DiscussionAfter occupational health

Discussion
After occupational health education was conducted with
the collaboration between workers and managers, many
workers (80.6–100.0%) noticed and were aware of toxicity
of lead and the necessity for protection against it. They
changed the attitude toward their work and improved personal
hygiene. The average blood lead level of the workers reduced.
Thus, occupational health education and collaboration were
effective to reduce the risk of lead poisoning of workers.
As to knowledge on risk of contact with lead, all workers
at the assembly section and the managers in the factory had
never gotten the education about the toxicity of lead and
the prevention against it. Many workers consequently had lacked knowledge and/or understanding about them. The
behaviors and personal hygiene were not adequate before
occupational health education. After occupational health
education, many workers were noticed and understood the
toxicity of lead and then changed the attitude toward their
work and improved personal hygiene, for example washing
their hands by a detergent before drinking water or having
lunch. Same results were shown in the results of Hwang
YH et al.6). In this research improved behaviors were
observed further in some respects. They wore long sleeved
shirt and trousers, quitted smoking in the workplace, and
took a bath after the work. Furthermore, they took off
working clothes at an office outside the workplace and
washed them everyday. This behavior is pointed out as one
of important ones in lead safety information7).
The working environment at the assembly section was
unsuitable for workers. Fourteen workers had a record of
lead poisoning. Many workers complained of weakness,
fatigue of muscle, mood swings and forgetfulness. Even
after occupational health education, airborne lead level at
the assembly section was between 26–603.2 µg/m3
. These
results in general corresponded to the airborne lead level at
this section in our previous report (156–2,617 µg/m3 in the
years from 1998 to 2002)1). Because the average of airborne
lead levels exceeded the Thai standard level, the working
environment should be improved.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำอธิบายหลังจากการศึกษาอาชีวอนามัยได้ดำเนินการกับการทำงานร่วมกันระหว่างคนงานและผู้บริหารหลายคนงาน(80.6-100.0%) สังเกตเห็นและได้รับรู้ถึงความเป็นพิษของสารตะกั่วและความจำเป็นสำหรับการป้องกันกับมัน พวกเขาเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อการทำงานของพวกเขาและการปรับปรุงส่วนบุคคลสุขอนามัย ระดับตะกั่วในเลือดเฉลี่ยของคนงานลดลง. ดังนั้นการศึกษาอาชีวอนามัยและการทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการเป็นพิษตะกั่วของคนงาน. ในฐานะที่เป็นความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของการติดต่อกับนำคนงานทั้งหมดที่ส่วนการชุมนุมและผู้บริหารในโรงงานได้เคย gotten การศึกษาเกี่ยวกับความเป็นพิษของตะกั่วและการป้องกันนั้น คนงานหลายคนจึงได้ขาดความรู้และ / หรือความเข้าใจเกี่ยวกับพวกเขา พฤติกรรมและสุขอนามัยส่วนบุคคลไม่เพียงพอก่อนที่จะศึกษาอาชีวอนามัย หลังจากอาชีวอนามัยการศึกษาคนงานหลายคนสังเกตเห็นและเข้าใจความเป็นพิษของตะกั่วและแล้วการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อการทำงานและการปรับปรุงสุขอนามัยส่วนบุคคลเช่นการซักมือของพวกเขาโดยผงซักฟอกก่อนที่จะดื่มน้ำหรือมีอาหารกลางวัน ผลลัพธ์ที่เหมือนกันที่มีการแสดงในผลของฮวงยงฮวาและ al.6) ในงานวิจัยนี้มีพฤติกรรมที่ดีขึ้นได้รับการตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมในบางประเด็น พวกเขาสวมแขนยาวเสื้อยืดและกางเกงขายาว, เลิกสูบบุหรี่ในสถานที่ทำงานและอาบน้ำหลังจากที่ทำงาน นอกจากนี้พวกเขาเอาออกเสื้อผ้าทำงานที่สำนักงานนอกที่ทำงานและล้างพวกเขาทุกวัน ลักษณะการทำงานนี้จะชี้ให้เห็นว่าเป็นหนึ่งของคนที่มีความสำคัญในด้านความปลอดภัยนำ information7). สภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่วนการชุมนุมก็ไม่เหมาะสมสำหรับคนงาน สิบสี่คนงานมีบันทึกของพิษตะกั่ว คนงานหลายคนบ่นของความอ่อนแอ, ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อและอารมณ์แปรปรวนหลงลืม แม้หลังจากการศึกษาอาชีวอนามัยระดับตะกั่วในอากาศที่ส่วนการชุมนุมระหว่าง26-603.2 ไมโครกรัม / m3 เหล่านี้ผลทั่วไปตรงกับระดับตะกั่วในอากาศที่ส่วนนี้ในรายงานก่อนหน้านี้(156-2,617 ไมโครกรัม / m3 ในปี1998-2002) 1) เพราะค่าเฉลี่ยของอากาศระดับสารตะกั่วเกินระดับมาตรฐานไทยที่ทำงานในสภาพแวดล้อมควรมีการปรับปรุง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การอภิปราย
หลังจากการศึกษาอาชีวอนามัยจำนวน
ความร่วมมือระหว่างพนักงานและผู้จัดการ คนงานมากมาย
( 80.6 ( 100.0% ) สังเกต และระวังพิษ
ตะกั่วและความจำเป็นเพื่อป้องกันมัน พวกเขา
เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการทำงานของพวกเขาและการปรับปรุงส่วนบุคคล
สุขอนามัย ค่าเฉลี่ยของระดับตะกั่วในเลือดของคนงานลดลง
ดังนั้นการศึกษาอาชีวอนามัยและความร่วมมือเป็น
ที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากพิษตะกั่วของคนงาน
เป็นความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงจากการสัมผัสกับสารตะกั่ว คนงานทุกคน
ที่ส่วนประกอบและผู้จัดการในโรงงานมี
ไม่เคยได้รับการศึกษาเกี่ยวกับความเป็นพิษของตะกั่วและ
การป้องกันมัน แรงงานมากจึงมีปัญหา และ / หรือ ความเข้าใจเกี่ยวกับพวกเขา
และพฤติกรรมอนามัยส่วนบุคคลไม่เพียงพอก่อน
การศึกษาอาชีวอนามัย . หลังจากจบการศึกษาอาชีวอนามัย
คนงานหลายคนสังเกตและเข้าใจความเป็นพิษของตะกั่ว
แล้วก็เปลี่ยนทัศนคติต่อการทํางานของพวกเขา
และปรับปรุงสุขอนามัยส่วนบุคคลเช่นซักผ้า
มือโดยผงซักฟอกก่อนดื่มน้ำ หรือมี
เที่ยงผลลัพธ์เดียวกันถูกแสดงในผลลัพธ์ของฮวาง
YH et al . 6 ) ในงานวิจัยนี้ได้พัฒนาพฤติกรรมอยู่
สังเกตเพิ่มเติมในบางประการ พวกเขาสวมเสื้อแขนยาว เสื้อ และ กางเกงแล้ว
, การสูบบุหรี่ในสถานที่ทำงานและ
อาบน้ำหลังจากงาน นอกจากนี้ พวกเขาถอด
เสื้อผ้าทํางานที่สำนักงานนอกสถานที่ทำงานและ
ล้างมันทุกวัน พฤติกรรมนี้ ชี้เป็นหนึ่ง
ที่สำคัญนำ information7 ความปลอดภัย ) .
สภาพแวดล้อมที่เป็นส่วนประกอบ
ไม่เหมาะสมสำหรับคนงาน 14 คน มีบันทึก
ตะกั่วเป็นพิษ คนงานหลายคนบ่นของความอ่อนแอ
ความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ , ชิงช้าอารมณ์และการหลงลืม แม้
หลังจากการศึกษาอาชีวอนามัยระดับตะกั่วในอากาศ ,
ส่วนประกอบอยู่ระหว่าง 26 - 603.2 µ g / m3
เหล่านี้
ผลลัพธ์ทั่วไป สอดคล้องกับระดับตะกั่วในอากาศ
ส่วนนี้ในรายงานของเราก่อนหน้านี้ ( 156 ) ผ่านมาµ g / m3 ใน
ปี 1998 2002 ) 1 ) เพราะมีค่าเฉลี่ยของระดับตะกั่วในอากาศ
เกินระดับมาตรฐานไทย ทำงาน
สภาพแวดล้อมที่ควรปรับปรุง