Types[edit] To be able to identify

Types[edit]

To be able to identify genuine Thai silk easily, Thailand's Agriculture Ministry uses a peacock emblem to authenticate Thai silk and protect it from imitations. The peacock emblem serves as a guarantee of quality and it comes in four different colors based on specific silk types and production process.[8] These are the following:
Gold peacock: Indicates the premium Royal Thai Silk, a product of native Thai silkworm breeds and traditional hand-made production.
Silver peacock: Indicates Classic Thai Silk, developed from specific silkworm breeds and hand-made production.
Blue peacock: Indicates Thai Silk, a product of pure silk threads and with no specific production method (allows chemical dyes).
Green peacock: Indicates Thai Silk Blend, a product of silk blended with other fabrics and with no specific production method.

Exports[edit]

In 2006, $14,540,325 worth of silk was exported from Thailand. The predominant markets are the U.S., and the U.K.[9] Silk fabric accounts for about half of the silk exported from Thailand (the rest being raw silk, yarn, cocoons, and silk waste). However, Thai producers remain only a small contributor to the global trade in silk.[10]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ชนิด [แก้ไข]

เพื่อให้สามารถระบุตัวตนของผ้าไหมไทยแท้ได้ง่ายของประเทศไทยกระทรวงเกษตรใช้สัญลักษณ์นกยูงในการตรวจสอบผ้าไหมไทยและปกป้องมันจากการเลียนแบบ สัญลักษณ์นกยูงทำหน้าที่เป็นรับประกันคุณภาพและมันมาในสี่สีที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าไหมที่เฉพาะเจาะจงและขั้นตอนการผลิต [8] เหล่านี้มีดังต่อไป.
นกยูงทอง: แสดงพรีเมี่ยมพระราชผ้าไหมไทยผลิตภัณฑ์ของสายพันธุ์ไหมไทยพื้นเมืองและการผลิตทำมือแบบดั้งเดิม
นกยูงสีเงิน. แสดงผ้าไหมไทยคลาสสิกที่พัฒนามาจากสายพันธุ์ไหมที่เฉพาะเจาะจงและการผลิตทำมือ
นกยูงสีน้ำเงิน:. แสดงผ้าไหมไทยผลิตภัณฑ์ของเส้นไหมที่บริสุทธิ์และมี . วิธีการผลิตที่ไม่เฉพาะเจาะจง (ช่วยให้สีย้อมสารเคมี)
นกยูงสีเขียว: แสดงให้เห็นการผสมผสานผ้าไหมไทยผลิตภัณฑ์จากผ้าไหมผสมกับผ้าอื่น ๆ และมีวิธีการผลิตที่ไม่เฉพาะเจาะจง.

ส่งออก [แก้ไข]

ในปี 2006 $ 14,540,325 มูลค่าของผ้าไหมที่ถูกส่งออกจากประเทศไทย ตลาดเด่นที่เราและสหราชอาณาจักร [9] บัญชีผ้าไหมประมาณครึ่งหนึ่งของผ้าไหมที่ส่งออกจากประเทศไทย (ส่วนที่เหลือเป็นผ้าไหมดิบเส้นด้ายรังไหมและเศษไหม) อย่างไรก็ตามผู้ผลิตไทยยังคงเป็นเพียงผู้มีส่วนร่วมขนาดเล็กเพื่อการค้าโลกในผ้าไหม. [10]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ชนิด [แก้ไข]

สามารถระบุผ้าไหมไทยแท้ได้อย่างง่ายดาย กระทรวงเกษตรของประเทศไทยใช้สัญลักษณ์นกยูงรับรองผ้าไหม และป้องกันจากการเลียนแบบที่ผลิต ตรานกยูงเหมือนรับประกันคุณภาพ และมาในสี่สีที่แตกต่างกันตามชนิดบางไหมและกระบวนการผลิต[8] มีต่อไปนี้:
ยูงทอง: บ่งชี้รอยัลผ้าไหม ของพรีเมี่ยม ผลิตภัณฑ์ของสายพันธุ์ไหมไทยพื้นเมืองและแบบดั้งเดิมทำด้วยมือผลิต
นกยูงเงิน: แสดงคลาสสิกไหมไทย พัฒนาจากสายพันธุ์เฉพาะไหมและทำด้วยมือผลิต
นกยูงสีน้ำเงิน: แสดงผ้าไหม ผลิตภัณฑ์ ของกระทู้บริสุทธิ์ไหม และ มีวิธีการผลิตเฉพาะไม่ (ช่วยให้การย้อมติดเคมี) .
นกยูงสีเขียว: บ่งชี้ไทยไหมผสม ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมผสมผ้าอื่น ๆ และวิธีการผลิตไม่

ส่งออก [แก้ไข]

ใน 2006, $14,540,325 มูลค่าของผ้าไหมถูกส่งออกจากไทย ตลาดกันคือ สหรัฐอเมริกา และ U.K.[9] บัญชีผ้าไหมประมาณครึ่งหนึ่งของผ้าไหมส่งออกจากไทย (เหลือวัตถุดิบผ้าไหม เส้นด้าย รังไหม และเสียไหม) อย่างไรก็ตาม ไทยยังคงอยู่ เฉพาะผู้บริจาคขนาดเล็กสู่โลกการค้าผ้าไหม[10]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประเภท [แก้ไข]

ความสามารถในการระบุผ้าไหมไทยของแท้ได้อย่างง่ายดายกระทรวงเกษตรของประเทศไทยจะใช้ตรานกยูงเพื่อตรวจสอบความถูกต้องผ้าไหมไทยและปกป้องจากปลอม. ตรานกยูงไทยที่จัดให้บริการเป็นการรับประกันที่มี คุณภาพ และได้รับสี่สีแตกต่างไปตามขั้นตอนการผลิตและ ประเภท ผ้าไหมเฉพาะ[ 8 ]เหล่านี้มีนกยูง:
ทองต่อไปนี้จะแสดงระดับพรีเมี่ยมที่สถานเอกอัครราชทูตไทยผ้าไหมผลิตภัณฑ์ ของนกยูงที่เส้นไหมไทยสายพันธุ์พื้นเมืองและการผลิตด้วยมือแบบดั้งเดิม.
สีเงินระบุว่าคลาสสิคผ้าไหมไทยพัฒนามาจากรุ่นเส้นไหมสายพันธุ์และมือถือทำให้การผลิต.นกยูง
สีน้ำเงินแสดงว่าผ้าไหมไทย ผลิตภัณฑ์ ที่ทำจากผ้าไหมของเธรดบริสุทธิ์และไม่มีวิธีการผลิตเฉพาะ(ทำให้สารสีย้อมเคมี)นกยูง
สีเขียวแสดงว่าผ้าไหมไทยผสมผสานผลิตภัณฑ์ ของผ้าไหมผสมผสานเข้ากับผ้าอื่นๆและไม่มีการผลิตเฉพาะวิธีการ.

การส่งออก[แก้ไข]

ในปี 2006 มีมูลค่าถึง 14,540,325 ของผ้าไหมส่งออกไปจากประเทศไทย ความโดดเด่นที่เป็นตลาดประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ[ 9 ]ผ้าไหมผ้าที่บัญชีประมาณครึ่งของผ้าไหมที่ส่งออกจากประเทศไทย(ส่วนที่เหลือเป็นขยะด้ายผ้าไหม cocoons ผ้าไหมและวัตถุดิบ) แต่ถึงอย่างไรก็ตามผู้ผลิตไทยยังคงอยู่เพียงผู้ร่วมสนับสนุน( Contributor )ขนาดเล็กเพื่อการค้าโลกในชุดผ้าไหม.[ 10 ]