Attitude scalesThurstone scaleA Thu

Attitude scales
Thurstone scale
A Thurstone scale is an attitude scale consisting of items (in the form of statements) with which the respondent has either to agree or disagree.

Only those items with which they agree are scored. Each item has a value and the respondent’s score on the scale corresponds to the median score of the items with which the respondent agrees.

The item scores are usually derived from asking a number of judges to rank each item on the scale using an eleven-point scale reflecting the attitude that is being measured. The final score of each item is the median of the judges’ individual scores. Usually, more items are judged than are used and the final selection is based on two criteria: first, that items covering the whole eleven-point range are included; second items should have a small variation (between judges).

Likert scale
Likert scaling is an attitude scaling method in which respondents indicate the extent of their agreement with each item on a scale (e.g., a five- or-seven point scale). Their score on the scale is the sum of the scores for each item.

Likert scales were devised in 1932 as a development of Thurstone scales, the aim was to eliminate the unreliability of using intermediary judges in scale construction. Original Likert scales had no neutral or middle point and respondents were ‘forced’ to some degree of agreement or disagreement with the scale item. This specification is not enforced by most current users of Likert-type scales.

Likert scales are relatively easy to construct. At the pilot stage, each test item is analysed to see to what extent it contributes consistently to the scale. This can be done by correlating each item score with the overall scale score. Alternatively, the sample can be split into quartiles on the basis of their scale score. The mean score on each item for the upper quartile is compared with the mean score on the same item for the lower quartile. The difference in mean scores for each item is called the discriminatory power of the item. Those with larger discriminatory power are preferable, especially if they have overall item score means approximately equal to the expected mean (i.e., the mean of the possible scores for the item, or mid-point of the range of possible item scores).

Likert scales may not always be unidimensional but the approach basically assumes a single dimension. It has been argued that analysis of a Likert scale could identify clusters that are indicative of a number of dimensions, although this is much weaker than the multi-dimension identification claimed for Guttman scaling.

The Likert method (like Thurstone and latent structure analysis) involves making inferences about the latent classes into which the manifest data can be made to fit. Unlike the Thurstone scale (where judges have to rationally assess an item’s relation to others) Likert scale items can be included that need not be overtly related to the attitude being tested. What is included is determined by the item’s correlation with the entire scale score. Thus items that show ‘underlying’ relationships can be included. For some critics, however, this raises issues of objectivity.

The Likert method attains only index measurement.

Semantic differential
Semantic differential scaling is a flexible method of attitude scaling in which subjects rate the concepts, in which the researcher is interested, on a bipolar (usually) seven-point scale. The two ends of the scale are defined by pairs of adjectives with supposedly opposite meanings (e.g. good/bad, etc.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระดับทัศนคติThurstone มาตราส่วนขนาด Thurstone มาตราส่วนทัศนคติประกอบด้วยสินค้า (ในรูปแบบของคำสั่ง) ผู้ตอบที่มีให้เห็น หรือไม่เห็นด้วยได้ เฉพาะรายการที่เห็นพ้องกันที่จะมีคะแนน สินค้าแต่ละรายการมีค่า และคะแนนของผู้ตอบในระดับที่สอดคล้องกับคะแนนมัธยฐานของรายการที่ตอบตกลง คะแนนสินค้ามักจะมาถามจำนวนกรรมการจัดอันดับแต่ละรายการบนเครื่องชั่งที่ใช้ชั่งเอ็ดจุดสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่วัด คะแนนสุดท้ายของแต่ละรายการเป็นค่ามัธยฐานของคะแนนแต่ละตัวของผู้พิพากษา ปกติ สินค้ามีตัดสินมากกว่าใช้ และตัวเลือกสุดท้ายขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่สอง: ครั้งแรก สินค้าที่ครอบคลุมช่วงทั้งเอ็ดจุดรวม รายการที่สองควรมีการปรับเปลี่ยนขนาดเล็ก (ระหว่างผู้พิพากษา) สเกลของ Likertมาตราส่วน Likert เป็นทัศนคติการปรับวิธีการตอบบ่งชี้ขอบเขตของข้อตกลงของตนกับสินค้าแต่ละรายการในระดับ (เช่น ระดับห้า หรือเจ็ดจุด) คะแนนของตนในระดับเป็นผลรวมของคะแนนแต่ละรายการ สเกลของ Likert ถูกคิดค้นในปี 1932 เป็นพัฒนาของ Thurstone เครื่องชั่งน้ำหนัก จุดมุ่งหมายที่จะ กำจัด unreliability การใช้ผู้พิพากษาตัวกลางในการก่อสร้างขนาด ระดับ Likert เดิมก็ไม่เป็นกลาง หรือกลางจุด และตอบถูก 'บังคับ' ให้บางส่วนของข้อตกลงกันกับสินค้าขนาด ไม่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดนี้ โดยผู้ใช้ล่าสุดของเครื่องชั่งน้ำหนักชนิดของ Likert สเกลของ Likert ได้ค่อนข้างง่ายสร้าง ในระยะนำร่อง แต่ละรายการทดสอบจะ analysed เพื่อดูขอบเขตรวมอย่างสม่ำเสมอขนาด นี้สามารถทำได้ โดยกำลังรวบรวมคะแนนแต่ละรายการที่ มีคะแนนระดับรวม หรือ ตัวอย่างสามารถแบ่งเป็น quartiles โดยคะแนนสเกลของพวกเขา คะแนนเฉลี่ยในแต่ละสินค้าควอไทล์บนเปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยในสินค้าเดียวกันสำหรับควอไทล์ล่าง ความแตกต่างของคะแนนเฉลี่ยแต่ละรายการคืออำนาจของสินค้าประมงทะเล ผู้ที่ มีอำนาจใหญ่โจ่งแจ้งมีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีสินค้าคะแนนรวมหมายถึง การประมาณเท่ากับค่าเฉลี่ยที่คาดไว้ (เช่น ค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ได้สำหรับสินค้า), หรือกลางจุดของช่วงของคะแนนสินค้าได้ สเกลของ Likert ไม่เสมออาจ unidimensional แต่วิธีการโดยทั่วไปถือขนาดเดียว มันมีการโต้เถียงว่า วิเคราะห์สเกล Likert สามารถระบุคลัสเตอร์ที่ส่อจำนวนมิติ แม้ว่าจะต่ำมากกว่ารหัสมิติหลายที่อ้างว่า สำหรับมาตราส่วน Guttman วิธี Likert (เช่น Thurstone และวิเคราะห์โครงสร้างแฝงอยู่) เกี่ยวข้องกับการทำ inferences เกี่ยวกับคลาแฝงอยู่ซึ่งข้อมูลรายการสามารถทำการพอดี ต่างจาก Thurstone มาตราส่วน (ที่ผู้พิพากษาได้ประเมินความสัมพันธ์ของสินค้าอื่นลูก) สินค้าสเกล Likert สามารถรวมที่ต้องไม่มี overtly ที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติการทดสอบได้ สิ่งที่มีอยู่จะถูกกำหนด โดยความสัมพันธ์ของสินค้ากับคะแนนสเกลทั้งหมด ดังนั้น สินค้าที่แสดงความสัมพันธ์ 'ต้นแบบ' ได้รวม สำหรับนักวิจารณ์บาง อย่างไรก็ตาม นี้ระดมปัญหาของปรวิสัย วิธี Likert attains เฉพาะดัชนีวัด ความหมายแตกต่างกันขนาดแตกต่างความหมายคือ ความยืดหยุ่นของการปรับทัศนคติซึ่งเรื่องราคาแนวคิด ที่นักวิจัยมีความสนใจ ในระดับไฟที่ไบโพลาร์เจ็ดจุด (ปกติ) ปลายทั้งสองของสเกลที่กำหนด โดยคู่ของคำคุณศัพท์ที่มีความหมายตรงข้ามกับที่คาดคะเน (เช่นดี/ไม่ดี ฯลฯ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทัศนคติชั่ง
Thurstone ขนาด
ขนาด Thurstone เป็นระดับทัศนคติประกอบด้วยรายการ (ในรูปแบบของงบ) ที่ตอบได้อย่างใดอย่างหนึ่งที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย. เฉพาะรายการเหล่านั้นกับที่พวกเขามีคะแนนเห็นด้วย แต่ละรายการมีค่าและให้คะแนนผู้ตอบแบบสอบถามในระดับที่สอดคล้องกับคะแนนเฉลี่ยของรายการที่ตอบตกลง. คะแนนรายการที่จะได้มามักจะมาจากการถามจำนวนของผู้พิพากษาในการจัดอันดับแต่ละรายการในระดับที่ใช้สิบเอ็ดจุด สะท้อนให้เห็นถึงระดับทัศนคติที่มีการวัด คะแนนสุดท้ายของแต่ละรายการเป็นค่าเฉลี่ยของผู้พิพากษาคะแนนของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วรายการอื่น ๆ อีกกว่าจะตัดสินมีการใช้และการเลือกสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับสองเกณฑ์: ครั้งแรกที่รายการครอบคลุมช่วงสิบเอ็ดจุดทั้งมีการรวม; รายการที่สองควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ (ระหว่างผู้พิพากษา). Likert ขนาดปรับ Likert เป็นวิธีการปรับทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่บ่งบอกถึงขอบเขตของข้อตกลงกับแต่ละรายการโย (เช่นขนาดจุดห้าหรือเจ็ด) คะแนนของพวกเขาในระดับที่เป็นผลรวมของคะแนนสำหรับแต่ละรายการ. เครื่องชั่งน้ำหนัก Likert ได้วางแผนในปี 1932 ในขณะที่การพัฒนาของเครื่องชั่ง Thurstone จุดมุ่งหมายคือการขจัดความไม่สามารถไว้ใจได้ของการใช้ผู้พิพากษาเป็นตัวกลางในการก่อสร้างขนาด เครื่องชั่งน้ำหนัก Likert เดิมไม่มีจุดเป็นกลางหรือกลางและผู้ตอบแบบสอบถาม 'บังคับ' ในระดับของข้อตกลงบางส่วนหรือไม่เห็นด้วยกับรายการระดับ ข้อกำหนดนี้ไม่ได้มีการบังคับใช้โดยผู้ใช้มากที่สุดในปัจจุบันของเครื่องชั่ง Likert ชนิด. Likert เกล็ดมีความสะดวกในการสร้าง ในขั้นตอนนักบินทดสอบแต่ละรายการมีการวิเคราะห์ที่จะเห็นสิ่งที่ขอบเขตจะก่อสม่ำเสมอขนาด ซึ่งสามารถทำได้โดยการเทียบเคียงคะแนนแต่ละรายการที่มีคะแนนขนาดโดยรวม อีกทางเลือกหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างสามารถแบ่งออกเป็นควอไทล์บนพื้นฐานของคะแนนระดับของพวกเขา ค่าเฉลี่ยในแต่ละรายการเพื่อควอไทล์บนเป็นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรายการเดียวกันสำหรับควอไทล์ที่ต่ำกว่า ความแตกต่างในค่าเฉลี่ยสำหรับแต่ละรายการที่เรียกว่าอำนาจการเลือกปฏิบัติของรายการ ผู้ที่มีอำนาจในการเลือกปฏิบัติที่มีขนาดใหญ่เป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขามีคะแนนโดยรวมหมายถึงรายการที่ประมาณเท่ากับค่าเฉลี่ยที่คาดหวัง (เช่นค่าเฉลี่ยของคะแนนที่เป็นไปได้สำหรับรายการหรือจุดกลางของช่วงของคะแนนรายการที่เป็นไปได้). Likert เกล็ด อาจไม่เป็น unidimensional แต่วิธีการโดยทั่วไปถือว่าเป็นมิติเดียว จะได้รับการถกเถียงกันอยู่ว่าการวิเคราะห์ระดับ Likert สามารถระบุกลุ่มที่มีตัวบ่งชี้ของจำนวนมิติแม้นี่จะอ่อนแอกว่าประชาชนหลายมิติที่อ้างว่าสำหรับการปรับ Guttman. วิธี Likert (เช่น Thurstone และการวิเคราะห์โครงสร้างแฝง) ที่เกี่ยวข้องกับการ ทำให้การหาข้อสรุปเกี่ยวกับการเรียนการแฝงเป็นที่ชัดแจ้งข้อมูลที่สามารถทำเพื่อให้พอดี ซึ่งแตกต่างจากขนาด Thurstone (ที่ผู้พิพากษาจะต้องมีเหตุผลในการประเมินความสัมพันธ์ของรายการกับคนอื่น ๆ ) รายการระดับ Likert สามารถรวมที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องเปิดเผยทัศนคติที่ถูกทดสอบ สิ่งที่มีอยู่จะถูกกำหนดโดยความสัมพันธ์ของรายการที่มีคะแนนระดับทั้งหมด ดังนั้นรายการที่แสดง 'ต้นแบบ' ความสัมพันธ์ที่สามารถรวม สำหรับนักวิจารณ์บางคน แต่นี้ยกประเด็นของความเที่ยงธรรม. Likert บรรลุวิธีการวัดดัชนีเท่านั้น. ความหมายที่แตกต่างกันการปรับขนาดที่แตกต่างกันความหมายเป็นวิธีการที่มีความยืดหยุ่นในการปรับทัศนคติในเรื่องที่อัตราแนวคิดซึ่งในนักวิจัยที่มีความสนใจในสองขั้ว ( ปกติ) ขนาดเจ็ดจุด ปลายทั้งสองข้างของวัดจะถูกกำหนดโดยคู่ของคำคุณศัพท์ที่มีความหมายตรงข้ามกับที่คาดคะเน (เช่นดี / ไม่ดี ฯลฯ )

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เครื่องชั่งขนาด

ทัศนคติตนเองเป็นมาตรวัดเจตคติต่อตนเอง ประกอบด้วยรายการ ( ในรูปแบบของงบการเงิน ) ซึ่งจำเลยมีทั้งเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย

รายการเหล่านั้นเท่านั้นที่พวกเขายอมรับมีคะแนน แต่ละรายการมีมูลค่าและคะแนนของผู้ตอบในระดับที่สอดคล้องกับคะแนนมัธยฐานของรายการที่ตอบตกลง

รายการ คะแนนเป็นปกติได้มาจากการถามจำนวนของผู้พิพากษาในการจัดอันดับแต่ละรายการในระดับใช้ 11 จุดแบบสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่ถูกวัด คะแนนสุดท้ายของแต่ละรายการ คือ ค่ามัธยฐานของผู้พิพากษาแต่ละคะแนน ปกติแล้ว รายการจะตัดสิน กว่าจะใช้และเลือกสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับสองเกณฑ์ : ครั้งแรกรายการครอบคลุมช่วงสิบเอ็ดจุดทั้งหมดรวม ; รายการที่สองควรมีการเปลี่ยนแปลงขนาดเล็ก ( ระหว่างผู้พิพากษา )


ขนาดมาตราส่วน Likert Likert ทัศนคติการปรับวิธีการที่ผู้ตอบแบบสอบถามระบุขอบเขตของข้อตกลงของพวกเขากับแต่ละรายการในระดับ ( เช่น 5 หรือระดับเจ็ดจุด ) คะแนนของพวกเขา บนมาตราส่วน คือ ผลรวมของคะแนนสำหรับแต่ละรายการ .

คนชั่งได้วางแผนในปี 1932 เป็นการพัฒนาแบบวัดตนเอง เป้าหมายคือเพื่อกำจัด unreliability ใช้ผู้พิพากษากลางในการก่อสร้างประมาณ ต้นฉบับคนชั่งไม่มีกลาง หรือ กลาง ชี้ และกลุ่มตัวอย่างมีการ ' บังคับ ' บางส่วนของข้อตกลงหรือข้อขัดแย้งกับขนาดรายการ สเปคนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ โดยผู้ใช้มากที่สุดในปัจจุบันลิ
เครื่องชั่งชนิด .
คนเครื่องจะค่อนข้างง่ายในการสร้าง ที่นักบินเวที แต่ละรายการที่ทดสอบมีการวิเคราะห์เพื่อดูสิ่งที่ขอบเขตมันจัดสรรเสมอกับระดับ นี้สามารถทำได้โดยมีความสัมพันธ์กับระดับคะแนนแต่ละข้อคะแนนโดยรวม อีกวิธีหนึ่งคือ ตัวอย่างสามารถแยกเป็นคว ไทล บนพื้นฐานของระดับคะแนนของพวกเขาคะแนนเฉลี่ยในแต่ละรายการสำหรับควอไทล์บนเป็นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรายการเดียวกันในเวลาที่ลดลง ความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของคะแนนแต่ละข้อ เรียกว่า อำนาจจำแนกของข้อสอบ ผู้ที่มีอำนาจจำแนกที่เป็นที่นิยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขามีคะแนนรวมเท่ากับรายการหมายถึงการคิดหมายถึง ( เช่นค่าเฉลี่ยของคะแนนที่เป็นไปได้สำหรับรายการหรือจุดกลางของช่วงคะแนนรายการที่เป็นไปได้ )

คนระดับอาจไม่เสมอจะ unidimensional แต่วิธีการโดยทั่วไปถือว่าเป็นมิติเดียว จะได้รับการถกเถียงกันอยู่ว่า การวิเคราะห์ของลิเคอร์ทสเกลสามารถระบุกลุ่มที่แสดงให้เห็นถึงจำนวนของมิติแม้ว่าจะอ่อนแอกว่าที่หลายมิติการอ้างว่า กัตต์แมน ปรับ

วิธีลิเคอร์ท ( เหมือนตนเองและโครงสร้างแฝงการวิเคราะห์ ) เกี่ยวข้องกับการใช้ เกี่ยวกับวิชาแฝงเข้าไปในข้อมูลที่ปรากฏสามารถทำเพื่อให้พอดีกับซึ่งแตกต่างจากตนเอง สเกล ( ที่ผู้พิพากษาต้องได้ประเมินรายการของความสัมพันธ์กับผู้อื่น ) มาตรวัดแบบไลเคิร์ต รายการสามารถรวมที่ไม่ต้องเปิดเผยความสัมพันธ์กับทัศนคติที่ถูกทดสอบ มีอะไรอยู่ในรายการจะถูกกำหนดโดยความสัมพันธ์กับระดับคะแนนทั้งหมด ดังนั้นรายการที่แสดงถึงความสัมพันธ์ของ ' ' สามารถรวม สำหรับนักวิจารณ์บางคน อย่างไรก็ตามนี้จะเพิ่มปัญหาของความเป็นกลาง .

วิธีลิเคอร์ทได้รับการวัดดัชนีเท่านั้น


ความหมายความหมายดิฟดิฟ มาตราส่วนคือยืดหยุ่นวิธีการทัศนคติ ปรับในอัตราที่กลุ่มแนวคิดที่ผู้วิจัยสนใจในไบโพลาร์ ( มักจะ ) ขนาดจุดเจ็ด ทั้งสองปลายของระดับที่กำหนดโดยคู่ของคำคุณศัพท์ที่มีความหมายตรงข้าม ( เช่น :กรัม ดี / ไม่ดี ฯลฯ )