เจ้าจิงโจ้ สัตว์น้อยน่ารักเป็นสัตว์

เจ้าจิงโจ้ สัตว์น้อยน่ารักเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก ( พันธุ์ที่ ใหญ่ที่สุดคือ Red Kangaroo สูงกว่า 2 เมตร หนักเกือบ 100 กิโล ) การเดินของจิงโจ้ถือเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่การกระโดดกลับเป็นการเคลื่อนที่โดยปกติและธรรมดาสุด ๆ จิงโจ้เดินถอยหลังไม่ได้และมันยังกระโดด ได้สูง ถึง 3 เมตร เร็วและไกลเฉลี่ยประมาณ 20 — 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีหางที่ยาวและแข็งแรงมีวิธี ป้องกันตัวโดยการเตะต่อย

“แล้วทำไมจิงโจ้ถึงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย?”
“จิงโจ้” เป็นสัตว์พื้นถิ่นของประเทศออสเตรเลีย อาศัยอยู่มาก่อนที่จะค้นพบทวีปนี้เสียอีก มันจะ กระจัดกระจายอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศตั้งแต่ป่าฝนที่มีอากาศหนาวเย็นไปจนถึงทุ่งหญ้าแบบทะเลทรายและในพื้นที่เขตร้อน ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่า กัปตันเจมส์ คุก ได้เดินทางมาสำรวจยุโรปและพบ เจ้าสัตว์นี้กระโดดย๋องแย๋งอยู่จึงถาม Guugu Yimidhirr ชาวพื้นเมือง( Aborrigine ) ว่าคืออะไร แต่ด้วยไม่ เข้าใจภาษาอังกฤษก็ตอบไปว่า “ gunggurru” ซึ่งแปลว่า ฉันไม่เข้าใจคุณกัปตันคุกก็เข้าใจว่าเจ้าตัวนี้มีชื่อ ว่าเช่นนั้นจิงโจ้จึงถูกเรียกว่า “ Kangaroo” แต่นั้นมา

จริง ๆ แล้วจิงโจ้ในออสเตรเลียมีประมาณ 60 สายพันธุ์ รวมแล้วราว ๆ เกือบร้อยล้านตัว ซึ่งเป็นที่ มาว่าทำไมถึงหาดูจิงโจ้ในออสเตรเลียได้ง่ายดาย ทำให้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของออสเตรเลียที่เป็น ที่รู้จักทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นตราประจำตระกูล บนหน้าธนบัตร แม้แต่สายการบินอันโด่งดัง Qantas จึงไม่ แปลกที่แทบจะทุกอย่างในออสเตรเลียจะมีจิงโจ้ร่วมอยู่เสมอ

นอกจากภาพความน่ารักที่มีลูกน้อยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่แล้ว โดยแท้จริง“จิงโจ้”จัด ได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาลตั้งแต่การรับประทานเนื้อไปกระทั่งการแปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ

“อาชีพนักล่าจิงโจ”้เป็นอีกอาชีพหนึ่งของชาวออสเตรเลีย แต่!! ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ต้องเป็นผู้ที่ผ่าน การทดสอบต่าง ๆ ทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการล่ามากว่า 30 อย่าง อาทิ กฎหมายข้อบังคับในการล่า โรค ที่อาจเกิดจากจิงโจ้ แม้กระทั่งความสะอาดของรถที่ใช้ใน การล่า เป็นต้น และต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาต จากรัฐบาลเท่านั้น เพราะการล่าจิงโจ้จะถูกกำหนดเป็นจำนวนโควต้าพื้นฐานจากจำนวนประชากรจิงโจ้ ทั้งหมดที่สำรวจเป็นประจำทุกปี เพื่อรักษาสมดุลของจำนวนจิงโจ้ในธรรมชาติไว้ ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วในแต่ ละปีจะมีการล่าจิงโจ้เพื่อการค้าประมาณ 10 -15 %

สำหรับคนที่เลือกกินเนื้อจิงโจ้นั้น แม้แต่พ่อครัวก็บอกว่าจัดเป็นเนื้อชั้นเลิศในบรรดาเนื้อสัตว์ป่าทั้ง หมด นอกจากเรื่องของรสชาติแล้วเนื้อจิงโจ้ยังมีความบางเป็นพิเศษ มีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่น้อยมาก คือน้อยกว่า 2% จึงเหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพหรือผู้ที่ควบคุมน้ำหนักและอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสีและ เหล็ก

นอกจากนี้ หนังและขนของจิงโจ้ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่หลากหลาย แถมยังมี คุณสมบัติเฉพาะที่สร้างความโดดเด่นและเพิ่มมูลค่ามากอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทานน้ำ หนักเบาซึ่งถือเป็นที่สุดของหนังที่ดี ดังนั้นหนังจิงโจ้จึงถูกนำไปผลิต เป็นรองเท้าใส่สบาย ๆ ทั่วไป หรือผลิต เป็นรองเท้าคอมแบตสำหรับทหารและผู้ชื่นชอบการเดินป่า ไม่เว้นแม้แต่กระเป๋า ถุงมือ อุปกรณ์กีฬา แต่ที่ นิยมทำมากที่สุด คือ รองท้าเตะฟุตบอล

จะเห็นได้ว่า “จิงโจ้” สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับออสเตรเลียได้เป็นจำนวนมาก แต่่ไม่ว่าจิงโจ้ใน ออสเตรเลียจะมีมากมายแค่ไหนก็ตามรัฐบาลออสเตรเลียยังได้ออกมาตราการหรือกฎหมายควบคุม เพื่อ ความเป็นระเบียบและอนุรักษณ์ให้ “จิงโจ้” ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของชาวออสซี่ ประเทศออสเตรเลีย ไปอีก นานหรือตลอดไป

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/790704

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เจ้าจิงโจ้สัตว์น้อยน่ารักเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก (พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือจิงโจ้แดงสูงกว่า 2 เมตรหนักเกือบ 100 กิโล) การเดินของจิงโจ้ถือเป็นเรื่องที่ลำบากแต่การกระโดดกลับเป็นการเคลื่อนที่โดยปกติและธรรมดาสุดๆ จิงโจ้เดินถอยหลังไม่ได้และมันยังกระโดดได้สูงถึง 3 เมตรเร็วและไกลเฉลี่ยประมาณ 20 — 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมีหางที่ยาวและแข็งแรงมีวิธีป้องกันตัวโดยการเตะต่อย"แล้วทำไมจิงโจ้ถึงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย""จิงโจ้" เป็นสัตว์พื้นถิ่นของประเทศออสเตรเลียอาศัยอยู่มาก่อนที่จะค้นพบทวีปนี้เสียอีกมันจะกระจัดกระจายอยู่ในแทบทุกพื้นที่ของประเทศตั้งแต่ป่าฝนที่มีอากาศหนาวเย็นไปจนถึงทุ่งหญ้าแบบทะเลทรายและในพื้นที่เขตร้อนตามตำนานเล่าต่อกันมาว่ากัปตันเจมส์คุกได้เดินทางมาสำรวจยุโรปและพบเจ้าสัตว์นี้กระโดดย๋องแย๋งอยู่จึงถามว่าเช่นนั้นจิงโจ้จึงถูกเรียกว่าฉันไม่เข้าใจคุณกัปตันคุกก็เข้าใจว่าเจ้าตัวนี้มีชื่อซึ่งแปลว่า Guugu Yimidhirr ชาวพื้นเมือง (Aborrigine) ว่าคืออะไรแต่ด้วยไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็ตอบไปว่า "gunggurru" "จิงโจ้" แต่นั้นมาจริงๆ แล้วจิงโจ้ในออสเตรเลียมีประมาณ 60 สายพันธุ์รวมแล้วราวๆ เกือบร้อยล้านตัวซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมถึงหาดูจิงโจ้ในออสเตรเลียได้ง่ายดายทำให้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของออสเตรเลียที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นตราประจำตระกูลบนหน้าธนบัตรแม้แต่สายการบินอันโด่งดัง Qantas จึงไม่แปลกที่แทบจะทุกอย่างในออสเตรเลียจะมีจิงโจ้ร่วมอยู่เสมอนอกจากภาพความน่ารักที่มีลูกน้อยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่แล้วโดยแท้จริง "จิงโจ้" จัดได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาลตั้งแต่การรับประทานเนื้อไปกระทั่งการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ"อาชีพนักล่าจิงโจ" ้เป็นอีกอาชีพหนึ่งของชาวออสเตรเลียแต่!! ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบต่างๆ ทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการล่ามากว่า 30 เชิงแบบอย่างทางอาทิกฎหมายข้อบังคับในการล่าโรคที่อาจเกิดจากจิงโจ้แม้กระทั่งความสะอาดของรถที่ใช้ในการล่าเป็นต้นและต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตจากรัฐบาลเท่านั้นเพราะการล่าจิงโจ้จะถูกกำหนดเป็นจำนวนโควต้าพื้นฐานจากจำนวนประชากรจิงโจ้ทั้งหมดที่สำรวจเป็นประจำทุกปีเพื่อรักษาสมดุลของจำนวนจิงโจ้ในธรรมชาติไว้ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วในแต่ละปีจะมีการล่าจิงโจ้เพื่อการค้าประมาณ 10-15%สำหรับคนที่เลือกกินเนื้อจิงโจ้นั้นแม้แต่พ่อครัวก็บอกว่าจัดเป็นเนื้อชั้นเลิศในบรรดาเนื้อสัตว์ป่าทั้งหมดนอกจากเรื่องของรสชาติแล้วเนื้อจิงโจ้ยังมีความบางเป็นพิเศษมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่น้อยมากคือน้อยกว่า 2% จึงเหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพหรือผู้ที่ควบคุมน้ำหนักและอุดมไปด้วยโปรตีนสังกะสีและเหล็กนอกจากนี้หนังและขนของจิงโจ้ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่หลากหลายแถมยังมีคุณสมบัติเฉพาะที่สร้างความโดดเด่นและเพิ่มมูลค่ามากอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทานน้ำหนักเบาซึ่งถือเป็นที่สุดของหนังที่ดีดังนั้นหนังจิงโจ้จึงถูกนำไปผลิตเป็นรองเท้าใส่สบายๆ ทั่วไปหรือผลิตเป็นรองเท้าคอมแบตสำหรับทหารและผู้ชื่นชอบการเดินป่าไม่เว้นแม้แต่กระเป๋าถุงมืออุปกรณ์กีฬาแต่ที่นิยมทำมากที่สุดคือรองท้าเตะฟุตบอลจะเห็นได้ว่า "จิงโจ้" สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับออสเตรเลียได้เป็นจำนวนมากแต่่ไม่ว่าจิงโจ้ในออสเตรเลียจะมีมากมายแค่ไหนก็ตามรัฐบาลออสเตรเลียยังได้ออกมาตราการหรือกฎหมายควบคุมเพื่อความเป็นระเบียบและอนุรักษณ์ให้ "จิงโจ้" ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของชาวออสซี่ประเทศออสเตรเลียไปอีกนานหรือตลอดไปอ่านต่อได้ที่: http://www.ryt9.com/s/prg/790704

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เจ้าจิงโจ้ (พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือ Red Kangaroo สูงกว่า 2 เมตรหนักเกือบ 100 กิโล) ๆ ได้สูงถึง 3 เมตรเร็วและไกลเฉลี่ยประมาณ 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมีหางที่ยาวและแข็งแรงมีวิธี มันจะ ตามตำนานเล่าต่อกันมาว่ากัปตันเจมส์คุกได้เดินทางมาสำรวจยุโรปและพบ Guugu Yimidhirr ชาวพื้นเมือง (Aborrigine) ว่าคืออะไร แต่ด้วยไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็ตอบไปว่า "gunggurru" ซึ่งแปลว่า ว่าเช่นนั้นจิงโจ้จึงถูกเรียกว่า "จิงโจ้" นั้นมา แต่จริงๆ แล้วจิงโจ้ในออสเตรเลียมีประมาณ 60 สายพันธุ์รวมแล้วราว ๆ เกือบร้อยล้านตัวซึ่งเป็นที่ บนหน้าธนบัตรแม้แต่สายการบินอันโด่งดังจึงไม่แควนตัส โดยแท้จริง "จิงโจ้" จัด เป็นผลิตภัณฑ์ต่าง แต่ !! การทดสอบต่าง ๆ 30 อย่างอาทิกฎหมายข้อบังคับในการล่าโรคที่อาจเกิดจากจิงโจ้แม้กระทั่งความสะอาดของรถที่ใช้ในการล่าเป็นต้นและต้องเป็นผู้ที่มีใบอนุญาตจากรัฐบาลเท่านั้น ทั้งหมดที่สำรวจเป็นประจำทุกปี ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วใน แต่ 10 -15 หมด มีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่น้อยมากคือน้อยกว่า 2% เหล็กและสังกะสีนอกจากนี้ ๆ ที่หลากหลายแถมยังมี ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทานน้ำ ดังนั้นหนังจิงโจ้จึงถูกนำไปผลิตเป็นรองเท้าใส่สบาย ๆ ทั่วไปหรือผลิต เว้นแม้แต่ไม่สินค้ากระเป๋าถุงมืออุปกรณ์กีฬา แต่ที่นิยมทำมากที่สุดคือรองท้าเตะฟุตบอลจะเห็นได้ว่าได้"จิงโจ้" แต่่ไม่ว่าจิงโจ้ใน เพื่อความเป็นระเบียบและอนุรักษณ์ให้ "จิงโจ้" คงเป็นยังสัญลักษณ์ของชาวออสซี่ประเทศออสเตรเลียไปอีกนานหรือตลอดไปอ่านต่อได้ที่: http://www.ryt9.com/s/prg/790704

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เจ้าจิงโจ้สัตว์น้อยน่ารักเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีกระเป๋าหน้าท้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก ( พันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดคือสีแดงจิงโจ้สูงกว่า 2 เมตรหนักเกือบ 100 กิโล ) การเดินของจิงโจ้ถือเป็นเรื่องที่ลำบากจะจิงโจ้เดินถอยหลังไม่ได้และมันยังกระโดดได้สูงถึง 3 เมตรเร็วและไกลเฉลี่ยประมาณ 20 - 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมีหางที่ยาวและแข็งแรงมีวิธีป้องกันตัวโดยการเตะต่อย

" แล้วทำไมจิงโจ้ถึงเป็นสัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลีย ? "
" จิงโจ้ " เป็นสัตว์พื้นถิ่นของประเทศออสเตรเลียอาศัยอยู่มาก่อนที่จะค้นพบทวีปนี้เสียอีกมันจะตามตำนานเล่าต่อกันมาว่ากัปตันเจมส์คุกได้เดินทางมาสำรวจยุโรปและพบเจ้าสัตว์นี้กระโดดย๋องแย๋งอยู่จึงถาม guugu yimidhirr ชาวพื้นเมือง ( aborrigine ) ว่าคืออะไรแต่ด้วยไม่เข้าใจภาษาอังกฤษก็ตอบไปว่า " gunggurru " ซึ่งแปลว่าว่าเช่นนั้นจิงโจ้จึงถูกเรียกว่า " จิงโจ้ " แต่นั้นมา

จริงจะแล้วจิงโจ้ในออสเตรเลียมีประมาณ 60 สายพันธุ์รวมแล้วราวจะเกือบร้อยล้านตัวซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมถึงหาดูจิงโจ้ในออสเตรเลียได้ง่ายดายทำให้กลายเป็นตราสัญลักษณ์ของออสเตรเลียที่เป็นบนหน้าธนบัตรจึงไม่แปลกที่แทบจะทุกอย่างในออสเตรเลียจะมีจิงโจ้ร่วมอยู่เสมอ
แม้แต่สายการบินอันโด่งดังแควนตัส
นอกจากภาพความน่ารักที่มีลูกน้อยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่แล้วโดยแท้จริง " จิงโจ้ " จัดได้ว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาลตั้งแต่การรับประทานเนื้อไปกระทั่งการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างไม่มี

" อาชีพนักล่าจิงโจ " ้เป็นอีกอาชีพหนึ่งของชาวออสเตรเลีย Britney ! !ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ต้องเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบต่างจะทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการล่ามากว่า 30 อย่างอาทิกฎหมายข้อบังคับในการล่าสุนัขที่อาจเกิดจากจิงโจ้แม้กระทั่งความสะอาดของรถที่ใช้ในการล่าเป็นต้นจากรัฐบาลเท่านั้นเพราะการล่าจิงโจ้จะถูกกำหนดเป็นจำนวนโควต้าพื้นฐานจากจำนวนประชากรจิงโจ้ทั้งหมดที่สำรวจเป็นประจำทุกปีเพื่อรักษาสมดุลของจำนวนจิงโจ้ในธรรมชาติไว้ซึ่งโดยเฉลี่ยนแล้วในแต่10 - 15 %

สำหรับคนที่เลือกกินเนื้อจิงโจ้นั้นแม้แต่พ่อครัวก็บอกว่าจัดเป็นเนื้อชั้นเลิศในบรรดาเนื้อสัตว์ป่าทั้งหมดนอกจากเรื่องของรสชาติแล้วเนื้อจิงโจ้ยังมีความบางเป็นพิเศษมีไขมันอิ่มตัวในปริมาณที่น้อยมากจึงเหมาะกับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพหรือผู้ที่ควบคุมน้ำหนักและอุดมไปด้วยโปรตีนสังกะสีและเหล็ก
% 2
นอกจากนี้หนังและขนของจิงโจ้ยังถูกนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างจะที่หลากหลายแถมยังมีคุณสมบัติเฉพาะที่สร้างความโดดเด่นและเพิ่มมูลค่ามากอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงทนทานน้ำดังนั้นหนังจิงโจ้จึงถูกนำไปผลิตเป็นรองเท้าใส่สบายจะทั่วไปหรือผลิตเป็นรองเท้าคอมแบตสำหรับทหารและผู้ชื่นชอบการเดินป่าไม่เว้นแม้แต่กระเป๋าถุงมืออุปกรณ์กีฬาแต่ที่นิยมทำมากที่สุดความรองท้าเตะฟุตบอล

จะเห็นได้ว่า " จิงโจ้ " สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับออสเตรเลียได้เป็นจำนวนมากแต่่ไม่ว่าจิงโจ้ในออสเตรเลียจะมีมากมายแค่ไหนก็ตามรัฐบาลออสเตรเลียยังได้ออกมาตราการหรือกฎหมายควบคุมเพื่อ" จิงโจ้ " ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของชาวออสซี่ประเทศออสเตรเลียไปอีกนานหรือตลอดไป

อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/790704