A fundamental question confronting

A fundamental question confronting anyone doing social research is for them to construct a philosophical position and orientation towards their enquiry. Unlike many domains which have established practices, construction management is a relatively new field which draws from both the natural and social sciences. As such, many different theories of knowledge or paradigms compete for methodological primacy. Researchers draw from both traditions when designing their research projects in a way which remains sensitive to the theoretical and philosophical foundations upon which their enquiry is based. However, the extent to which this has resulted in a plurality of methodological perspectives is questionable. For many years positivism and quantitative methods have been in the ascendancy in construction management research (Fellows and Liu, 1997: 78- 79). This has promoted an orthodoxy of the application of ‘natural science’ methods to study social phenomena and an attendant focus on explaining human behaviour. In contrast, proponents of interpretivism, as an alternative paradigm, espouse the importance of understanding human behaviour (Bryman and Bell, 2003: 15). This has an emphasis on the empathetic comprehension of human action rather than the forces which shape it (ibid. 16). This perspective arguably has the potential to provide complementary insights, enriching understanding of the perspectives of those who work in the sector.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คำถามพื้นฐานที่เผชิญใครทำการวิจัยทางสังคมเป็นการสร้างตำแหน่งปรัชญาและแนวทางคำถามของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากโดเมนจำนวนมากซึ่งได้สร้างแนวทางปฏิบัติ บริหารงานก่อสร้างเป็นเขตที่ค่อนข้างใหม่ที่วาดจากทั้งในธรรมชาติ และสังคมศาสตร์ เช่น ทฤษฎีต่าง ๆ มากมายของรู้หรือ paradigms แข่งขันสำหรับ methodological primacy นักวิจัยออกจากประเพณีทั้งสองเมื่อออกแบบโครงการวิจัยของพวกเขาวิธีที่ยังคงอ่อนไหวกับรากฐานทางทฤษฎี และปรัชญาซึ่งใช้คำถามของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ขอบเขตซึ่งได้ส่งผลให้ได้มุมมองต่าง ๆ methodological จะแก้แค้นคืน สำหรับหลายปี positivism และวิธีเชิงปริมาณได้ใน ascendancy ในการวิจัยการจัดการก่อสร้าง (Fellows และหลิว 1997:78 - 79) นี้ได้ส่งเสริมการ orthodoxy ของแอพลิเคชัน 'ป่าไม้' วิธีการศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมและมีผู้ดูแลเน้นอธิบายพฤติกรรมมนุษย์ ในทางตรงกันข้าม proponents interpretivism เป็นกระบวนทัศน์อื่น เห็นความสำคัญของการทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ (Bryman และเบลล์ 2003:15) มีการเน้นความเข้าใจ empathetic ของมนุษย์มากกว่าที่เป็นกองกำลังที่รูปร่างมัน (ibid. 16) มุมนี้มองว่ามีศักยภาพในการให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม เสริมความเข้าใจมุมมองของผู้ที่ทำงานในภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คำถามพื้นฐานที่ต้องเผชิญหน้ากับทุกคนที่ทำวิจัยทางสังคมสำหรับพวกเขาที่จะสร้างตำแหน่งปรัชญาและการวางแนวของพวกเขาที่มีต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งแตกต่างจากหลายโดเมนที่มีการจัดตั้งการปฏิบัติการจัดการการก่อสร้างเป็นสนามที่ค่อนข้างใหม่ที่ดึงจากทั้งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสังคม เช่นทฤษฎีที่แตกต่างของความรู้หรือกระบวนทัศน์ในการแข่งขันสำหรับวิธีการเป็นอันดับหนึ่ง นักวิจัยวาดจากประเพณีทั้งเมื่อมีการออกแบบโครงการวิจัยของพวกเขาในทางที่ยังคงมีความไวต่อรากฐานทางทฤษฎีและปรัชญาซึ่งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของพวกเขาเป็นไปตาม แต่ขอบเขตที่นี้มีผลในส่วนใหญ่ของมุมมองวิธีการเป็นที่น่าสงสัย หลายปีที่ผ่านวิธีการ positivism และเชิงปริมาณได้รับในอำนาจวาสนาในการวิจัยการจัดการการก่อสร้าง (เฟลโลว์และหลิว 1997: 78- 79) นี้ได้รับการเลื่อนตำแหน่งดั้งเดิมของการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ 'วิธีการที่จะศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมและมุ่งเน้นที่ผู้เข้าร่วมประชุมในการอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ในทางตรงกันข้ามผู้เสนอของ interpretivism เป็นกระบวนทัศน์ทางเลือกหลักการสำคัญของการทำความเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์ (Bryman และเบลล์, 2003: 15) นี้มีความสำคัญกับความเข้าใจเห็นอกเห็นใจของการกระทำของมนุษย์มากกว่ากองกำลังที่รูปร่างมัน (อ้างแล้ว. 16) มุมมองนี้เนื้อหาที่มีศักยภาพในการให้ข้อมูลเชิงลึกที่สมบูรณ์เข้าใจคุณค่าของมุมมองของผู้ที่ทำงานในภาค

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คำถามพื้นฐานเผชิญหน้าใครทำวิจัยทางสังคมสำหรับพวกเขาที่จะสร้างตำแหน่งปรัชญาและทิศทางต่อข้อสงสัยของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากโดเมนจำนวนมากซึ่งได้สร้างวิธีปฏิบัติ , การจัดการการก่อสร้างสนามที่ค่อนข้างใหม่ที่วาดจากทั้งธรรมชาติและสังคมศาสตร์ เช่นหลายทฤษฎีที่แตกต่างกันของความรู้หรือกระบวนทัศน์ในชิงเอก . นักวิจัยใช้ทั้งประเพณีเมื่อมีการออกแบบโครงการวิจัยของพวกเขาในทางที่ยังคงอ่อนไหวต่อรากฐานทางทฤษฎีและปรัชญา ซึ่งเมื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมของพวกเขาตาม อย่างไรก็ตาม ขอบเขตซึ่งส่งผลให้หลายฝ่ายของระเบียบวิธีมุมมองเป็นที่น่าสงสัยปฏิฐานนิยมเชิงปริมาณสำหรับหลายปีและได้รับในตำแหน่งการจัดการงานวิจัยในการก่อสร้าง ( สหายและหลิว , 1997 : 78 - 79 ) นี้ได้เลื่อนขั้นเป็นดั้งเดิมของโปรแกรมของ ' วิทยาศาสตร์ ' วิธีธรรมชาติเพื่อศึกษาปรากฏการณ์ทางสังคมและการมุ่งเน้นผู้เข้าร่วมประชุมในการอธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ในทางตรงกันข้าม ผู้เสนอ interpretivism เป็นกระบวนทัศน์ทางเลือกรับหลักการความสำคัญของความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ ( bryman และกระดิ่ง , 2546 : 15 ) นี้เน้นความเข้าใจเห็นอกเห็นใจของการกระทําของมนุษย์มากกว่าการบังคับ ซึ่งรูปร่างของมัน ( ในที่เดียวกัน 16 ) มุมมองนี้อย่างมีศักยภาพที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกประกอบสมบูรณ์ ความเข้าใจในมุมมองของคนที่ทำงานในภาค