Seasonal snow and soil frost covers

Seasonal snow and soil frost covers 55% of the northern hemisphere and freeze-thaw cycles in soils of these regions are expected to increase in severity and frequency along the next century [1]. Such natural elements which cause intermittent or seasonal drop in soil temperatures, significantly affect plant growth and other soil-biotic activities [2]. The term chilling temperatures pertain to low but non-freezing (0–15°C) temperatures that are common during early spring season in temperate regions which often substantially compromise plant productivity [3,4]. Further, such conditions also lead to crop loss by encouraging growth of saprophytic fungi in addition to disturbing the natural soil nutrient cycling thereby reducing soil fertility [1,2]. Exposure to low temperatures disrupts the cellular homeostasis in plants and reactive oxygen species (ROS) are some of the major products of stress-induced cellular changes [5]. ROS such as hydrogen peroxide (H2O2), singlet oxygen (O2-) and HO., damage biomacromolecules including proteins, lipids, carbohydrates and DNA, ultimately leading to total cell death in plants [6,7].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำแข็งหิมะและดินตามฤดูกาลครอบคลุมร้อยละ 55 ของซีกโลกเหนือ และรอบ freeze-thaw ในดินของภูมิภาคคาดว่าจะเพิ่มความรุนแรงและความถี่ตามศตวรรษถัดไป [1] ธรรมชาติดังกล่าวซึ่งทำให้เกิดเป็นระยะ ๆ หรือตามฤดูกาลลดลงในอุณหภูมิดิน อย่างมากส่งผลกระทบต่อพืชเจริญเติบโตและกิจกรรมจุลินทรีย์ดินอื่น ๆ [2] ระยะหนาวอุณหภูมิเกี่ยวข้องกับต่ำ แต่ไม่เยือกแข็ง (0-15 ° C) อุณหภูมิที่อยู่ทั่วไปในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิในเขตอบอุ่นมักมากทำโรงงานผลิต [3, 4] ต่อไป เงื่อนไขดังกล่าวนำไปสู่ตัดขาดทุนโดยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อรา saprophytic นอกจากรบกวนตัวดินธรรมชาติสารอาหารขี่จักรยานจึงช่วยลดความอุดมสมบูรณ์ของดิน [1, 2] แสงอุณหภูมิต่ำ disrupts สภาวะสมดุลเซลล์ในพืช และพันธุ์ปฏิกิริยาออกซิเจน (ROS) เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์หลักของความเครียดที่เกิดเปลี่ยนแปลงมือถือ [5] ROS เช่นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2), สายเดี่ยวออกซิเจน (O2-) และ นทร์ รวมทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต และดีเอ็น เอ biomacromolecules ความเสียหายในที่สุด นำไปสู่การตายของเซลล์ทั้งหมดในพืช [6, 7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หิมะตามฤดูกาลและน้ำค้างแข็งดินครอบคลุม 55% ของซีกโลกเหนือและแช่แข็งละลายรอบในดินของภูมิภาคนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในระดับความรุนแรงและความถี่พร้อมศตวรรษหน้า [1] องค์ประกอบของธรรมชาติดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดการลดลงต่อเนื่องหรือตามฤดูกาลในอุณหภูมิดินอย่างมีนัยสำคัญส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืชและกิจกรรมของดินไบโอติกอื่น ๆ [2] อุณหภูมิที่หนาวเหน็บระยะเกี่ยวข้องกับ (0-15 ° C) อุณหภูมิต่ำ แต่ไม่ใช่การแช่แข็งที่มีร่วมกันในช่วงฤดู​​ต้นฤดูใบไม้ผลิในเขตอบอุ่นซึ่งให้ผลผลิตของพืชมักจะประนีประนอมอย่างมีนัยสำคัญ [3,4] นอกจากนี้เงื่อนไขดังกล่าวยังนำไปสู่​​การสูญเสียพืชโดยการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อรา saprophytic นอกเหนือไปรบกวนหมุนเวียนของธาตุอาหารในดินตามธรรมชาติจึงช่วยลดความอุดมสมบูรณ์ของดิน [1,2] สัมผัสกับอุณหภูมิที่ต่ำถ่วงสมดุลโทรศัพท์มือถือในพืชและออกซิเจน (ROS) คือบางส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงมือถือเกิดความเครียด [5] ROS เช่นไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) ออกซิเจนเสื้อกล้าม (O2-) และโฮ. biomacromolecules ความเสียหายรวมทั้งโปรตีนไขมันคาร์โบไฮเดรตและดีเอ็นเอที่สุดนำไปสู่​​การตายของเซลล์ทั้งหมดในพืช [6,7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฤดูหิมะและน้ำค้างแข็งดินครอบคลุม 55% ของซีกโลกเหนือและวงจรละลายในดินของพื้นที่เหล่านี้ที่คาดว่าจะเพิ่มความรุนแรงและความถี่ตามศตวรรษหน้า [ 1 ] เช่นธรรมชาติองค์ประกอบที่ทำให้เกิดหรือตามฤดูกาลลดลงในอุณหภูมิดินที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ดิน และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆกิจกรรม [ 2 ] ระยะหนาวอุณหภูมิที่เกี่ยวข้องกับต่ำ แต่ไม่แข็ง ( 0 – 15 ° C ) อุณหภูมิที่พบในต้นฤดูใบไม้ผลิฤดูในเขตอบอุ่นซึ่งมักจะสามารถประนีประนอม [ การผลิตพืช 3 , 4 ] นอกจากนี้ เงื่อนไขดังกล่าว ยังนำไปสู่การขาดทุน โดยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อราซึ่งกินสิ่งที่เน่าเปื่อยนอกจากกวนดินธรรมชาติ สารอาหารจึงลดความอุดมสมบูรณ์ของดินจักรยาน [ 1 , 2 ] การสัมผัสกับอุณหภูมิต่ำรบกวนสมดุลของเซลล์ในพืชและปฏิกิริยาชนิดออกซิเจน ( ROS ) คือบางส่วนของผลิตภัณฑ์หลักของ stress-induced เปลี่ยนแปลง [ 5 ] มือถือ ผลตอบแทน เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ( H2O2 ) เสื้อกล้ามออกซิเจน ( O2 - ) และ โฮ . biomacromolecules ความเสียหาย ได้แก่ โปรตีน ลิพิด คาร์โบไฮเดรต และดีเอ็นเอ ท้ายที่สุดนำไปสู่การตายของเซลล์ทั้งหมดในพืช [ 6 , 7 ]