1.แรงจูงใจที่จะได้สัมผัสสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบันควาทสนจใจที่จะได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมมีมากขึ้นโดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมที่เป็นมรดกโลก(World Heritage)สิ่แวดล้อมที่ว่าแบ่งออกเป็นสิ่งแวดล้อมสีน้ำเงิน หรือสิ่งแวดล้อมทางทะเลและสิ่งแวดล้อมสีเขียวหรือสิ่งแวดล้อมประเภทป่าเขา น้ำตก
2.แรงจูงใจที่จะได้พบปะกับคนในท้องถิ่น
นักท่องเที่ยวประเภทนี้มักนิยมเดินทางแบบสะพายเป้(backpacker)
3.แรงจูงใจที่จะเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเทศเจ้าบ้าน
การได้ดูวัฒนธรรมอื่นเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักเดินทางชาวเอเชียโดยเฉพาะชาวจีนและชาวเกาหลี ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับวัฒนธรรมต่างชาติ
4.แรงจูงใจที่จะเสริมสร้างสัมพันธภาพภายในครอบครัว
แนวโน้มนี้เห็นได้จากแหล่งท่องเที่ยวประเภท Theme park และที่พักประเภทรีสอร์ทที่จัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเป็นครอบครัว
5.แรงจูงใจที่จะได้พักผ่อนในสภาพแวดล้อมที่น่าสบาย
การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมก็เป็นแรงขจูงใจที่มำให้นักเดินทางได้พักผ่อนในสิ่งแวดล้อมที่น่าสบาย เช่น การชมปะการัง หรือการเดินป่าดูนก เป็นต้น
6.แรงจูงใจที่จะได้ทำกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสนใจและฝึกทักษะ
เช่น เดินทางไปเรียนภาษา ดำน้ำ ตกปลา ตีกอล์ฟ เป็นการท่องเที่ยวที่เพิ่งมพูนทักษะ
7.แรงจงใจที่จะมีสุขภาพดี
ปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะเดินทางเพื่อเข้ารับการบำบัดในศูนย์สปาต่างๆ การเข้าคอร์สลดน้ำหนักเป็นต้น
8.แรงจูงใจที่จะได้รับการคุ้มกันและความปลอดภัย
นักท่องเที่ยวจะเดินทางไปท่องเที่ยวในประเทศที่มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของตัวนักท่องเที่ยวเอง โดยจะหลีกเลี่ยงไม่ไปในประเทศที่มีปัญหาความไม่สงบทางการเมือง
9.แรงจูงใจที่จะได้รับการยอมรับนับถือและได้รับสถานภาพทางสังคม
ความสจในในสภาพสังคมเป็นองค์ประกอบหลักอย่างหนึ่งของแรงจูงใจของมนุษย์ ประสบการณ์ทางการท่องเที่ยวสามารถสร้างภาพพจน์ให้กับบุคคลได้
10.แรงจูงใจที่จะให้รางวัลแก่ตัวเอง
การให้รางวัลตนเองในรูปของการแสวงหาความสนุก เช่น การกิน การดื่ม หรือการหาความสุขทางเพศ การซื้อของ ล้วมสะท้อนถึงการให้่รางวัลตัวเองเพื่อฉลองความสำเร็จหรือเพื่อชดเชยต่อสิ่งที่ขาดหายไป