โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ
ความหมายของโภชนาการ อาหาร และสารอาหาร
โภชนาการ (nutrition) หมายถึง อาหาร (food) ที่เข้าสู่ร่างกายคนแล้ว ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ในด้านการเจริญเติบโต การค้ำจุนและการซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย โภชนาการมีความหมายกว้างกว่าและต่างจากคำว่าอาหาร เพราะอาหารที่กินกันอยู่ทุกวันนี้มีดีเลวต่างกัน อาหารหลายชนิดที่กินแล้วรู้สึกอิ่ม แต่ไม่มีประโยชน์ หรือก่อโทษต่อร่างกายได้
ถ้านำเอาอาหารต่างๆมาวิเคราะห์ จะพบว่ามีสารประกอบอยู่มากมายหลายชนิด โดยอาศัยหลักคุณค่าทางโภชนาการทำให้มีการจัดสารประกอบต่างๆ ในอาหารออกเป็น ๖ ประเภท คือ โปรตีน (protein) คาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) ไขมัน (fat) วิตามิน (vitamin) เกลือแร่ (mineral) และน้ำ สารประกอบทั้ง ๖ กลุ่มนี่เองที่เรียกว่า "สารอาหาร" (nutrient) ร่างกายประกอบด้วยสารอาหารเหล่านี้ และการทำงานของร่างกายจะเป็นปกติอยู่ได้ก็ต่อเมื่อได้สารอาหารทั้ง ๖ ประเภทครบถ้วน
อาหาร นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ในการครองชีวิต และมีส่วนทำให้สุขภาพของคนสมบูรณ์แข็งแรง ถ้ารับประทานอาหารได้ถูกต้อง และเพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย หรืออาจทำให้เป็นโรคได้ ถ้ามีการรับประทานไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมตามความต้องการ ของร่างกายในแต่ละวัย ผู้สูงอายุนับว่าเป็นวัยหนึ่ง ที่พบว่ามีปัญหาทางโภชนาการ และนำไปสู่การเกิดโรค ซึ่งทำความยุ่งยากในการรักษา และครองตนให้มีความสุข ในบั้นปลายของชีวิต
ความชราเป็นสิ่งที่ทุก ๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมักจะเกี่ยวโยงไปถึง การเปลี่ยนแปลงในทางสรีรวิทยา ของร่างกายมีสภาพการเสื่อม ของระบบอวัยวะต่าง ๆ ทางองค์การอนามัยโลก ได้ตั้งเกณฑ์ขึ้นเพื่อใช้กันทั่ว ๆ ไปว่า ผู้สูงอายุคือ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งในปัจจุบันมีแนวโน้ม ของการเพิ่มประชากรกลุ่มนี้ จะมีมากขึ้น อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจาก การพัฒนาทางการแพทย ์และสาธารณสุข ในประเทศไทยนั้นมีรายงานจาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ พบว่าจำนวน ผู้สูงอายุไทย ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าในปี 2543 จะมีผู้สูงอายุถึง 4.8 ล้านคนและอายุเฉลี่ยปัจจุบันคือ 67.6 ปี
การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพไม่เป็นภาระแก่ลูกหลาน เป็นผลมาจากการเตรียมตัวของท่าน ซึ่งโภชนาการจัดได้ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญในช่วงอายุนี้ การที่ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารไม่เพียงพอหรือได้มากเกินไป จะมีผลซ้ำเติมอวัยวะต่าง ในร่างกายที่มีแนวโน้มจะเสื่อมอยู่แล้วให้เสื่อมมากขึ้น นอกจากนี้อุบัติการณ์การเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง จะมีผลต่อภาวะโภชนาการทั้งสิ้น
เมื่อย่างเข้าสู่วัยสูงอายุ จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในของร่างกายไปในทางเสื่อม ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของส่วนประกอบของร่างกาย การทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายเสื่อมลง สมรรถนะทางกายเสื่อมลง รวมทั้งการทำงานของสมองลดลง
ส่วนประกอบของร่างกายที่เปลี่ยนแปลงในผู้สูงอายุได้แก่ มวลเนื้อเยื่อซึ่งได้แก่ มวลกล้ามเนื้อ มวลเนื้อเยื่อของอวัยวะภายใน มวลกระดูก และน้ำในร่างกายลดลง แต่สัดส่วนของไขมันมากขึ้น การที่มีมวลเนื้อเยื่ออวัยวะภายในลดลงนั้น ทำให้การทำงานของอวัยวะภายในต่างๆโดยเฉพาะ หัวใจ ปอด ไต ตับ และสมองลดลงด้วย การทำงานของระบบต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันก็เสื่อมถอยลง ทำให้ผู้สูงอายุมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย และการฟื้นตัวจากโรคก็ยากขึ้น
โดยปกติการเสื่อมของร่างกายเป็นไปอย่างช้าๆ แต่หากมีปัจจัยบางอย่างมาเกี่ยวข้องเช่นโรคเรื้อรังหรือโรคเฉียบพลันใดๆก็ตาม ภาวะทุโภชนาการ สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ฯลฯ จะทำให้ความเสื่อมเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ผู้สูงอายุมีการฟื้นตัวจากโรคที่เป็นช้ากว่าคนหนุ่มสาว ส่วนหนึ่งเกิดจากความเสื่อมของระบบต่างๆ ส่วนหนึ่งเกิดจากทุโภชนาการ หากป้องกันการเกิดทุโภชนาการได้น่าจะทำให้การฟื้นจากโรคที่เป็นได้เร็วขึ้น
ผู้สูงอายุ เป็นบุคคลที่ต้องกินอาหารให้ได้สัดส่วนและเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น เดียวกับวัยอื่น ๆ คือ มีความต้องการพลังงานและสารอาหารชนิดอื่นๆ เหมือนบุคคลทั่วไป
สำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี ในวัยนี้มักมีน้ำหนักตัวมากเกินมาตรฐาน เพราะจะมีการใช้กำลังงาน น้อยลง และต่อต่างๆ โดยเฉพาะต่อไทรอยด์จะทำงานน้อยลง เมื่อรู้ว่าน้ำหนักเกินควรพยายามลดหรือ ควบคุมน้ำหนักของร่างกายให้คงที่ไม่ให้อ้วนหรือผอมจนเกินไป
สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ความต้องการพลังงานจะลดลง เนื่องจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ น้อยลง เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อ เป็นต้น ดังนั้น จึงควรเลือกกินอาหารที่ให้พลังงานน้อยลง เช่น ลดอาหารประเภทแป้ง และไขมันลงมาก กว่าตอนอายุ 40-60 ปี ลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อลง แต่กินบ่อยขึ้น อาหารมื้อเย็นไม่ควรมากเกินไป ควรกินอาหารเบาๆ และเครื่องดื่ม เช่นนมสัก 1 ถ้วย ก่อนนอน จะทำให้หลับสบาย อาหารประเภท เนื้อสัตว์ รับประทานได้เหมือนเดิม แต่ควรสับหรือต้มเปื่อย เนื้อสัตว์ประเภทปลาจะช่วยให้ย่อยง่ายขึ้น ควรเป็นอาหารอุ่นๆ ถ้ามีน้ำแกงหรือต้มจืดจะช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ดี อาหารประเภทผัก ควรต้มเปื่อย รับประทานได้เหมือนเดิม หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะจะช่วยในการขับถ่าย ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ จะรับประทานผักและผลไม้น้อยลง ทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งจะ มีผลต่อสารอาหารอื่นๆ ด้วย คือ ทำให้ร่างกายได้รับเหล็กต่ำไปด้วย ทำให้เป็นโรคซีดหรือโลหิตจาง ดังนั้น เพื่อให้การดูดซึมแร่ธาตุเหล็กดีขึ้น จึงควรกินผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังสูง อายุ ยังมีปัญหาเกิดโรคกระดูกพรุน ทั้งนี้ มีสาเหตุจากการกินอาหารที่มีแคลเซียมน้อย จึงควรป้องกัน โดยดื่มนมทุกวัน รับประทานเนื้อสัตว์ ปลาตัวเล็กตัวน้อย กุ้งแห้ง และผักสีเขียวบ้าง เพื่อร่างกายจะได้ รับแคลเซียมไปบำรุงกระดูกให้แข็งแรงไม่เปราะหักง่าย น้ำมีความสำคัญต่อร่างกายผู้สูงอายุมาก เพราะผู้สูงอายุส่วนมากจะดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้คอแห้งมีเสมหะ และการขับถ่ายไม่ดีมักท้องผูก ดังนั้นผู้สูงอายุจึงควรดื่มน้ำประมาณวันละ 6-8 แก้ว เป็นประจำทุกวัน นอกจากนี้ ในพืชผักทุกชนิด จะมีเส้นใยอาหาร ซึ่ง มีความสำคัญต่อสุขภาพเช่นกัน เพราะจะช่วยไม