The temple is famous for its golden

The temple is famous for its golden Buddha image named Phra Buddha Chinnarat, considered by many to be the most beautiful Buddha image in Thailand. It is one of the most highly revered images in the country, which makes the temple an important pilgrimage site for Thai Buddhists.

The temple was founded in 1357 by King Phaya Lithai, King of the Sukhothai Kingdom. The King ordered the casting of three large Buddha images to be enshrined in the newly built temple. Some of the most famous artisans of his time were invited to do the job.

While the first two images came out perfect on the firs try, the last image took three castings. When it was completed, it turned out to be the most beautiful of the three and was named Phra Buddha Chinnarat. The 375 centimeter high Sukhothai style image is in the subduing Mara posture.

In the early 17th century gold plating was applied to the bronze image. A distinguishing feature is the aureola, shaped like flames, that surrounds most of the image. Of the three images that were cast, today only the Phra Buddha Chinnarat remains in this temple, the other two are now in the Wat Bowonniwet in Bangkok.

The Buddha image is depicted on the provincial seal of Phitsanulok province. A copy of the Phra Buddha Chinnarat is housed in the Wat Benchamabophit, also known as the “marble temple” in Bangkok.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดมีชื่อเสียงเป็นพระพุทธรูปทองที่ชื่อว่าพระพุทธชินราช ถือเป็น พระพุทธรูปสวยงามที่สุดในประเทศไทย เป็นหนึ่งในภาพมีสิ่งสูงสุดในประเทศ ซึ่งทำให้การวัดไซต์การแสวงบุญที่สำคัญสำหรับไทยพุทธวัดก่อตั้งขึ้นใน 1357 โดยกษัตริย์พญา Lithai พระมหากษัตริย์ของอาณาจักรสุโขทัย พระราชาสั่งหล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่สามเพื่อมาประดิษฐานในวัดสร้างขึ้นใหม่ ของช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวลาของเขาได้รับเชิญให้ทำงานในขณะที่สองรูปมาออกสมบูรณ์แบบบน โรงแรมเฟอร์สล็อดจ์ลอง รูปสุดท้ายเอา castings สาม เมื่อมันทำเสร็จแล้ว มันกลายเป็นความสวยงามที่สุดของสาม และชื่อว่าพระพุทธชินราช เซนติเมตรสูง 375 สุโขทัยลักษณะภาพอยู่ในท่าโรงแรมมารา subduingในศตวรรษที่ 17 ก่อน ชุบทองใช้รูปเหรียญทองแดง คุณลักษณะที่แตกต่างคือ aureola รูปร่างคล้ายเปลวไฟ ที่ล้อมรอบที่สุดของภาพ รูปสามที่ถูกโยน วันนี้เท่านั้นพระพุทธชินราชอยู่ในวัดนี้ อีกสองก็ Bowonniwet วัดในกรุงเทพมหานครพระพุทธรูปเป็นภาพบนตราประจำจังหวัดของจังหวัดพิษณุโลก สำเนาของพระพุทธชินราชเป็นแห่งวัด Benchamabophit หรือที่เรียกว่า "หินอ่อนวัด" ในกรุงเทพมหานคร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดที่มีชื่อเสียงสำหรับพระพุทธรูปทองของชื่อพระพุทธชินราช, การพิจารณาโดยมากจะเป็นพระพุทธรูปที่สวยที่สุดในประเทศไทย มันเป็นหนึ่งในภาพที่นับถือมากที่สุดในประเทศซึ่งจะทำให้วัดสถานที่แสวงบุญที่สำคัญสำหรับชาวไทยพุทธ. วัดก่อตั้งขึ้นในปี 1357 โดยกษัตริย์พญาลิไทกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย พระมหากษัตริย์มีคำสั่งชี้ขาดในสามของพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่จะประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ บางส่วนของช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวลาของเขาได้รับเชิญไปในงาน. ในขณะที่สองคนแรกที่ภาพออกมาสมบูรณ์แบบในภาคเรียนลองภาพสุดท้ายใช้เวลาสามหล่อ เมื่อมันเสร็จสมบูรณ์ก็จะกลายเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในสามและเป็นชื่อพระพุทธชินราช 375 เซนติเมตรสูงภาพสไตล์สุโขทัยอยู่ในขอแรงท่ามาร. ในช่วงต้นชุบทองศตวรรษที่ 17 ที่ถูกนำไปใช้กับภาพสีบรอนซ์ ลักษณะเด่นคือ aureola รูปร่างเหมือนเปลวไฟที่ล้อมรอบมากที่สุดของภาพ ของทั้งสามภาพที่ถูกปลดในวันนี้เพียงพระพุทธรูปพระชินราชยังคงอยู่ในวัดนี้อีกสองคนกำลังอยู่ในวัดบวรนิเวศในเขตกรุงเทพมหานคร. พระพุทธรูปเป็นภาพบนตราประจำจังหวัดของจังหวัดพิษณุโลก สำเนาของพระพุทธชินราชที่ตั้งอยู่ในวัดเบญจมบพิตรยังเป็นที่รู้จักในฐานะ "พระวิหารหินอ่อน" ในกรุงเทพฯ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของพระพุทธรูป ชื่อว่า พระพุทธ chinnarat พิจารณาโดยมากจะเป็นพระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดในไทย มันเป็นหนึ่งในที่สุดที่นับถือภาพในประเทศ ซึ่งทำให้วัดเป็นเว็บไซต์ที่จาริกแสวงบุญที่สำคัญสำหรับพุทธศาสนิกชนชาวไทย

วัดก่อตั้งขึ้นในปี 1163 โดยกษัตริย์พญาลิไท กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรสุโขทัยกษัตริย์สั่งให้หล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่สามได้ประดิษฐานอยู่ในวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ . บางส่วนของศิลปินที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเวลาของเขาได้รับเชิญไปทำ

ส่วนสองภาพแรกออกมาสมบูรณ์แบบบนละลอง ภาพสุดท้ายที่ถ่ายสามการหล่อ เมื่อมันเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันกลับกลายเป็นสวยที่สุดของทั้งสามและเป็นชื่อพระ chinnarat .ที่ 375 เซนติเมตรสูงสไตล์สุโขทัยภาพในการขจัดท่ามาร

ในต้นศตวรรษที่ 17 ชุบทองที่ใช้เป็นภาพสีบรอนซ์ เป็นคุณลักษณะที่แตกต่างคือ ริโอลา ที่มีรูปร่างเหมือนเปลวไฟที่สงบเงียบที่สุดของภาพ ทั้งสามภาพที่ถูกทิ้ง วันนี้เพียงพระพุทธ chinnarat ยังคงอยู่ในวัดนี้อีกสองคนอยู่ในวัดบวรนิเวศ กรุงเทพมหานคร .

พระพุทธรูปเป็นภาพบนตราประจำจังหวัดพิษณุโลก สำเนาของพระพุทธ chinnarat ตั้งอยู่ในวัดเบญจมบพิตร เรียกว่า " วัดหินอ่อน " ในกรุงเทพมหานคร