Literacy coaching has become an inc

Literacy coaching has become an increasingly popular form of literacy professional development in the United States based on the common assumption that strong relationships between coaches and teachers will drive instructional improvement and gains in student achievement. However, there is little empirical research describing how literacy coaches understand and negotiate their relationships with teachers. In the professional development and coaching literature, a distinction has been made between “responsive” coaching, where coaches focus on teacher self-reflection and let teachers' and students' needs guide the work, versus “directive” coaching, which occurs when coaches play the role of expert and are more assertive about instructional moves teachers must make. Given the limited empirical data on coach-teacher relationships, and the lack of rich descriptions of responsive and directive coaching, this thesis, comprised of two studies, was designed to explore if and how literacy coaches working across grade levels (K-12) in a single urban school district understand and describe responsive and directive coaching. The first study presents survey and interview data collected from 57 literacy coaches (73% of coaches in the district during 2007-2008). Analyses focus on whether coaches distinguished between responsive and directive coaching in hypothetical scenarios as well as in their own work, and how coaches related responsive/directive work to influencing teacher practice. A second study presents focus group, interview, and observation data collected from 17 coaches. Analyses focus on which circumstances and mechanisms coaches described as supporting a balance of responsive and directive coaching moves. The thesis concludes with a brief report summarizing study findings and making policy recommendations regarding coach preparation and support. Overall, study findings demonstrate that a majority of coaches were able to distinguish between responsive and directive coaching stances, in both hypothetical scenarios and in their own work. Moreover, on average, coaches indicated that a balance of responsive and directive moves might help spur instructional change. Finally, coaches described three circumstances and mechanisms they saw as fostering balance: shifting stances within single coaching sessions, using discussion protocols, and sharing leadership roles with teachers and principals.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฝึกอ่านเขียนได้กลายเป็น แบบที่นิยมมากขึ้นของความรู้การพัฒนาอาชีพในสหรัฐอเมริกาตามสมมติฐานพบว่า ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและโค้ชจะขับปรับปรุงการสอนและกำไรในการเรียน อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงเล็กน้อยวิจัยเชิงประจักษ์ที่อธิบายวิธีการที่โค้ชรู้เข้าใจ และต่อรองความสัมพันธ์กับครู ในการพัฒนาอาชีพและฝึกสอนวรรณคดี แตกต่างได้ระหว่างฝึก "ตอบสนอง" ที่โค้ชเน้นตนครู และให้ครู และนักเรียนต้องการแนะนำการทำงาน เมื่อเทียบกับการฝึก "directive" ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อโค้ชเล่นบทบาทของผู้เชี่ยวชาญ และมีคะแนนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสอนย้ายครูต้องทำ รับข้อมูลเชิงประจักษ์จำกัดบนความสัมพันธ์ครูโค้ช และการขาดของคำอธิบายที่สมบูรณ์ของการตอบสนอง และ directive ฝึก วิทยานิพนธ์นี้ ประกอบด้วยการศึกษาสอง ถูกออกแบบให้ดูได้ถ้า และวิธีการที่รู้โค้ชทำงานในระดับเกรด (K-12) ในโรงเรียนเมืองเดียวเข้าใจ และอธิบายการตอบสนอง และ directive ฝึก การศึกษาครั้งแรกนำเสนอรวบรวมข้อมูลการสำรวจและสัมภาษณ์จากโค้ชรู้หนังสือ 57 (73% ของโค้ชใน 2550-2551) วิเคราะห์เน้นว่าโค้ชที่แตกต่างระหว่างการตอบสนอง และ directive ฝึกในสถานการณ์สมมุติเช่นกันเช่นในงานของตนเอง และวิธีโค้ชกับสนอง/สั่งงานมีอิทธิพลต่อการฝึกหัดครู การศึกษาที่สองนำเสนอกลุ่มโฟกัส สัมภาษณ์ และรวบรวมข้อมูลสังเกตจากโค้ช 17 เน้นโค้ชซึ่งสถานการณ์และกลไกที่อธิบายว่า การสนับสนุนของการตอบสนองและสั่งเคลื่อนไหวการฝึกวิเคราะห์ นิพนธ์สรุปพร้อมรายงานสรุปสรุปผลการศึกษาวิจัย และทำข้อเสนอแนะนโยบายเกี่ยวกับโค้ชเตรียมและสนับสนุน โดยรวม ผลการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ของโค้ชได้มีการแยกระหว่างการตอบสนอง และ directive ฝึกรัก ในทั้งสองสถานการณ์สมมุติ และ ในการทำงานของตนเอง นอกจากนี้ เฉลี่ย โค้ชแสดงว่า สมดุลของการเคลื่อนไหวตอบสนอง และ directive อาจช่วยกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงการสอน ในที่สุด โค้ชอธิบายสถานการณ์และกลไกที่พวกเขามองว่าอุปถัมภ์ดุลสาม: ขยับกระทบภายในเดียวฝึกเซสชัน ใช้โพรโทคอลสนทนา และแบ่งปันหน้าที่ของผู้นำกับผู้บริหารและครู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฝึกการอ่านออกเขียนได้กลายเป็นรูปแบบที่นิยมมากขึ้นในการพัฒนาอาชีพการรู้หนังสือในประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานทั่วไปว่ามีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างโค้ชและครูจะช่วยผลักดันการปรับปรุงการเรียนการสอนและกำไรในความสำเร็จของนักเรียน แต่มีการวิจัยเชิงประจักษ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อธิบายถึงวิธีโค้ชความรู้ความเข้าใจและการเจรจาต่อรองสัมพันธ์ของพวกเขากับครู ในการพัฒนาและฝึกอาชีพวรรณกรรมความแตกต่างได้รับการทำระหว่าง "ตอบสนอง" การฝึกที่โค้ชมุ่งเน้นไปที่ครูสะท้อนตัวเองและปล่อยให้ครูและความต้องการของนักเรียนเป็นแนวทางในการทำงานกับ "คำสั่ง" การฝึกซึ่งเกิดขึ้นเมื่อโค้ชเล่น บทบาทของผู้เชี่ยวชาญและมีการแสดงออกที่เหมาะสมเพิ่มเติมเกี่ยวกับการย้ายการเรียนการสอนครูผู้สอนจะต้องทำให้ ได้รับข้อมูลเชิงประจักษ์ จำกัด เกี่ยวกับความสัมพันธ์โค้ชครูและการขาดรายละเอียดที่อุดมไปด้วยการตอบสนองและสั่งการฝึกวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ประกอบด้วยสองการศึกษาได้รับการออกแบบมาเพื่อสำรวจว่าและวิธีโค้ชความรู้การทำงานในระดับชั้นประถมศึกษา (K-12) ใน โรงเรียนเทศบาลเมืองเดียวเข้าใจและอธิบายถึงการฝึกการตอบสนองและสั่ง การศึกษาครั้งแรกที่มีการจัดสำรวจและสัมภาษณ์ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากโค้ช 57 ความรู้ (73% ของโค้ชในเมืองในช่วง 2007-2008) มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ว่าโค้ชพิเศษระหว่างการตอบสนองและสั่งการฝึกในสถานการณ์สมมุติเช่นเดียวกับในการทำงานของตนเองและวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับโค้ชตอบสนอง / สั่งการปฏิบัติของครูที่มีอิทธิพลต่อ การศึกษาที่สองมีการจัดกลุ่มการสัมภาษณ์และการสังเกตข้อมูลที่เก็บรวบรวมจาก 17 โค้ช มุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ซึ่งสถานการณ์และกลไกโค้ชอธิบายว่าสนับสนุนความสมดุลของการตอบสนองและการฝึกสั่งย้าย วิทยานิพนธ์จบลงด้วยการรายงานสรุปสรุปผลการศึกษาและการทำข้อเสนอเชิงนโยบายเกี่ยวกับการเตรียมการโค้ชและการสนับสนุน โดยรวม, ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าส่วนใหญ่ของโค้ชก็สามารถที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างการตอบสนองและสั่งสถานการณ์การฝึกทั้งในสถานการณ์สมมุติและในการทำงานของตัวเอง นอกจากนี้โดยเฉลี่ยโค้ชชี้ให้เห็นว่ามีความสมดุลของการตอบสนองและสั่งย้ายอาจช่วยกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการเรียนการสอน สุดท้ายโค้ชอธิบายสามสถานการณ์และกลไกพวกเขาเห็นว่าการอุปถัมภ์ Balance: ขยับสถานการณ์ภายในช่วงการฝึกเดียวใช้โปรโตคอลการอภิปรายและการแบ่งปันบทบาทความเป็นผู้นำที่มีครูและ