหน่อยถอยออกไป สบายใจจึงค่อยมาพูดจากัน
แล้วเอนองค์ลงบนแท่นแสนระทด โศกกำสรดซบทรงกันแสงศัลย์
โอ้สงสารป่านฉะนี้ศรีสุวรรณ อยู่ด้วยกันหลัดหลัดมาพลัดพราย
พอตื่นขึ้นยามเย็นไม่เห็นพี่ จะโศกีโหยหาน่าใจหาย
ได้เห็นแต่เจ้าพราหมณ์ทั้งสามนาย เขาผันผายลับตาจะอาวรณ์
นิจจาเอ๋ยเคยเห็นกันพี่น้อง มาเที่ยวท่องบุกเดินเนินสิงขร
อียักษ์ลักพี่ลงมาในสาคร จะทุกข์ร้อนว้าเหว่อยู่เอกา
พระนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นไห้ ชลเนตรหลั่งไหลทั้งซ้ายขวา
ซบพระพักตร์อยู่บนแท่นแผ่นศิลา ทรงโศกากำสรดระทดใจ ฯ
๏ อีนางยักษ์ฟังสะอื้นค่อยชื่นจิต สำคัญคิดแว่วว่าพระปราศรัย
เข้าอิงแอบแนบองค์พระทรงชัย เห็นเธอไม่ผินผันจำนรรจา
คิดว่าหลับกลับปลุกขึ้นโลมลูบ ประจงจูบปรางซ้ายแล้วย้ายขวา
ค่อยยกหัตถ์ภูวนาถพาดอุรา ในกามาปั่นป่วนให้ยวนยี
เห็นทรงศักดิ์ผลักพลิกทำหยิกเย้า มาลูบคลำทำเขาแล้วเบือนหนี
จะกอดไว้ไม่วางเหมือนอย่างนี้ แค้นนักหนาฟ้าผี่เถอะดื้อดึง ฯ
๏ พระแค้นคำซ้ำด่าอีหน้าด้าน ใครจะร่านเหมือนเช่นนี้ไม่มีถึง
น่าอดสูกูได้ทำไมมรึง มาเคล้าคลึงโลมลูบจูบผู้ชาย
ทั้งเหม็นสาบเหม็นสางเหมือนอย่างศพ ไม่น่าคบน่ารักยักษ์ฉิบหาย
มายั่วเย้าเฝ้าเบียดเกลียดจะตาย ไม่มีอายมีเจ็บเท่าเล็บมือ ฯ
๏ อีนางยักษ์ควักค้อนแล้วย้อนว่า ส่วนร่ำด่ากระนั้นได้เขาไม่ถือ
ทีขอจูบแต่พอถูกจมูกครือ ยิ่งอึงอื้อบ่นว่าเป็นน่าชัง
เมื่ออยู่สองต่อสองในห้องหับ จะบังคับมิให้ใครกลุ้มใจมั่ง
ถึงโกรธขึ้งอย่างไรก็ไม่ฟัง พลางเข้านั่งแอบข้างไม่ห่างกาย ฯ
๏ พระสุดแสนแค้นเคืองรำคาญจิต เป็นสุดคิดสุดที่จะหนีหาย
ให้อักอ่วนป่วนใจไม่สบาย มันกอดกายเซ้าซี้พิรี้พิไร
จะยั่งยืนขืนขัดตัดสวาท ไม่สังวาสเชยชิดพิสมัย
ก็จะสะบักสะบอมตรอมฤทัย ต้องแข็งใจก