สำหรับประเพณีสงกรานต์ของอินเดีย ที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของสงกรานต์ไทย และสงกรานต์ในแถบอุษาคเนย์นั้น เป็นสงกรานต์ที่ใช้การสาดสี ไม่ใช่การสาดน้ำแบบที่เราคุ้นเคยกัน โดยประเพณีนี้ที่อินเดียมีชื่อเรียกว่า “โฮลิ” (Holi) หรือ “โฮลิปูรณิมา” ซึ่งจะตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ราวๆ เดือนมีนาคม)
คำว่า “สงกรานต์” เป็นภาษาสันสกฤตที่แปลว่า “ก้าวย่าง” ซึ่งในวัฒนธรรมอินเดียหมายถึงการเปลี่ยนผ่านเวลาในรอบปีจากราศีหนึ่งสู่อีกราศีหนึ่ง ฉะนั้นในหนึ่งปีจะมีสงกรานต์ 12 ครั้ง แต่ครั้งที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อดวงอาทิตย์ย้ายจากราศีมีน (มีนาคม) เข้าสู่ราศีเมษ (เมษายน) ถือว่าเป็นการขึ้นปีใหม่ตามคติฮินดู (ที่นับวันตามสุริยคติ) จึงมีชื่อเรียกเป็นพิเศษว่า “มหาสงกรานต์”
บางตำนานได้กล่าวไว้ว่า เทศกาลโฮลิ คือการเฉลิมฉลองชัยชนะของพระกฤษณะในการปราบอสูรร้ายที่ชื่อว่า “โฮลิกา” ด้วยการเผาผลาญร่างกายนางจนมอดไหม้ จึงได้มีการรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ด้วยการเผาสิ่งสกปรกออกจากบ้าน และโฮลิ ก็ยังมีความหมายถึงการสิ้นสุดไปของปีเก่า จากนั้นพระพรหมก็จะสร้างโลกใหม่ที่ดีกว่าเดิมในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันเพ็ญโฮลิปูรณิมา
ดังนั้น สิ่งที่นิยมทำกันในช่วงเทศกาลโฮลิก็คือการนำสิ่งของสกปรกออกไปจากบ้าน ไปรวมกันไว้ แล้วทำการเผาทิ้งไป ระหว่างนั้นก็จะมีการร้องรำทำเพลงไปเรื่อย พอวันรุ่งขึ้นก็จะมีการเฉลิมฉลองด้วยการสาดสี ที่มีความเชื่อกันว่าเป็นการปัดเป่าเชื้อโรคร้ายให้ออกจากร่างกายเราให้หมดสิ้น
เบื้องหลังของของประเพณีโฮลิ ที่ถือว่าเป็นการปัดเป่าโรคร้ายไปจากตัว ก็เนื่องจากสีที่นำมาสาดใส่กันนั้น เป็นสีที่ได้มาจากพืชพรรณและสมุนไพรตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีเขียว สีคราม ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้จะช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย คล้ายกับการใช้ธรรมชาติบำบัด เพราะว่าในช่วงที่มีประเพณีโฮลิเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ ที่อาจทำให้ไม่สบายได้ง่าย
ประเพณีโฮลิในอินเดีย เชื่อกันว่ามีมาอย่างยาวนานมากแล้ว จนกระทั่งความเชื่อนี้เข้ามาเผยแพร่ในแถบอุษาคเนย์ ก็ถูกเปลี่ยนจากการสาดสีเป็นการสาดน้ำแทน เนื่องจากในช่วงเดือนห้าเป็นช่วงที่อากาศร้อนมากที่สุดของปี การสาดน้ำนั้นก็เป็นไปเพื่อการคลายร้อน และเป็นการเฉลิมฉลองที่สนุกสนานในวันขึ้นปีใหม่นั่นเอง