The most widely used keyboard layou

The most widely used keyboard layout is QWERTY, named as such for the positioning of the keys in the top left row. Christopher Latham Sholes and Carlos Glidden produced the first typewriter featuring the QWERTY layout in 1874 and though there have been minor changes over the past centuries, for the most part it has remained consistent. One of the differences of the original QWERTY layout from the current version was its lack of a “1” key, and consequently “!” key. Instead of typing the numeral one, typists would use the lower-case L (l). To type an exclamation mark, typists would use a period (.), hit backspace, then type an apostrophe (‘) above it. Another key added in later versions was the “=” and “+” key. These symbols were used very infrequently on typewriters as it was generally assumed that Adding Machines were used to do all the mathematical notation. If typists wanted to produce a plus-sign, they would type a hyphen (-), hit backspace, then type a colon (:). When they wanted to type an equal sign, they would type a hyphen (-), hit backspace, and then type an underscore (_). At the start of the QWERTY layout, typewriters were only able to print UPPER CASE letters, as the “shift key” had not yet been introduced. At the end of the 19th century in 1894, The Duplex full keyboard brought lower case letters to the typewriter by featuring separate keys for lower case and UPPER CASE letters. There were twice as many keys with this design which eventually lead to the invention of the “shift key.” The shift key allowed for a consolidated keyboard similar to the first models that only typed capital letters, as well as the use of both lower and uppercase characters with the same key. Additionally, having a shift key allowed the numerical keys to be shared with special characters such as the ampersand (&) and percent (%) signs for further keyboard consolidation. One problem that arose after the shift key was added was that holding down the shift key to type more than one letter at a time was particularly difficult on early typewriters. This lead to the “SHIFT LOCK” key, later to be renamed “CAPS LOCK” by modern typists. Shift lock allowed typists to switch back and forth between lower and upper case characters, as well as numerical andspecial characters with ease.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รูปแบบแป้นพิมพ์ที่ใช้บ่อยคือ QWERTY สำหรับการวางตำแหน่งของแป้นในแถวบนซ้ายชื่อดัง Christopher Latham Sholes และคาร์ลอส Glidden ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดแรกที่มีเค้าโครงแป้นพิมพ์ QWERTY ในปี 1874 และแม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ยังคงสอดคล้องกัน ความแตกต่างของรูปแบบ QWERTY เดิมจากรุ่นปัจจุบันอย่างใดอย่างหนึ่งคือการขาดของปุ่ม "1" และจากนั้น "! " คีย์ แทนการพิมพ์ตัวเลขหนึ่ง พิมพ์จะใช้พิมพ์เล็ก L (l) พิมพ์อัศเจรีย์ พิมพ์จะใช้ระยะเวลา (.), กด backspace แล้วพิมพ์ apostrophe (') ด้านบน คีย์อื่นเพิ่มในรุ่นที่ใหม่กว่า "=" และ "+" คีย์ สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกใช้นาน ๆ บนเครื่องพิมพ์ดีด ตามที่มันถูกสันนิษฐานโดยทั่วไปว่า การเพิ่มเครื่องใช้การทำเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ทั้งหมด ถ้าต้องต้องการผลิตเครื่องหมายบวก พวกเขาจะพิมพ์เครื่องหมายยัติภังค์ (-), กด backspace แล้วพิมพ์เครื่องหมายจุดคู่ (:) เมื่อพวกเขาต้องการให้พิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ พวกเขาจะพิมพ์ยัติภังค์ (-), กด backspace และจากนั้น พิมพ์อักขระขีดล่าง (_) ในช่วงเริ่มต้นของรูปแบบ QWERTY เครื่องพิมพ์ดีดได้เท่านั้นสามารถพิมพ์ตัวอักษร เป็น "ปุ่ม shift" ได้ไม่ยังรู้จัก ปลายศตวรรษที่ 19 ใน 1894 คีย์บอร์ดแบบเต็มที่ดูเพล็กซ์ที่นำตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กการพิมพ์ดีดโดยมีปุ่มแยกต่างหากสำหรับกรณี มีแบบนี้สองเท่าหลายคีย์ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การประดิษฐ์ "แป้น shift" แป้น shift ที่อนุญาตสำหรับแป้นพิมพ์รวมคล้ายกับรุ่นแรกที่พิมพ์ตัวอักษรตัวใหญ่ เป็นการใช้ตัวอักษรทั้งเล็ก และพิมพ์ใหญ่ ด้วยคีย์เดียวกันเท่านั้น นอกจากนี้ มีปุ่ม shift ให้ปุ่มตัวเลขร่วมกับอักขระพิเศษเช่นเครื่องหมาย ampersand (&) และเปอร์เซ็นต์ (%) สัญญาณสำหรับการรวมแป้นพิมพ์เพิ่มเติม ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเพิ่มปุ่ม shift ถูกที่กดแป้น shift เพื่อพิมพ์อักษรมากกว่าหนึ่งครั้ง ได้ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเครื่องพิมพ์ดีดก่อน นำไปสู่กะล็อค"คีย์จะ ในภายหลังเปลี่ยนชื่อ"CAPS LOCK" โดยการพิมพ์ที่ทันสมัย พิมพ์สลับไปมาระหว่างล่าง และอักขระตัวพิมพ์ใหญ่ เป็นอักขระตัวเลข andspecial ง่ายดาย shift ล็อคได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รูปแบบแป้นพิมพ์ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็น QWERTY ชื่อดังกล่าวสำหรับการวางตำแหน่งของปุ่มในแถวซ้ายด้านบน คริสแทม Sholes และคาร์ลอ Glidden ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดเป็นครั้งแรกที่มีรูปแบบ QWERTY ใน 1874 และแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาส่วนใหญ่มันก็ยังคงสอดคล้องกัน หนึ่งในความแตกต่างของรูปแบบ QWERTY เดิมจากรุ่นปัจจุบันคือการขาดของการเป็น "1" ที่สำคัญและทำให้ "!" ที่สำคัญ แทนการพิมพ์เลขหนึ่งพิมพ์ดีดจะใช้กรณีที่ต่ำกว่าแอล (L) ให้พิมพ์เครื่องหมายอัศเจรีย์, พิมพ์ดีดจะใช้ระยะเวลา (.) กด Backspace แล้วพิมพ์เครื่องหมายอัญประกาศเดี่ยว ( ') ข้างต้นนั้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เพิ่มเข้ามาในรุ่นต่อมาเป็น "=" และ "+" ที่สำคัญ สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้บ่อยมากบนเครื่องพิมพ์ดีดในขณะที่มันได้รับการสันนิษฐานว่าโดยทั่วไปเครื่องเพิ่มถูกนำมาใช้ในการทำทุกทางคณิตศาสตร์ หากพิมพ์ดีดต้องการที่จะผลิตเป็นบวกเข้าสู่ระบบที่พวกเขาจะพิมพ์ยัติภังค์ (-) กด Backspace แล้วพิมพ์ลำไส้ใหญ่ (:) เมื่อพวกเขาต้องการที่จะพิมพ์เครื่องหมายเท่ากับพวกเขาจะพิมพ์ยัติภังค์ (-) กด Backspace แล้วพิมพ์ขีดล่าง (_) ในช่วงเริ่มต้นของรูปแบบ QWERTY ที่เครื่องพิมพ์ดีดเท่านั้นที่จะสามารถที่จะพิมพ์ตัวอักษรกรณี UPPER ขณะที่ "ปุ่ม Shift" ยังไม่ได้รับการแนะนำให้รู้จัก ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 ในปี 1894 ที่เพล็กซ์เต็มรูปแบบแป้นพิมพ์ตัวอักษรนำกรณีที่ต่ำกว่าการพิมพ์ดีดโดยมีปุ่มแยกต่างหากสำหรับกรณีที่ต่ำกว่าและตัวอักษรกรณี UPPER มีปุ่มสองเท่าด้วยการออกแบบนี้ซึ่งในที่สุดนำไปสู่​​การประดิษฐ์ของ "ปุ่ม Shift." ปุ่ม Shift ได้รับอนุญาตให้แป้นพิมพ์รวมคล้ายกับรุ่นแรกที่พิมพ์ตัวอักษรทุนเช่นเดียวกับการใช้งานของทั้งสองที่ลดลงและ อักขระตัวพิมพ์ใหญ่ด้วยคีย์เดียวกัน นอกจากนี้มีปุ่ม Shift อนุญาตให้คีย์ตัวเลขที่จะใช้ร่วมกับตัวละครพิเศษเช่นเครื่องหมาย (&) และร้อยละ (%) สัญญาณสำหรับการรวมแป้นพิมพ์เพิ่มเติม ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ปุ่ม Shift ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือว่ากดปุ่ม Shift ในการพิมพ์มากกว่าหนึ่งตัวอักษรในเวลาเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นเครื่องพิมพ์ดีด นำเรื่องนี้ไป "SHIFT LOCK" ที่สำคัญหลังจากนั้นจะเปลี่ยนชื่อเป็น "Caps Lock" โดยพิมพ์ดีดที่ทันสมัย ล็อคกะได้รับอนุญาตพิมพ์ดีดเพื่อสลับไปมาระหว่างที่ลดลงและกรณีบนตัวอักษรเช่นเดียวกับตัวละคร andspecial ตัวเลขได้อย่างง่ายดาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่ใช้กันอย่างกว้างขวางมากที่สุดคือชื่อผังแป้นพิมพ์ QWERTY , เช่น สำหรับตำแหน่งของปุ่มในแถวซ้ายด้านบน คริสโตเฟอร์ ลาแธม โซลส์ และคาร์ลอส กลิดเดนผลิตครั้งแรกที่มี QWERTY พิมพ์ดีดเค้าโครงใน 1874 และแม้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยกว่าศตวรรษที่ผ่านมา เพราะส่วนใหญ่ก็ยังคงอยู่ที่สอดคล้องกัน หนึ่งในความแตกต่างของรูปแบบ QWERTY เดิมจากรุ่นปัจจุบันคือการขาดของการเป็น " 1 " ที่สำคัญ และจากนั้น " " คีย์ แทนที่จะพิมพ์ตัวเลขหนึ่ง typists จะใช้ตัวพิมพ์เล็ก แอล ( L ) พิมพ์เครื่องหมายอัศเจรีย์เครื่องหมาย typists ใช้จุด ( . ) , กดปุ่ม Backspace แล้วพิมพ์เครื่องหมาย ( " ) เหนือ คีย์อื่นเพิ่มในรุ่นที่ใหม่กว่าคือ " = " และ " + " คีย์ สัญลักษณ์เหล่านี้ถูกใช้บ่อยในเครื่องพิมพ์ดีดเป็นโดยทั่วไปถือว่าการเพิ่มเครื่องจักรเพื่อใช้ทำคณิตศาสตร์สัญกรณ์ ถ้า typists ต้องการผลิตเครื่องหมายบวกที่พวกเขาจะพิมพ์เครื่องหมายยัติภังค์ ( - ) , กดปุ่ม Backspace แล้วพิมพ์เครื่องหมายทวิภาค ( : ) เมื่อต้องการพิมพ์เครื่องหมายเท่ากับ พวกเขาจะพิมพ์เครื่องหมายยัติภังค์ ( - ) , กดปุ่ม Backspace แล้วพิมพ์ขีด ( _ ) ที่เริ่มต้นของรูปแบบ QWERTY เครื่องพิมพ์ดีดได้แค่พิมพ์ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ เป็น " กุญแจ " Shift ยังไม่ได้แนะนำตัว ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 19 ใน 1894 , เพล็กซ์เต็มรูปแบบแป้นพิมพ์นำล่างตัวอักษรกรณีการดีดโดยมีปุ่มแยกต่างหากสำหรับกรณีกรณีบนและล่างตัวอักษร มีสองครั้งเป็นคีย์มากกับการออกแบบนี้ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การประดิษฐ์ของ " Shift " Shift ที่อนุญาตให้รวมแป้นพิมพ์คล้ายกับรุ่นแรกที่พิมพ์ตัวอักษรทุน ตลอดจนใช้ทั้งล่างและตัวพิมพ์ใหญ่ตัวอักษรด้วยคีย์เดียวกัน นอกจากนี้ มีการเปลี่ยนคีย์ให้คีย์ตัวเลขที่จะใช้ร่วมกันกับอักขระพิเศษเช่นแอมเพอร์แซนด์ ( & ) และร้อยละ ( % ) สัญญาณขายคีย์บอร์ดต่อไป ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจาก Shift เพิ่มคือ กดปุ่ม Shift ค้างพิมพ์มากกว่าหนึ่งตัวอักษรในเวลาที่ยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงแรกใช้เครื่องพิมพ์ดีด ตะกั่วนี้เพื่อ " เปลี่ยนล็อคคีย์ " ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น " Caps Lock " โดย typists สมัยใหม่ เปลี่ยนล็อคอนุญาต typists เพื่อสลับไปมาระหว่างต่ำและตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่เช่นเดียวกับตัวเลขตัวอักษรและขาดแคลนได้อย่างง่ายดาย