ดอกไม้ในวรรณคดีไทย
MAR
31
ความคิด
ว่าไหม.........
ความคิดของคนเราก็เหมือนกับดอกไม้.........
เดี่ยวก็คิด....................ไปต่าง ๆ นานา.....................................
โพสต์เมื่อ 31st March 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
พุทธชาด
“…ชาตบุษย์พุทธชาดขึ้น เคียงกลาง
กุหลาบกนาบส่องทาง กลิ่นฟุ้ง…”
นิราศทองแดง : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
ชื่ออื่นๆ : บุหงาประหงัน
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Jasminum auriculatum Vahl
วงศ์ : OLEACEAE
พุทธชาดเป็นไม้เถากึ่งต้นกึ่งเลื้อย ต้นแตกกิ่งก้านสาขาเป็นออกไป สูง 1-2 เมตร ใบ ออกเป็นคู่ๆ ตามกิ่ง ใบยาวประมาณ 6 ซม. สีเขียวสด ดอกช่อ ออกเป็นช่อตรงส่วนยอดของกิ่ง สีขาวและดกมาก ช่อหนึ่งมีหลายดอกและทยอยผลิบานทุกวัน ดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5- 8 แฉก ดอกบานเต็มที่ประมาณ 1 ซม. กลิ่นหอมแรง ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ ปักชำ ตอนกิ่ง ทับกิ่ง เพาะเมล็ด ประโยชน์ ดอกนำมาสกัดเอาน้ำมันหอมระเหย ถิ่นกำเนิดในจีนและอินเดีย ปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีอินทรีย์วัตถุมากๆ น้ำพอสมควร ความชื้นสูง ปลูกในที่กลางแจ้งแสงแดดจัด
โพสต์เมื่อ 16th January 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
ยี่เข่ง
“…สารภียี่เข่งเบญจมาศ บุนนาคการเกดลำดวนหอม
แถมนางแย้มแกมสุกรมต้นยมโดย พระพายโชยชื่นใจในไพรวัน…”
พระอภัยมณี : สุนทรภู่
ชื่ออื่นๆ : Crape myrtle
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Lagerstroemia indica L.
วงศ์ : LYTHRACEAE
ยี่เข่งมีต้นแตกกอ แตกกิ่งก้านสาขาออกรอบๆ ต้น ผิวต้นสีเทาเกือบขาว เรียบ ลอกได้เป็นแผ่นบางๆ กิ่งก้านอ่อน มีปีกแคบๆ ดูเหมือนเป็นรูปสี่เหลี่ยม ต้นสูงประมาณ 7 เมตร ใบ เดี่ยว ออกตรงข้ามเรียงเป็นคู่ๆ ไปตามข้อต้น แต่ใบที่อยู่ตรงส่วนยอดของต้นจะออกสลับกัน ใบเป็นรูปไข่ โคนใบมน ปลายมนหรือแหลม ขอบใบเรียบ ผิวใบเรียบและมัน ท้องใบตรง เส้นกลางใบมีขนสั้นๆ ปกคลุมเล็กน้อย ใบกว้าง 2-4 ซม. ยาว 2.5- 7 ซม. สีเขียว ใบแทบจะไม่มีก้านใบเลย ดอกช่อ ออกเป็นช่ออยู่ที่ยอดของต้น ส่วนล่างของดอกเป็นเส้นกลมเล็กๆ ส่วนบนบานแผ่ออกเป็นกลีบกลมขอบหยิก มีรอยยับย่น 6 กลีบ สีม่วง หรือชมพู ขาว แดงแก่ แดงอ่อน แดงดำ เกสรกลางดอกปลายเป็นตุ้มสีเหลือง ดอกบานเต็มที่ประมาณ 4 ซม.ดอกเล็กกว่าดอกลั่นทมเล็กน้อย มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ดอกซ้อนกลิ่นหอมเย็น ผล เมื่อดอกร่วงโรยไปจะเป็นผลรูปทรงกลมยาวประมาณ 1 ซม. กว้างประมาณ 1 ซม. ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่งปักชำ ประโยชน์ ใบ เป็นยาบำรุงหัวใจ ดอก ใช้ทาแก้ผดผื่นคัน แก้บิด รากและเปลือกเป็นพิษใช้ผสมยาแก้โรคผิวหนัง ถิ่นกำเนิด จีน เป็นผู้นำเข้าตอนปลายรัชกาลที่ 3 เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ร่วนซุย ทนแล้ง น้ำกร่อย น้ำเค็มได้
โพสต์เมื่อ 16th January 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
ดอกมณฑา
“…รสสุคนธ์ปนมะลิผลิดอกโต ดอกส้มโอกลิ่นกล้าน่าดม
มลิวันพันกิ่งมณฑาเทศ แก้วเกดดอกดกตกอยู่ถม…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่ออื่นๆ : ยี่หุบ
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Talauma candollei Blume
วงศ์ : MAGNOLIACEAE
มณฑาเป็นไม้พุ่ม สูง 2-3 เมตร ต้นกลมเล็ก กิ่งยืดสูง ต้นอ่อนลักษณะคล้ายจะเลื้อย ใบ เดี่ยว ออกสลับ ใบใหญ่ไม่แตกสาขามาก รูปใบหอก กว้าง 8-12 ซม. ยาวประมาณ 16 ซม. โคนสอบ ปลายแหลม แผ่นใบเป็นคลื่นหรือเป็นลอน ดอก ใหญ่ สีเหลืองอ่อน กลิ่นหอมแรงตอนเช้า ออกเดี่ยวตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกรูประฆังห้อยลง กลีบเลี้ยง 3 กลีบ สีเขียวอ่อนอมเทา หนาและแข็ง เวลาบานไม่คลี่เต็มดอก กลิ่นหอมแรง ผล เป็นผลรวม ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ประโยชน์ เป็นไม้ประดับที่มีกลิ่นหอม ถิ่นกำเนิด เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชอบที่ร่มรำไร
โพสต์เมื่อ 16th January 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
รำเพย
“…รวยรินกลิ่นรำเพย คิดพี่เคยเชยกลิ่นปราง
นั่งแนบแอบเอวบาง ห่อนแหห่างว่างเว้นวัน…”
บทเห่เรือ : เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์
ชื่ออื่นๆ : กระบอก
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Thevetia peruviana Schum.
วงศ์ : APOCYNACEAE
รำเพยเป็นไม้พุ่ม สูง 2-3 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง ต้นมียางขาวข้น ยางเป็นพิษ ใบ เดี่ยว เรียวยาว ดอกช่อ ออกดอกเป็นช่อที่ซอกใบปลายกิ่งช่อละ 3-8 ดอก ดอกมีลักษณะเป็นหลอด ปลายกลีบแยกจากกันคล้ายรูประฆัง มีหลายสี เช่น สีขาว เหลือง ส้ม ผล เป็นรูปสี่เหลี่ยม สีเขียว เมื่อแก่จัดเป็นสีดำ เมล็ด มี 1-2 เมล็ด ออกช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว ออกดอกตลอดปี การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ ถิ่นกำเนิด จากอเมริกาเขตใต้
โพสต์เมื่อ 16th January 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
ชายผ้าสีดา
“…เห็นชายผ้าสีดาบนค่าไม้ เหมือนละม้ายชายสะไบบังอร…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่ออื่นๆ : กระปรอก, กระปรอกหัวหมู ตองข้าวห่อย่าบา, Staghorm fern
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Platycerium wallichii, Hook.
วงศ์ : POLYPODIACEAE
ชายผ้าสีดาเป็นพืชอิงอาศัย มีเหง้าสั้น ยาวไม่เกิน 1 ซม. มีใบเป็นแผ่นซึ่งปกคลุมด้วยเกล็ดหุ้มอยู่ ใบนี้ยาวได้ถึง 10 ซม. แยกเป็น 2 แฉก มีเส้นแผ่นใบเห็นได้ชัดทั้ง 2 ด้าน เส้นใบก็แตกเป็น 2 แฉก ด้วยเส้นใบย่อยเป็นตาข่าย ใบหนาและอวบน้ำ ที่โคนก้านใบ สีเขียว ใบปกติยาวได้ถึง 50 ซม. ห้อยลง แยกเป็น 2 แฉก แฉกแคบเห็นเป็น 2 แฉกชัดเจน ใบหนามีขนรูปดาว ใต้ใบที่ด้านล่างปกคลุมด้วยสปอร์ ปนกับเส้นแทรกที่เป็นรูปดาว มีหัวกลมโตเกาะตามกิ่งไม้ใหญ่ มีกาบใบเป็นแฉก ห้อยย้อยลงมายาวงามเหมือนชายผ้าขาดติดต้นไม้
การขยายพันธุ์ แยกหน่อหรือหัวเล็กๆ
ประโยชน์ เป็นไม้ประดับ หัวตากแห้งใช้ปลูกชำกล้วยไม้เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น
ถิ่นกำเนิด อินเดียตะวันออก พม่า ยูนนานถึงมาเลเซีย
โพสต์เมื่อ 16th January 2012 โดย yaowarikoii
0 เพิ่มความคิดเห็น
JAN
16
เบญจมาศ
“…กิดาหยันน้องน้อยสอยสาวหยุด เบญจมาศชาตบุษย์ต่างต่าง
บ้างโน้มเหนี่ยวหักกิ่งปริงปราง มาถวายหลายอย่างให้นางชม…”
อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ร.2
ชื่อพฤกษศาสตร์ : Chrysanthemum morifolinm Ramat. and hybrid
วงศ์ : COMPOSITAE
เบญจมาศเป็นไม้ล้มลุก สูง 30-90 ซม. แตกกิ่งก้านสาขาไม่มาก ตามกิ่งก้านและต้นมีขนละเอียด
ใบ เรียวรี สีเขียว ใบต่างกันแล้วแต่พันธุ์ ซึ่งมีมากมาย
ดอก มีหลากสี ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ แต่ละลักษณะมีดอกกลมเหมือนกันหมด กลีบดอกซ้อนกันมากหรือน้อยแล้วแต่พันธุ์ สีต่างๆ กัน เช่น ชมพู แดง ขาว ม่วงอมน้ำเงิน ม่วงและเหลือง
การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด
ประโยชน์ ทั้งต้นใช้รักษาโรคตับ ปวดศีรษะ วิงเวียน บำรุงประสาท ใบและดอก กินเพื่อรักษาโรคนิ่ว วัณโรค โรคต่อมน้ำเหลื