That being said, the principal theo

That being said, the principal theory is that the price movement of a stock indicates what investors feel a company is worth. Don't equate a company's value with the stock price. The value of a company is its market capitalization, which is the stock price multiplied by the number of shares outstanding. For example, a company that trades at $100 per share and has 1 million shares outstanding has a lesser value than a company that trades at $50 that has 5 million shares outstanding ($100 x 1 million = $100 million while $50 x 5 million = $250 million). To further complicate things, the price of a stock doesn't only reflect a company's current value, it also reflects the growth that investors expect in the future

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ที่ถูกกล่าว ทฤษฎีหลักได้ว่า การเคลื่อนไหวของราคาของหุ้นบ่งชี้ว่า นักลงทุนรู้สึกว่า บริษัทมีมูลค่า ไม่กำหนดค่าของบริษัทราคาหุ้น ของมูลค่าตลาดรวม ซึ่งราคาหุ้นคูณ ด้วยจำนวนหุ้น ของบริษัทได้ ตัวอย่าง บริษัทที่ค้าที่ 100 ดอลลาร์ ต่อหุ้น และมีหุ้น 1 ล้าน มีค่าน้อยกว่าบริษัทที่ค้าที่ $50 ที่มีหุ้น 5 ล้าน ($100 x 1 ล้าน = $100 ล้านขณะที่ $50 x 5 ล้าน = $250 ล้าน) การเพิ่มเติม complicate สิ่ง ราคาของหุ้นไม่สะท้อนมูลค่าปัจจุบันของบริษัทเท่านั้น มันยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่นักลงทุนคาดว่าในอนาคต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ถูกกล่าวว่าทฤษฎีที่สำคัญคือว่าการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่แสดงให้เห็นสิ่งที่นักลงทุนรู้สึกว่า บริษัท ที่มีมูลค่า อย่าถือเอามูลค่าของ บริษัท ที่มีราคาหุ้น มูลค่าของ บริษัท จะมีมูลค่าตลาดซึ่งเป็นราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นที่โดดเด่น ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ที่ซื้อขายที่ $ 100 ต่อหุ้นและมี 1,000,000 หุ้นที่โดดเด่นมีค่าน้อยกว่า บริษัท ที่ซื้อขายที่ $ 50 ที่มี 5 ล้านหุ้นที่โดดเด่น ($ 100 x 1,000,000 = $ 100 ล้านบาทในขณะ $ 50 x 5 ล้าน = $ 250,000,000 ) เพื่อเพิ่มเติมสิ่งที่ซับซ้อนราคาหุ้นไม่เพียงสะท้อนมูลค่าปัจจุบันของ บริษัท ก็ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเจริญเติบโตที่นักลงทุนคาดหวังว่าในอนาคต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ถูกกล่าวว่าทฤษฎีหลักคือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บ่งชี้ว่านักลงทุนรู้สึกว่า บริษัท มีมูลค่า ไม่ต่อมูลค่าของบริษัทกับราคาหุ้น มูลค่าของตลาดทุนของบริษัท ซึ่งราคาหุ้นคูณด้วยจำนวนหุ้นที่โดดเด่น ตัวอย่างเช่นบริษัทที่ซื้อขายที่ $ 100 บาท และ 1 ล้านหุ้นที่โดดเด่นมีมูลค่าน้อยกว่า บริษัท ที่ซื้อขายที่ $ 50 มี 5 ล้านหุ้นที่โดดเด่น ( $ 100 x 1 ล้าน = $ 100 ล้านบาทในขณะที่ $ 50 x 5 บาท = $ 250 ล้านบาท ) เพื่อเพิ่มเติมยุ่งยาก ราคาของจะไม่สะท้อนมูลค่าหุ้นปัจจุบันของบริษัทนอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่นักลงทุนคาดหวังใน




ในอนาคต