A bog is a mire that accumulates pe

A bog is a mire that accumulates peat, a deposit of dead plant material—often mosses, and in a majority of cases, sphagnum moss.[1] It is one of the four main types of wetlands. Other names for bogs include mire, quagmire, and muskeg; alkaline mires are called fens. They are frequently covered in ericaceous shrubs rooted in the sphagnum moss and peat. The gradual accumulation of decayed plant material in a bog functions as a carbon sink.[2]

Bogs occur where the water at the ground surface is acidic and low in nutrients. In some cases, the water is derived entirely from precipitation, in which case they are termed ombrotrophic (rain-fed). Water flowing out of bogs has a characteristic brown colour, which comes from dissolved peat tannins. In general, the low fertility and cool climate results in relatively slow plant growth, but decay is even slower owing to the saturated soil. Hence peat accumulates. Large areas of landscape can be covered many metres deep in peat.[3][1]

Bogs have distinctive assemblages of plant and animal species, and are of high importance for biodiversity, particularly in landscapes that are otherwise settled and farmed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีบ็อกเป็นไมร์ที่สะสมพรุ ฝากของตายพืชวัสดุ — mosses มัก และ ในส่วนใหญ่ของกรณี ยาก [1] เป็นหนึ่งในสี่ประเภทหลักของพื้นที่ชุ่มน้ำ ชื่ออื่น ๆ สำหรับ bogs รวมไมร์ quagmire, muskeg จากด่างเรียกว่าเฟนส์ พวกเขามักจะครอบคลุมอยู่ในพุ่ม ericaceous ในยากและพรุ ค่อย ๆ สะสมวัสดุพืชผุในบ็อกเป็นหน้าที่เป็นอ่างคาร์บอน [2]Bogs เกิดที่น้ำผิวดินที่เป็นกรด และสารอาหารต่ำ ในบางกรณี น้ำมาจากฝน ทั้งในกรณี ที่พวกเขาเรียกว่า ombrotrophic (เลี้ยงฝน) น้ำไหล bogs มีลักษณะสีน้ำตาลสี ที่มาของ tannins พรุละลายได้ ทั่วไป ความอุดมสมบูรณ์ต่ำและอากาศเย็นผลค่อนข้างช้าเจริญเติบโตของพืช แต่ผุช้าลงได้เนื่องจากดินอิ่มตัว เพราะ พรุสะสมกัน พื้นที่ขนาดใหญ่ของภูมิทัศน์ได้อย่างครอบคลุมหลายเมตรลึกในพรุได้ [3] [1]Bogs มี assemblages ที่โดดเด่นของพืชและสัตว์พันธุ์ และมีความสำคัญสูงสำหรับความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิทัศน์ที่ชำระเป็นอย่างอื่น และ farmed

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ที่ลุ่มเป็นโคลนตมที่สะสมพรุเงินฝากของพืชที่ตายแล้วมักจะวัสดุมอสและในกรณีส่วนใหญ่มอสมอส. [1] มันเป็นหนึ่งในสี่ประเภทหลักของพื้นที่ชุ่มน้ำ ชื่ออื่น ๆ รวมถึงการอึโคลนตม, หล่มและ muskeg; mires อัลคาไลน์จะเรียกว่าหนองน้ำ พวกเขาได้รับความคุ้มครองบ่อยในพุ่มไม้ ericaceous ฝังรากอยู่ในมอสมอสและพีท การสะสมทีละน้อยของวัสดุปลูกผุในฟังก์ชั่นที่ลุ่มเป็นอ่างคาร์บอน. [2] อึที่เกิดขึ้นน้ำที่ผิวดินมีสภาพเป็นกรดและสารอาหารที่อยู่ในระดับต่ำ ในบางกรณีน้ำที่ได้มาทั้งหมดจากการตกตะกอนซึ่งในกรณีที่พวกเขาจะเรียกว่า ombrotrophic (ฝนที่เลี้ยง) น้ำไหลออกมาจากอึมีสีน้ำตาลลักษณะซึ่งมาจากแทนนินที่ละลายในน้ำพรุ โดยทั่วไปความอุดมสมบูรณ์ต่ำและได้ผลสภาพภูมิอากาศเย็นในการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า แต่จะสลายตัวได้ช้าเนื่องจากดินอิ่มตัว ดังนั้นพรุสะสม พื้นที่ขนาดใหญ่ของภูมิทัศน์ที่สามารถครอบคลุมหลายเมตรลึกลงไปในพีท. [3] [1] อึมี assemblages ที่โดดเด่นของสายพันธุ์พืชและสัตว์และมีความสำคัญสูงสำหรับความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิประเทศที่มีการตัดสินเป็นอย่างอื่นและทำไร่ไถนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นปลักตมที่สะสม พีท ฝากเงินของวัสดุพืชตายบ่อยๆ มอส และ ในส่วนใหญ่ของกรณีพืชมอสมอส . [ 1 ] มันเป็นหนึ่งใน 4 ประเภทหลักของพื้นที่ชุ่มน้ํา ชื่ออื่น ๆได้แก่ โคลนตม และอึ , มัสเคกด่าง mires ถูกเรียกไปที่เขตสงวน . พวกเขามักจะครอบคลุมในอิริคาเชียสไม้พุ่มรากในพืชมอสมอสและพีท .ทยอยสะสมของผุ วัสดุปลูกในที่ลุ่มเป็นหน้าที่กักคาร์บอน [ 2 ]

พรุเกิดขึ้นที่น้ำที่ผิวดินเป็นกรดและต่ำในสารอาหาร ในบางกรณี น้ำที่ได้มาทั้งหมดจากการตกตะกอน ซึ่งในกรณีนี้พวกเขาจะเรียกว่า ombrotrophic ( ฝนที่เลี้ยง ) น้ำไหลออกจากพรุมีลักษณะสีน้ำตาล ซึ่งมาจากน้ำพรุ แทนนินโดยทั่วไป ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีอากาศเย็น ผลในการเจริญเติบโตค่อนข้างช้า แต่ผุจะช้าลงเนื่องจากการอิ่มตัวของดิน ดังนั้นพีทสะสม พื้นที่ขนาดใหญ่ของภูมิทัศน์ที่สามารถครอบคลุมหลายเมตรลึกในพรุ [ 3 ] [ 1 ]

พรุมีทะเลของทะเลที่โดดเด่นของพืชและสัตว์ชนิด และมีความสำคัญสูงสำหรับความหลากหลายทางชีวภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิประเทศที่มีสีสันอย่างลงตัว .