borne from primary conidiophores of

borne from primary conidiophores of varying
length. The observation of secondary conidiophores was uncommon,
but when present, they originated from the conidial body. On
DRYES, these strains exhibited light green to greyish colonies. Another
four isolates (6%) exhibited a sporulation pattern similar to that of A.
arborescens sp.-grp. (group “L”). The main characteristics were long primary
conidiophores with a terminal cluster of branching conidial
chains. Secondary conidiophores originating mainly from the conidial
apex and less frequently from conidial body were regularly observed.
Colonies on DRYES were dark green and sulcate. Four more isolates
(6%) presented short primary conidiophores with multi-branched
chains of 4–10 conidia, frequently with lateral secondary conidiophores
and were identified as A. alternata sp.-grp. (group “J”). Colonies on
DRYES were sulcate and dark green. One isolate (2%) exhibited characteristics
similar to A. armoraciae sp.-grp. (group “M”), showing long primary
conidiophores with several and short lateral branches of conidia.
The six remaining isolates (9%) exhibited intermediate characteristics
among groups H, J and L and were referred to as Alternaria sp.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พัดพาจาก conidiophores หลักที่แตกต่างความยาว สังเกต conidiophores ที่รองรับปกติแต่ปัจจุบัน เมื่อพวกเขามาจากร่างกาย conidial บนDRYES สายพันธุ์เหล่านี้จัดแสดงแสงสีเขียวเป็นอาณานิคม greyish อื่นสี่แยก (6%) จัดแสดงรูปแบบ sporulation คล้ายกับของอ.arborescens sp.-grp (กลุ่ม "L") ลักษณะหลักถูกหลักยาวconidiophores กับคลัสเตอร์เทอร์มินัลของสาขา conidialโซ่ รอง conidiophores เกิดจากการ conidialเอเพ็กซ์ และไม่บ่อยจาก conidial ร่างกายได้อย่างสม่ำเสมอสังเกตอาณานิคมบน DRYES มีสีเขียว และ sulcate สี่แยกเพิ่มเติม(6%) แสดง conidiophores หลักสั้นหลายกิ่งโซ่ของ conidia 4 – 10 บ่อยกับ conidiophores รองที่ด้านข้างและมีระบุเป็น A. alternata sp.-grp (กลุ่ม "J") อาณานิคมบนDRYES มีสีเขียวเข้ม และ sulcate ลักษณะการจัดแสดงหนึ่ง isolate (2%)คล้ายกับ A. armoraciae sp.-grp หลักยาวแสดง (กลุ่ม "M"),มีหลาย conidiophores และสาขาด้านข้างของ conidia สั้นหกที่เหลือแยก (9%) แสดงลักษณะปานกลางระหว่างกลุ่ม H, J และ L และถูกเรียกว่า Alternaria sp

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พัดพาจาก conidiophores หลักของการที่แตกต่างกัน
มีความยาว การสังเกตของ conidiophores รองเป็นเรื่องผิดปกติ
แต่เมื่อปัจจุบันพวกเขามาจากร่างกายของเชื้อรา ใน
DRYES สายพันธุ์เหล่านี้จัดแสดงแสงสีเขียวอมเทาอาณานิคม อีก
สี่สายพันธุ์ (6%) การจัดแสดงรูปแบบการสร้างสปอร์คล้ายกับที่ของเอ
arborescens sp. -GRP (กลุ่ม "L") ลักษณะสำคัญเป็นหลักยาว
conidiophores กับคลัสเตอร์ขั้วของการแยกเชื้อรา
โซ่ conidiophores มัธยมต้นกำเนิดส่วนใหญ่มาจากเชื้อรา
เอเพ็กซ์และน้อยกว่าที่พบบ่อยจากร่างกายเชื้อราถูกตั้งข้อสังเกตอย่างสม่ำเสมอ.
อาณานิคมบน DRYES มีสีเขียวเข้มและ sulcate สี่สายพันธุ์อื่น ๆ
(6%) นำเสนอ conidiophores หลักสั้น ๆ ที่มีหลายแขนง
โซ่ 4-10 conidia บ่อยกับ conidiophores รองด้านข้าง
และถูกระบุว่าเป็นเอ alternata sp. -GRP (กลุ่ม "J") อาณานิคมบน
DRYES เป็น sulcate และสีเขียวเข้ม หนึ่งแยก (2%) แสดงลักษณะ
คล้ายกับเอ armoraciae sp. -GRP (กลุ่ม "M") แสดงหลักยาว
conidiophores ที่มีหลายสาขาและระยะสั้นข้างของสปอร์.
ที่เหลืออีกหกไอโซเลท (9%) แสดงลักษณะเป็นสื่อกลาง
ระหว่างกลุ่ม H, J และ L และถูกเรียกว่า Alternaria SP

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง conidiophoresความยาว การสังเกตของ conidiophores มัธยมศึกษาพิสดารแต่เมื่อปัจจุบัน พวกที่มาจากร่างกายได้ดี . บนdryes สายพันธุ์เหล่านี้มีสีเขียวอ่อนอมเทาอาณานิคม อื่นสี่สายพันธุ์ ( ร้อยละ 6 ) มีลักษณะลวดลายคล้ายกับที่ของต้นปารี SP - GRP ( กลุ่ม " L " ) ลักษณะที่สำคัญ คือ ยาว ประถมศึกษาconidiophores กับเทอร์มินัลแยกจากกลุ่มโซ่ conidiophores มัธยมที่มาส่วนใหญ่มาจากเดียเอเพ็กซ์และน้อยกว่าจากร่างกายได้ดี อย่างสังเกตได้อาณานิคมบน dryes มีสีเขียวเข้ม และ sulcate . อีก 4 ไอโซเลท( 6 ) เสนอ conidiophores หลักสั้น ๆหลายกิ่งด้วยโซ่ 4 – 10 ชนิด บ่อยด้วย conidiophores การมัธยมศึกษาและถูกระบุว่าเป็น . alternata sp . - GRP ( กลุ่ม " เจ " ) อาณานิคมในdryes เป็น sulcate และสีเขียวเข้ม 1 ไอโซเลท ( 2% ) มีลักษณะคล้ายกับ . armoraciae sp . - GRP กลุ่ม ( " M " ) แสดงหลักยาวconidiophores ที่มีหลายสาขาและสั้นข้างเดีย .เหลือ 6 สายพันธุ์ ( 9% ) มีลักษณะกลางกลุ่ม H , J และ L และถูกเรียกว่าโรค sp .