ความสามัคคีคุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห การแปล - ความสามัคคีคุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ไทย วิธีการพูด

ความสามัคคีคุณธรรมความสามัคคีตามแนว

ความสามัคคี
คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“...ในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบว่า ประเทศชาติอยู่ในภาวะที่ต้องอาศัยความเข็มแข็ง เพื่อที่จะให้อยู่รอด ประเทศไทยจะอยู่ได้ก็ด้วยทุกคน ทุกฝ่ายสามัคคีกัน ความสามัคคีนั้นได้พูดอยู่เสมอว่าต้องมี แต่อาจจะเข้าใจยากว่าทำไมสามัคคีจะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้
สามัคคีก็คือ การเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองอยู่ได้ สามัคคีนี้ก็คือ การเห็นแก่บ้านเมือง และช่วยกันทุกวิถีทาง เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็ง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และไม่ทำลายงานของกันและกัน และทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต้องส่งเสริมงานของกันและกัน และไม่ทำลายงานของกันและกัน มีเรื่องอะไรให้ได้พูดปรองดองกัน อย่าเรื่องใครเรื่องมัน และงานก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม...” (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพล ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙)
จากพระราชดำรัสดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า ความสามัคคี คือ ความสามารถจะทำงานเพื่อส่วนรวม หรือความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันและกัน เพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนรวม ซึ่งความสามัคคีแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ความสามัคคีของวิชาการ และความสามัคคีในจิตใจ
ความสามัคคีวิชาการคือ การประสานความรู้ และทักษะของผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มากมาย เพื่อส่งผลสำเร็จในด้านต่าง ๆ มาสู่ประเทศ ความสามัคคีในจิตใจเป็นลักษณะของการปรองดองกัน โดยเกิดจากความเมตตากรุณากันและกัน มีจิตใจผูกพันที่จะช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้งานนั้น ๆ บรรลุเป้าหมาย คำว่า “สามัคคี” แปลว่า ความพร้อมเพรียง ได้แก่ ความพร้อมเพรียงกันทางกายวาจา และใจ พร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม พร้อมเพรียงกันทำงานในหน้าที่ของตน ใครมีหน้าที่อย่างไร ก็ทำอย่างนั้น ตั้งใจทำให้เต็มกำลัง เต็มความสามารถของตน อย่างนี้เรียกว่า “สามัคคี”
ปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดความสามัคคี คือ ความสามัคคีกลมเกลียวกัน หรือความร่วมมือและร่วมใจกัน เป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไทยทุกคน ๆ คนพึงมีอยู่ในจิตสำนึก และช่วยกันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น พื้นฐานที่สุดของการจรรโลงความสามัคคีกลมเกลียวกันให้บังเกิดขึ้น และดำรงอยู่ต่อไปอย่างแน่นแฟ้น คือ การรู้จักหน้าที่ของตนเอง ในหมู่สมาชิกของสังคม และประเทศนั้น ๆ กล่าวคือ ผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา โดยเต็มกำลัง ความรู้ ความสามารถ และโดยบริสุทธิ์จริงใจ ผลงานของแต่ละคนจักได้ประกอบส่งเสริมกันขึ้นเป็นความสำเร็จและความมั่นคงของชาติ
การที่จะเกิดความสามัคคีได้ในการกระทำต้องเริ่มจากใจภายในเสียก่อน ถ้าทุกคนมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้ว ประเทศชาติย่อมคลาดแคล้วจากภัยของศัตรู และตั้งมั่นมีความสุขสมบูรณ์อยู่ได้
หากขาดความสามัคคี ไม่รักใคร่ไว้วางกัน ปราศจากความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การดำเนินงานย่อมจะไม่สำเร็จ ธรรมที่เสริมสร้างความสามัคคีของหมู่คณะคือ สังคหวัตถุ ๔ ประการซึ่งได้แก่
ทาน คือ การให้ปันของแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปัน ตลอดจนให้ความรู้ ความเข้าใจ และศิลปวิทยา ปิยวาจา คือ พูดจาปรารัยด้วยถ้อยคำอ่อนหวานไพเราะเป็นที่เจริญใจ มีวาจาที่นิ่มนวลไพเราะ อ่อนหวาน เป็นคุณ ทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้ได้ยินได้ฟัง อัตถจริยา คือ การประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กันและกัน ช่วยเหลือกันด้วยกำลังกาย กำลังความคิด และกำลังทรัพย์ เป็นต้น สมานัตตตา คือ ความเป็นผู้วางตนเหมาะสม ประพฤติปฏิบัติตามที่ควรจะเป็น วางกิริยาอัธยาศัยให้เหมาะกับฐานะ หรือตำแหน่งหน้าที่ การเสริมสร้างความสามัคคี มีแต่ได้ไม่มีเสียหาย ขอให้ปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงจัง และปฏิบัติตามธรรม ๔ ประการ ข้างต้น เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติ ความสามัคคีย่อมจะเกิดขึ้น เมื่อเกิดความสามัคคีขึ้นแล้ว การงานทุกอย่างแม้จะยากสักเพียงใด ก็กลายเป็นง่าย ชีวิตมีแต่ความราบรื่น แม้จะเกิดอุปสรรคก็สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “สามัคคีคือพลัง”
เพียงแต่ทุกคนดำรงชีวิตบนพื้นฐานแห่งคุณธรรม ให้ทุกคนมีความรัก และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความสามัคคีและเสียสละเพื่อส่วนรวม ดังพุทธภาษิตว่า “สุขา สงฆสส สามคี แปลว่า ความสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข”
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ความสามัคคีคุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว“... ในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบว่าประเทศชาติอยู่ในภาวะที่ต้องอาศัยความเข็มแข็งเพื่อที่จะให้อยู่รอดประเทศไทยจะอยู่ได้ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายสามัคคีกันความสามัคคีนั้นได้พูดอยู่เสมอว่าต้องมีแต่อาจจะเข้าใจยากว่าทำไมสามัคคีจะทำให้บ้านเมืองอยู่ได้ สามัคคีก็คือการเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองอยู่ได้สามัคคีนี้ก็คือการเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็งด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันและไม่ทำลายงานของกันและกันและทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต้องส่งเสริมงานของกันและกันและไม่ทำลายงานของกันและกันมีเรื่องอะไรให้ได้พูดปรองดองกันอย่าเรื่องใครเรื่องมันและงานก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมานึกถึงประโยชน์ส่วนรวม..." (พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพลณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานวันพฤหัสบดีที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๑๙) จากพระราชดำรัสดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่าความสามัคคีคือความสามารถจะทำงานเพื่อส่วนรวมหรือความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันและกันเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนรวมซึ่งความสามัคคีแบ่งออกเป็น ๒ ประเภทคือความสามัคคีของวิชาการและความสามัคคีในจิตใจ ความสามัคคีวิชาการคือการประสานความรู้และทักษะของผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ มากมายเพื่อส่งผลสำเร็จในด้านต่างๆ มาสู่ประเทศความสามัคคีในจิตใจเป็นลักษณะของการปรองดองกันโดยเกิดจากความเมตตากรุณากันและกันมีจิตใจผูกพันที่จะช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้งานนั้นๆ บรรลุเป้าหมายคำว่า "สามัคคี" แปลว่าความพร้อมเพรียงได้แก่ความพร้อมเพรียงกันทางกายวาจาและใจพร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมพร้อมเพรียงกันทำงานในหน้าที่ของตนใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำอย่างนั้นตั้งใจทำให้เต็มกำลังเต็มความสามารถของตนอย่างนี้เรียกว่า "สามัคคี"ปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดความสามัคคีคือความสามัคคีกลมเกลียวกันหรือความร่วมมือและร่วมใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไทยทุกคนๆ คนพึงมีอยู่ในจิตสำนึกและช่วยกันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นพื้นฐานที่สุดของการจรรโลงความสามัคคีกลมเกลียวกันให้บังเกิดขึ้นและดำรงอยู่ต่อไปอย่างแน่นแฟ้นคือการรู้จักหน้าที่ของตนเองในหมู่สมาชิกของสังคมและประเทศนั้นๆ กล่าวคือผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ก็เร่งกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลาโดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถและโดยบริสุทธิ์จริงใจผลงานของแต่ละคนจักได้ประกอบส่งเสริมกันขึ้นเป็นความสำเร็จและความมั่นคงของชาติการที่จะเกิดความสามัคคีได้ในการกระทำต้องเริ่มจากใจภายในเสียก่อนถ้าทุกคนมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันแล้วประเทศชาติย่อมคลาดแคล้วจากภัยของศัตรูและตั้งมั่นมีความสุขสมบูรณ์อยู่ได้ หากขาดความสามัคคีไม่รักใคร่ไว้วางกันปราศจากความปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันการดำเนินงานย่อมจะไม่สำเร็จธรรมที่เสริมสร้างความสามัคคีของหมู่คณะคือสังคหวัตถุ ๔ ประการซึ่งได้แก่ ทานคือการให้ปันของแก่ผู้อื่นที่ควรให้ปันตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจและศิลปวิทยาปิยวาจาคือพูดจาปรารัยด้วยถ้อยคำอ่อนหวานไพเราะเป็นที่เจริญใจมีวาจาที่นิ่มนวลไพเราะอ่อนหวานเป็นคุณทำให้เกิดความพอใจแก่ผู้ได้ยินได้ฟังอัตถจริยาคือการประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กันและกันช่วยเหลือกันด้วยกำลังกายกำลังความคิดและกำลังทรัพย์เป็นต้นสมานัตตตาคือความเป็นผู้วางตนเหมาะสมประพฤติปฏิบัติตามที่ควรจะเป็นวางกิริยาอัธยาศัยให้เหมาะกับฐานะหรือตำแหน่งหน้าที่การเสริมสร้างความสามัคคี มีแต่ได้ไม่มีเสียหายขอให้ปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงจังและปฏิบัติตามธรรม ๔ ประการข้างต้นเมื่อได้ประพฤติปฏิบัติความสามัคคีย่อมจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดความสามัคคีขึ้นแล้วการงานทุกอย่างแม้จะยากสักเพียงใดก็กลายเป็นง่ายชีวิตมีแต่ความราบรื่นแม้จะเกิดอุปสรรคก็สามารถขจัดให้หมดสิ้นได้ดังคำกล่าวที่ว่า "สามัคคีคือพลัง"เพียงแต่ทุกคนดำรงชีวิตบนพื้นฐานแห่งคุณธรรมให้ทุกคนมีความรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกันมีความสามัคคีและเสียสละเพื่อส่วนรวมดังพุทธภาษิตว่า "สุขาสงฆสสสามคีแปลว่าความสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข"
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เพื่อที่จะให้อยู่รอดประเทศไทยจะอยู่ได้ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายสามัคคีกัน เพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองอยู่ได้สามัคคีนี้ก็คือการเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทาง ด้วยการเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันและไม่ทำลายงานของกันและกันและทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต้องส่งเสริมงานของกันและกันและไม่ทำลายงานของกันและกันมีเรื่องอะไรให้ได้พูดปรองดองกันอย่าเรื่องใครเรื่องมันและงานก็ทำงานอย่างตรงไป ตรงมานึกถึงประโยชน์ส่วนรวม ... " ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐานวันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม 2519) จากพระราชดำรัสดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่าความสามัคคีคือความสามารถจะทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนรวมซึ่งความสามัคคีแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือความสามัคคีของวิชาการ การประสานความรู้และทักษะของผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ มากมายเพื่อส่งผลสำเร็จในด้านต่าง ๆ มาสู่ประเทศ โดยเกิดจากความเมตตากรุณากันและกัน เพื่อให้งานนั้น ๆ บรรลุเป้าหมายคำว่า "สามัคคี" แปลว่าความพร้อมเพรียง ได้แก่ ความพร้อมเพรียงกันทางกายวาจาและใจ พร้อมเพรียงกันทำงานในหน้าที่ของตนใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำอย่างนั้นตั้งใจทำให้เต็มกำลังเต็มความสามารถของตนอย่างนี้เรียกว่า คือความสามัคคีกลมเกลียวกันหรือความร่วมมือและร่วมใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไทยทุกคน ๆ คนพึงมีอยู่ในจิตสำนึกและช่วยกันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น และดำรงอยู่ต่อไปอย่างแน่นแฟ้นคือการรู้จักหน้าที่ของตนเองในหมู่สมาชิกของสังคมและประเทศนั้น ๆ กล่าวคือผู้ใดมีภาระหน้าที่อันใดอยู่ โดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถและโดยบริสุทธิ์จริงใจ ไม่รักใคร่ไว้วางกัน การดำเนินงานย่อมจะไม่สำเร็จ สังคหวัตถุ 4 ซึ่ง ได้แก่ ประการทานคือ ตลอดจนให้ความรู้ความเข้าใจและศิลปวิทยาปิยวาจาคือ มีวาจาที่นิ่มนวลไพเราะอ่อนหวานเป็นคุณ อัตถจริยาคือ ช่วยเหลือกันด้วยกำลังกายกำลังความคิดและกำลังทรัพย์เป็นต้นสมานัตตตาคือความเป็นผู้วางตนเหมาะสมประพฤติปฏิบัติตามที่ควรจะเป็นวางกิริยาอัธยาศัยให้เหมาะกับฐานะหรือตำแหน่งหน้าที่การเสริมสร้างความสามัคคีมี แต่ได้ไม่มีเสียหาย ขอให้ปรารถนาดีต่อกันอย่างจริงจังและปฏิบัติตามธรรม 4 ประการข้างต้นเมื่อได้ประพฤติปฏิบัติความสามัคคีย่อมจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดความสามัคคีขึ้นแล้วการงานทุกอย่างแม้จะยากสักเพียงใดก็กลายเป็นง่ายชีวิตมี แต่ความ ราบรื่น ดังคำกล่าวที่ว่า ให้ทุกคนมีความรักและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ดังพุทธภาษิตว่า "สุขาสงฆสสสามคีแปลว่าความสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข"









การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
คุณธรรมความสามัคคีตามแนวพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวความสามัคคี

" . . . . . . .ในปัจจุบันนี้เป็นที่ทราบว่าประเทศชาติอยู่ในภาวะที่ต้องอาศัยความเข็มแข็งเพื่อที่จะให้อยู่รอดประเทศไทยจะอยู่ได้ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายสามัคคีกันความสามัคคีนั้นได้พูดอยู่เสมอว่าต้องมี
สามัคคีก็คือการเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองอยู่ได้สามัคคีนี้ก็คือการเห็นแก่บ้านเมืองและช่วยกันทุกวิถีทางเพื่อที่จะสร้างบ้านเมืองให้เข้มแข็งและไม่ทำลายงานของกันและกันและทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต้องส่งเสริมงานของกันและกันและไม่ทำลายงานของกันและกันมีเรื่องอะไรให้ได้พูดปรองดองกันอย่าเรื่องใครเรื่องมันและงานก็ทำงานอย่างตรงไปตรงมา. . . . . . . " ( พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานในพิธีประดับยศนายตำรวจชั้นนายพลณพระตำหนักจิตรลดารโหฐานวันพฤหัสบดีที่๑๕มกราคม๒๕๑๙ )
จากพระราชดำรัสดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่าความสามัคคีความความสามารถจะทำงานเพื่อส่วนรวมหรือความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันและกันเพื่อเอื้อประโยชน์ส่วนรวมซึ่งความสามัคคีแบ่งออกเป็น๒ประเภทความและความสามัคคีในจิตใจ
ความสามัคคีวิชาการคือการประสานความรู้และทักษะของผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านต่างจะมากมายเพื่อส่งผลสำเร็จในด้านต่างจะมาสู่ประเทศความสามัคคีในจิตใจเป็นลักษณะของการปรองดองกันมีจิตใจผูกพันที่จะช่วยเหลือกันและกันเพื่อให้งานนั้นจะบรรลุเป้าหมายคำว่า " สามัคคี " แปลว่าความพร้อมเพรียงได้แก่ความพร้อมเพรียงกันทางกายวาจาและใจพร้อมเพรียงกันทำงานในหน้าที่ของตนใครมีหน้าที่อย่างไรก็ทำอย่างนั้นตั้งใจทำให้เต็มกำลังเต็มความสามารถของตนอย่างนี้เรียกว่า " สามัคคี "
ปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดความสามัคคีความความสามัคคีกลมเกลียวกันหรือความร่วมมือและร่วมใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญที่คนไทยทุกคนจะคนพึงมีอยู่ในจิตสำนึกและช่วยกันสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: