Many enlightenment thinkers (includ

Many enlightenment thinkers (including Jefferson and Franklin) called themselves “Deists”
Deists believed in one God, but found fault with organized religion and did not believe in supernatural events such as miracles, the inerrancy of scriptures, or the Trinity.
They believed that through reason and observation of the natural world, Man can deduce the existence of a supreme being, rather than because of what the Bible says.
Deists thought that a harmonious universe proves the beneficence of God, a very different view from the “fire and brimstone” preaching of many Puritans

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักคิดตรัสรู้มากมาย (รวมทั้งเจฟเฟอร์สันและแฟรงคลิน) เรียกตัวเอง "Deists" Deists เชื่อในพระเจ้า แต่พบข้อบกพร่องกับศาสนา และไม่เชื่อในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเช่นปาฏิหาริย์ inerrancy ของคัมภีร์ หรือเป็นไตรลักษณ์ พวกเขาเชื่อว่าเหตุผลและสังเกตของธรรมชาติของโลก มนุษย์สามารถ deduce ดำรงอยู่เป็นการฎีกา แทนเนื่อง จากพระคัมภีร์กล่าวว่า Deists คิดว่า จักรวาลสามัคคีพิสูจน์ทำความดีของพระเจ้า มุมมองแตกต่างจาก "ไฟไหม้และ brimstone" จงสศาสนิกชนหลาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักคิดที่ตรัสรู้หลายคน (รวมถึงเจฟเฟอร์สันและแฟรงคลิน) เรียกตัวเองว่า "deists"
deists เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว แต่ไม่พบความผิดกับศาสนาและไม่เชื่อในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเช่นปาฏิหาริย์ inerrancy พระคัมภีร์หรือทรินิตี้.
พวกเขาเชื่อว่าผ่าน เหตุผลและการสังเกตของโลกธรรมชาติที่มนุษย์สามารถอนุมานการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตสูงสุดมากกว่าเพราะสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวว่า.
deists คิดว่าจักรวาลสามัคคีพิสูจน์เกื้อกูลของพระเจ้ามีมุมมองที่แตกต่างกันมากจาก "ไฟและกำมะถันที่" พระธรรมเทศนาของ Puritans จำนวนมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นักคิดตรัสรู้หลาย ( รวมถึง Jefferson และแฟรงคลิน ) เรียกตัวเองว่า " deists "deists เชื่อในพระเจ้า แต่พบความผิดกับศาสนา และไม่เชื่อในเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เช่น ปาฏิหาริย์ , Inerrancy ของคัมภีร์ หรือพระตรีเอกภาพพวกเขาเชื่อว่าด้วยเหตุผลและความเห็นของโลก ธรรมชาติ มนุษย์สามารถรู้การดำรงอยู่ของมนุษย์ศาลฎีกามากกว่าเพราะสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวว่าdeists คิดว่าจักรวาลกลมกลืนเป็นบุญคุณของพระเจ้าที่แตกต่างกันมากดูจาก " ไฟและกำมะถัน " เทศน์หลายเพียวริตัน