For centuries silver has been in us

For centuries silver has been in use for the treatment of burns and
chronic wounds. As early as 1000 B.C. silver was used to make water
potable (Richard et al., 2002; Castellano et al., 2007). Silver nitratewas
used in its solid form and was known by different terms like, “Lunar
caustic” in English, “Lapis infernale” in Latin and “Pierre infernale” in
French (Klasen, 2000). In 1700, silver nitrate was used for the
treatment of venereal diseases, fistulae from salivary glands, and
bone and perianal abscesses (Klasen, 2000; Landsdown, 2002). In the
19th century granulation tissues were removed using silver nitrate to
allow epithelization and promote crust formation on the surface of
wounds. Varying concentrations of silver nitrate was used to treat
fresh burns (Castellano et al., 2007; Klasen, 2000). In 1881, Carl S.F.
Crede cured opthalmia neonatorum using silver nitrate eye drops.
Crede's son, B. Crede designed silver impregnated dressings for skin
grafting (Klasen, 2000; Landsdown, 2002). In the 1940s, after
penicillin was introduced the use of silver for the treatment of
bacterial infections minimized (Hugo and Russell, 1982; Demling and
DeSanti, 2001; Chopra, 2007). Silver again came in picture in the 1960s
when Moyer introduced the use of 0.5% silver nitrate for the treatment
of burns. He proposed that this solution does not interfere with
epidermal proliferation and possess antibacterial property against
Staphylococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa and Escherichia coli
(Moyer et al., 1965; Bellinger and Conway, 1970). In 1968, silver nitrate
was combined with sulfonamide to form silver sulfadazine cream,
which served as a broad-spectrum antibacterial agent and was used
for the treatment of burns. Silver sulfadazine is effective against
bacteria like E. coli, S. aureus, Klebsiella sp., Pseudomonas sp. It also
possesses some antifungal and antiviral activities (Fox and Modak,
1974). Recently, due to the emergence of antibiotic-resistant bacteria
and limitations of the use of antibiotics the clinicians have returned to
silver wound dressings containing varying level of silver

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สำหรับศตวรรษ เงินมีการใช้สำหรับการรักษาแผลไฟไหม้ และแผลเรื้อรัง เริ่มต้นที่คศ. 1000 เงินถูกใช้เพื่อทำให้น้ำดื่ม (ริชาร์ด et al. 2002 Castellano et al. 2007) Nitratewas สีเงินใช้ในรูปแบบของแข็ง และเป็นที่รู้จัก ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น "จันทรคติcaustic"ในอังกฤษ "ลาพิส infernale"ในภาษาละตินและ"Pierre infernale"ในฝรั่งเศส (คลา 2000) 1700 ซิลเวอร์ไนเตรทถูกใช้สำหรับการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โครห์จากต่อมน้ำลาย และกระดูกและ perianal ฝี (คลา 2000 Landsdown, 2002) ในศตวรรษเนื้อเยื่อแกรนูลออกใช้ซิลเวอร์ไนเตรทเพื่ออนุญาต epithelization และส่งเสริมการก่อตัวของเปลือกโลกบนพื้นผิวของบาดแผล ความเข้มข้นของซิลเวอร์ไนเตรทที่แตกต่างกันถูกใช้ในการรักษาไหม้สด (Castellano et al. 2007 คลา 2000) ใน 1881 คาร์ล S.F.Crede หาย neonatorum opthalmia ใช้ยาหยอดตาซิลเวอร์ไนเตรทบุตรของ Crede, B. Crede ออกน้ำเงินฉาบผิวการปลูกถ่าย (คลา 2000 Landsdown, 2002) ในปี 1940 หลังจากยาเพนนิซิลลินแนะนำการใช้เงินในการรักษาติดเชื้อแบคทีเรียลดลง (Hugo และรัสเซล 1982 Demling และDeSanti, 2001 โชปรา 2007) เงินอีกครั้งมาในรูปภาพในปี 1960เมื่อ Moyer แนะนำการใช้ 0.5% ซิลเวอร์ไนเตรทสำหรับการรักษาแผลไฟไหม้ เขาเสนอว่า โซลูชันนี้ไม่รบกวนผิวหนังเจริญเติบโต และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียกับหมอเทศข้างลาย staphylococcus, Pseudomonas aeruginosa และ Escherichia coli(Moyer et al. 1965 Bellinger และคอนเวย์ 1970) ในปี 1968 ซิลเวอร์ไนเตรทได้ร่วมกับซัลโฟนาไมด์ฟอร์ม sulfadazine เงินครีมซึ่งเป็นตัวแทนแบคทีเรียที่ปก และใช้อย่างไรสำหรับการรักษาแผลไฟไหม้ Sulfadazine เงินมีประสิทธิภาพกับแบคทีเรียเช่น E. coli, S. หมอเทศข้างลาย Klebsiella sp. Pseudomonas sp มันยังมีกิจกรรมบางอย่างเชื้อรา และไวรัส (ฟ็อกซ์และ Modak1974) . เมื่อเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากการเกิดของแบคทีเรียดื้อ-และข้อจำกัดของการใช้ยาปฏิชีวนะที่แพทย์ได้ส่งคืนให้แผลแผลสีเงินที่ประกอบด้วยเงินระดับแตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับศตวรรษเงินที่ได้รับในการใช้งานสำหรับรักษาแผลไฟไหม้และ
แผลเรื้อรัง เป็นช่วงต้น พ.ศ. 1000 เงินถูกใช้ในการทำน้ำ
ดื่ม (ริชาร์ด, et al., 2002;. แค et al, 2007) nitratewas เงิน
ใช้ในรูปแบบที่เป็นของแข็งและเป็นที่รู้จักกันตามเงื่อนไขที่แตกต่างกันเช่น "จันทรคติ
โซดาไฟ" ในภาษาอังกฤษ "Lapis infernale" ในภาษาละตินและ "ปิแอร์ infernale" ใน
ฝรั่งเศส (Klasen, 2000) 1700, ซิลเวอร์ไนเตรทที่ใช้สำหรับ
การรักษาโรคกามโรค fistulae จากต่อมน้ำลายและ
กระดูกและฝี perianal (Klasen 2000; Landsdown, 2002) ใน
ศตวรรษที่ 19 เม็ดเนื้อเยื่อถูกลบออกโดยใช้ซิลเวอร์ไนเตรทที่จะ
ช่วยให้ epithelialization เพิ่มและส่งเสริมการสะสมคราบบนพื้นผิวของ
บาดแผล ที่แตกต่างกันมีความเข้มข้นของซิลเวอร์ไนเตรทได้ถูกใช้ในการรักษา
แผลไฟไหม้สด (แค et al, 2007;. Klasen, 2000) ในปี 1881 คาร์ลเอสเอฟ
Crede หาย neonatorum opthalmia ใช้เงินไนเตรตตาลดลง.
ลูกชายของ Crede บี Crede ออกแบบเงินชุบน้ำสำหรับผิว
การปลูกถ่ายอวัยวะ (Klasen 2000; Landsdown, 2002) ในปี 1940 หลังจากที่
ยาปฏิชีวนะได้รับการแนะนำการใช้เงินในการรักษาของ
การติดเชื้อแบคทีเรียลดลง (ฮิวโก้และรัสเซล 1982; Demling และ
DeSanti 2001; Chopra, 2007) เงินมาอีกครั้งในภาพในปี 1960
เมื่อ Moyer แนะนำการใช้งานของซิลเวอร์ไนเตรท 0.5% สำหรับการรักษา
จากการเผาไหม้ เขาเสนอว่าการแก้ปัญหานี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับ
การแพร่กระจายที่ผิวหนังและมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียกับ
Staphylococcus aureus, Pseudomonas aeruginosa และ Escherichia coli
(Moyer et al, 1965;. เบลลิงและคอนเวย์, 1970) ในปี 1968, ซิลเวอร์ไนเตรท
ได้ร่วมกับ sulfonamide ในรูปแบบครีม sulfadazine เงิน
ซึ่งทำหน้าที่เป็นวงกว้างสเปกตรัมตัวแทนต้านเชื้อแบคทีเรียและถูกนำมาใช้
สำหรับการรักษาจากการเผาไหม้ sulfadazine เงินเป็นที่มีประสิทธิภาพต่อ
เชื้อแบคทีเรียเช่นเชื้อ E. coli, S. aureus, Klebsiella sp. Pseudomonas SP นอกจากนี้ยัง
มีคุณสมบัติต้านเชื้อราและไวรัสกิจกรรมบางอย่าง (ฟ็อกซ์และขนมโมทกะ,
1974) เมื่อเร็ว ๆ นี้เนื่องจากการเกิดขึ้นของเชื้อแบคทีเรียยาปฏิชีวนะที่ทน
และข้อ จำกัด ของการใช้ยาปฏิชีวนะแพทย์ได้กลับไป
เงินแผลแผลที่มีระดับที่แตกต่างของเงิน