almost purely classical in style"[2

almost purely classical in style"[2] The song tells the story of humanity leaving a destructive Earth behind to populate elsewhere in the Universe.[3]
Matt later said that "This is influenced by Rachmaninov, Richard Strauss, Chopin and Pink Floyd. It looks at the concept of 'Panspermia.' It is a story of humanity coming to an end and everyone pinning their hopes on a group of astronauts who go out to explore space and spread humanity to another planet.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกือบแท้สไตล์คลาสสิก " [2] เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของความเป็นมนุษย์ที่ทิ้งโลกทำลายการเติมข้อมูลอื่น ๆ ในจักรวาล [3]แมตต์กล่าวว่า "นี่เป็นอิทธิพล Rachmaninov ริชาร์ดสเตราส์ Chopin และฟลอยด์สีชมพู ดูเหมือนแนวคิดของ 'Panspermia' มันเป็นเรื่องของมนุษยชาติที่มาถึงจุดสิ้นสุดและทุกคนที่ปักหมุดหวังกับกลุ่มของนักบินอวกาศที่ไปสำรวจพื้นที่ และกระจายมนุษยชาติไปดาวเคราะห์ดวงอื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกือบหมดจดคลาสสิกในสไตล์ "[2] เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ออกจากการทำลายโลกที่อยู่เบื้องหลังการเติมที่อื่น ๆ ในจักรวาล. [3]
กล่าวในภายหลังว่าแมตต์ว่า" นี่เป็นผลมาจาก Rachmaninov, ริชาร์ดสเตราส์โชแปงและ Pink Floyd มันมีลักษณะที่แนวคิดของ 'สเปอร์. มันเป็นเรื่องของความเป็นมนุษย์มาถึงที่สิ้นสุดและทุกคนปักหมุดหวังของพวกเขาในกลุ่มของนักบินอวกาศที่ออกไปสำรวจพื้นที่และการแพร่กระจายความเป็นมนุษย์ไปยังดาวเคราะห์อื่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกือบหมดจดคลาสสิกในสไตล์ " [ 2 ] เพลงที่บอกเล่าเรื่องราวของมนุษย์ออกจากโลกที่อยู่เบื้องหลังการทำลายล้างที่จะอาศัยอยู่ที่อื่นในจักรวาล [ 2 ]แมทต่อมากล่าวว่า " นี้เป็นอิทธิพลมาจากรัคมานีน ริชาร์ด สเตราส์ โชแปง และ Pink Floyd มันมองที่แนวคิดของ " panspermia " เป็นเรื่องของมนุษยชาติกำลังจะจบลง ทุกคนฝากความหวังไว้กับกลุ่มของนักบินอวกาศที่ไปสำรวจพื้นที่และกระจายมนุษย์กับดาวเคราะห์อื่น