Alley cropping is an effective wind

Alley cropping is an effective windbreak system. This has been
shown by numerous studies given in reviews by Kort (1988)
and Nuberg (1998). The principal factors determining the
degree of shelter provided by a windbreak are its height,
permeability, orientation and location within the landscape
(Nuberg, 1998; Nordstrom and Hotta, 2004). Hedgerows (e.g. in
alley cropping systems) are permeable windbreaks and as
such they create a longer sheltered zone before turbulent flow
contacts the ground, than impermeable windbreaks due to the
scattering of the airflow through them. Windbreak porosity
has an important influence on the wind speed reduction, as
well as on the size of the quiet zone. For the characterisation of
porosity the morphology of windbreaks themselves are
significant, but in addition the wind speed and the wind
direction are also important influencing variables. The windbreak
effect of hedgerows, which have a heterogeneous
structure, must be assessed differentially. Principally, larger
gaps should be prevented for a consistent windbreak, because
these can be associated with higher turbulences. Detailed
overviews on this topic are given by Wang and Takle (1997) or
Cleugh (1998). Furthermore, the orientation of windbreaks in
relation to the prevailing wind direction allows control in
terms of extend of the wind speed reduction, but also of the
degree of shading. The efficiency of a windbreak is also
significantly dependent on its height. Whenthe wind direction
is perpendicular to the windbreaks, the area of maximum
shelter is usually located at a distance from the hedgerows,
which is equivalent to 4–12 times the height of the trees
(Nuberg, 1998). Sudmeyer and Scott (2002) reported wind-run

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ซอยปลูกพืชเป็นระบบป้องกันลมที่มีประสิทธิภาพ นี้ได้รับการ
แสดงโดยการศึกษาจำนวนมากที่ได้รับในการแสดงความคิดเห็นโดย Kort (1988)
และ Nuberg (1998) ปัจจัยหลักที่กำหนด
ระดับของการให้บริการโดยที่พักพิงป้องกันลมที่มีความสูงของ
การซึมผ่านของการวางแนวทางและสถานที่ที่อยู่ในแนวนอน
(Nuberg, 1998; Nordstrom และฮอต, 2004) พุ่มไม้ (เช่นใน
ระบบการปลูกพืชซอย) จะ windbreaks ดูดซึมและเป็น
เช่นที่พวกเขาสร้างโซนที่กำบังอีกต่อไปก่อนที่จะไหลเชี่ยว
รายชื่อพื้นดินกว่า windbreaks ผ่านไม่ได้เกิดจากการ
กระเจิงของการไหลของอากาศผ่านพวกเขา พรุนป้องกันลม
มีอิทธิพลสำคัญในการลดความเร็วลมเช่น
เดียวกับขนาดของโซนที่เงียบสงบ สำหรับลักษณะของ
รูพรุนสัณฐานวิทยาของ windbreaks ตัวเองเป็น
สำคัญ แต่นอกเหนือจากความเร็วลมและลม
ทิศทางนอกจากนี้ยังมีตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อความสำคัญ ป้องกันลม
ผลกระทบจากพุ่มไม้ที่มีแตกต่างกัน
โครงสร้างที่ต้องได้รับการประเมินแตกต่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใหญ่
ช่องว่างควรจะป้องกันสำหรับป้องกันลมที่สอดคล้องกันเพราะ
เหล่านี้สามารถเชื่อมโยงกับความปั่นป่วนที่สูงขึ้น รายละเอียด
ภาพรวมในหัวข้อนี้จะได้รับจากวังและ Takle (1997) หรือ
คลอท (1998) นอกจากนี้การวางแนวของ windbreaks ใน
ความสัมพันธ์กับทิศทางลมช่วยให้การควบคุมใน
แง่ของการขยายของการลดความเร็วลม แต่ยัง
ระดับของการแรเงา ประสิทธิภาพของการป้องกันลมยังเป็น
อย่างมีนัยสำคัญขึ้นอยู่กับความสูง whenthe ทิศทางลม
จะตั้งฉากกับ windbreaks พื้นที่สูงสุด
ที่พักพิงมักจะอยู่ที่ระยะทางจากพุ่มไม้,
ซึ่งเทียบเท่ากับ 4-12 ครั้งความสูงของต้นไม้
(Nuberg, 1998) Sudmeyer และสกอตต์ (2002) รายงานลมวิ่ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในการเป็นระบบที่บังลมที่มีประสิทธิภาพ มีการศึกษามากมาย
แสดงโดยระบุในความคิดเห็นโดยสั้น ( 1988 ) และ nuberg
( 1998 ) ปัจจัยหลักที่กำหนด
ระดับพักพิงโดยบังมีความสูงของมัน
ผ่านการปฐมนิเทศและสถานที่ภายในภูมิทัศน์
( nuberg , 2541 , Nordstrom และ โฮตตะ , 2004 ) ลูกค้า ( เช่น
ในการระบบ ) จะซึมเข้า windbreaks และเป็นเช่นที่พวกเขาสร้างขึ้น

การไหลปั่นป่วนโซนซุ้มก่อนติดต่อพื้นดินกว่า windbreaks ผ่านไม่ได้เนื่องจาก
กระจายให้ผ่านพวกเขา บังรูพรุน
มีอิทธิพลสำคัญต่อความเร็วลมลดลง ขณะที่
ดีในขนาดของโซนเงียบ สำหรับบทบาทของ
ความพรุน ลักษณะ windbreaks เอง
ที่สำคัญ , แต่นอกจากนี้ ความเร็วลมและทิศทางลม
ก็เป็นสิ่งสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตัวแปร ที่บังลมผลของลูกค้า ซึ่งมีโครงสร้างแตกต่างกัน
ต้องประเมินต่างกัน . หลัก , ช่องว่างขนาดใหญ่
ควรป้องกันสำหรับกันลมที่สอดคล้องกัน เพราะ
เหล่านี้สามารถที่เกี่ยวข้องกับ turbulences สูงกว่ารายละเอียด
ภาพรวมในหัวข้อนี้ จะได้รับ โดยวังและ takle ( 1997 ) หรือ
คลูฟ ( 1998 ) นอกจากนี้ การ windbreaks ใน
สัมพันธ์กับทิศทางลมช่วยให้การควบคุมในแง่ของ
ขยายของความเร็วลมลดลง แต่ยังของ
/ แรเงา ประสิทธิภาพของบังยัง
อย่างมีนัยสำคัญขึ้นอยู่กับความสูงของ
ตามทิศทางลมตั้งฉากกับ windbreaks พื้นที่ของที่พักอาศัยสูงสุด
โดยปกติจะอยู่ที่ระยะทางจากลูกค้า
, ซึ่งเทียบเท่ากับ 4 – 12 ครั้ง ความสูงของต้นไม้
( nuberg , 1998 ) sudmeyer และสก็อต ( 2002 ) รายงานลมวิ่ง