Taylor was a mechanical engineer wh

Taylor was a mechanical engineer who sought to improve industrial efficiency. Taylor is regarded as the father of scientific management, and was one of the first management consultants and director of a famous firm. In Peter Drucker's description,

Frederick W. Taylor was the first man in recorded history who deemed work deserving of systematic observation and study. On Taylor's 'scientific management' rests, above all, the tremendous surge of affluence in the last seventy-five years which has lifted the working masses in the developed countries well above any level recorded before, even for the well-to-do. Taylor, though the Isaac Newton (or perhaps the Archimedes) of the science of work, laid only first foundations, however. Not much has been added to them since – even though he has been dead all of ninty years.[10]

Taylor's scientific management consisted of four principles:

Replace rule-of-thumb work methods with methods based on a scientific study of the tasks.
Scientifically select, train, and develop each employee rather than passively leaving them to train themselves.
Provide "Detailed instruction and supervision of each worker in the performance of that worker's discrete task" (Montgomery 1997: 250).
Divide work nearly equally between managers and workers, so that the managers apply scientific management principles to planning the work and the workers actually perform the tasks.
Future US Supreme Court justice Louis Brandeis coined the term scientific management in the course of his argument for the Eastern Rate Case before the Interstate Commerce Commission in 1910. Brandeis argued that railroads, when governed according to Taylor's principles, did not need to raise rates to increase wages. Taylor used Brandeis's term in the title of his monograph The Principles of Scientific Management, published in 1911. The Eastern Rate Case propelled Taylor's ideas to the forefront of the management agenda. Taylor wrote to Brandeis "I have rarely seen a new movement started with such great momentum as you have given this one." Taylor's approach is also often referred to as Taylor's Principles, or, frequently disparagingly, as Taylorism.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Taylor เป็นวิศวกรเครื่องกลที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพอุตสาหกรรม เทย์เลอร์ถือเป็นบิดาของการจัดการทางวิทยาศาสตร์ และเป็นหนึ่งในแรกจัดการที่ปรึกษาและกรรมการบริษัทที่มีชื่อเสียง ในคำอธิบายของ Drucker ปีเตอร์เฟรเดอริก W. Taylor ได้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ซึ่งถือว่าทำงานสมควรศึกษาและสังเกตอย่างมีระบบ ในคราบ 'จัดการทางวิทยาศาสตร์' ของเทย์เลอร์ เหนือทั้งหมด คลื่นมหาศาลของ affluence ในห้าเจ็ดปีซึ่งได้ยกฝูงทำงานในประเทศพัฒนาแล้วอย่างดีเหนือระดับใด บันทึกก่อน สำหรับการ well-to-do เทย์เลอร์ ว่าไอแซกนิวตัน (หรือทีเอส) ของศาสตร์งาน วางเฉพาะแรกมูลนิธิ อย่างไรก็ตาม ไม่มากถูกเพิ่มไปตั้งแต่ – ถึงแม้ว่าเขาได้ตายทุกปี ninty [10]การจัดการทางวิทยาศาสตร์ของเทย์เลอร์ประกอบด้วย 4 หลัก:แทนวิธีการทำงานกฎของนิ้วหัวแม่มือ ด้วยตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของงานวิทยาศาสตร์เลือก รถไฟ และพัฒนาพนักงานแต่ละคน มากกว่า passively ทิ้งเพื่อฝึกตัวเอง"รายละเอียดคำแนะนำและดูแลของแต่ละผู้ปฏิบัติงานในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานที่งานไม่ต่อเนื่อง" (มอนท์โก 1997:250)แบ่งงานเกือบเท่า ๆ กัน ระหว่างผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้ผู้จัดการใช้หลักวิทยาศาสตร์การจัดการการวางแผน งานและปฏิบัติงานจริงทำงานความยุติธรรมศาลฎีกาเราในอนาคต Louis Brandeis จังหวะจัดการทางวิทยาศาสตร์คำโต้แย้งของเขาสำหรับกรณีอัตราภาคตะวันออกก่อนคณะกรรมการพาณิชย์อินเตอร์สเตตใน 1910 ในหลักสูตร Brandeis โต้เถียงว่า รถราง เมื่อได้รับการดูแลตามหลักการของ Taylor ไม่ต้องโก่งราคาเพื่อเพิ่มค่าจ้าง Taylor ใช้ระยะของ Brandeis ในชื่อของเขา monograph ที่หลักการของวิทยาศาสตร์การจัดการ การเผยแพร่ใน 1911 กรณีอัตราภาคตะวันออกจากความคิดของ Taylor ให้ส่วนสำคัญของวาระการประชุมบริหาร เทย์เลอร์เขียน Brandeis "ผมไม่ค่อยเห็นการเคลื่อนไหวใหม่ที่เริ่มต้น ด้วยเช่นโมเมนตัมที่ดี ตามที่คุณให้นี้" วิธีการของ Taylor ยังมักจะเรียกว่าหลักการของ Taylor หรือ บ่อย หยาม เป็น Taylorism

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เทย์เลอร์เป็นวิศวกรเครื่องกลที่พยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพอุตสาหกรรม เทย์เลอร์ได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการจัดการทางวิทยาศาสตร์และเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาการจัดการครั้งแรกและผู้อำนวยการที่มีชื่อเสียง บริษัท ในรายละเอียดของ Peter Drucker, เฟรเดอริดับบลิวเทย์เลอร์เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกการทำงานถือว่าสมควรของการสังเกตระบบและการศึกษา เกี่ยวกับเทย์เลอร์ 'การจัดการทางวิทยาศาสตร์' อยู่เหนือทุกคลื่นอันยิ่งใหญ่ของความมั่งคั่งในช่วงเจ็ดสิบห้าปีซึ่งได้ยกฝูงทำงานในประเทศที่พัฒนาแล้วดีกว่าระดับใดบันทึกไว้ก่อนแม้สำหรับดีที่ต้องทำ เทย์เลอร์ แต่ Isaac Newton (หรืออาจจะเป็น Archimedes) ของวิทยาศาสตร์ของการทำงานเพียงวางรากฐานแรกอย่างไรก็ตาม . ไม่มากได้รับการเพิ่มพวกเขาตั้งแต่ - ถึงแม้ว่าเขาจะได้ตายทั้งหมดของ Ninty ปี [10] การจัดการทางวิทยาศาสตร์เทย์เลอร์ประกอบด้วยสี่หลักการ: เปลี่ยนวิธีการทำงานของกฎของหัวแม่มือด้วยวิธีการขึ้นอยู่กับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของงานเลือกทางวิทยาศาสตร์รถไฟและพัฒนาพนักงานแต่ละคนมากกว่าเฉยๆปล่อยให้พวกเขาในการฝึกอบรมตัวเอง. ให้ "การเรียนการสอนโดยละเอียดและการกำกับดูแลของแต่ละคนงานในการปฏิบัติงานที่ไม่ต่อเนื่องของคนงานว่า" (กอเมอรี 1997: 250). แบ่งการทำงานเกือบเท่า ๆ กันระหว่างผู้บริหารและ คนงานเพื่อให้ผู้บริหารใช้หลักการจัดการทางวิทยาศาสตร์ถึงการวางแผนการทำงานและคนงานจริงดำเนินงาน. ในอนาคตศาลฎีกาสหรัฐยุติธรรมหลุยส์แบรนบัญญัติศัพท์การจัดการทางวิทยาศาสตร์ในหลักสูตรของการโต้แย้งของเขาสำหรับกรณีอัตราตะวันออกก่อนที่รัฐคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ ในปี 1910 แบรนถกเถียงกันอยู่ว่าทางรถไฟเมื่อการปกครองตามหลักการเทย์เลอร์ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราค่าจ้างจะเพิ่มขึ้น เทย์เลอร์ใช้คำแบรนในชื่อของหนังสือของเขาหลักการทางวิทยาศาสตร์ของการบริหารจัดการที่ตีพิมพ์ในปี 1911 ทางทิศตะวันออกอัตรากรณีขับเคลื่อนความคิดของเทย์เลอร์แถวหน้าของวาระการประชุมผู้บริหาร เทย์เลอร์เขียนถึงแบรน "ผมไม่ค่อยเห็นการเคลื่อนไหวใหม่เริ่มต้นด้วยแรงผลักดันที่ดีเช่นคุณได้รับหนึ่งนี้." วิธีการที่เทย์เลอร์ก็มักจะเรียกว่าหลักการของเทย์เลอร์หรือบ่อยเหยียบย่ำเป็น Taylorism

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เทย์เลอร์เป็นวิศวกร ที่พยายามที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพอุตสาหกรรม เป็นถือเป็นบิดาแห่งการจัดการตามหลักวิทยาศาสตร์ และเป็นหนึ่งในครั้งแรก ที่ปรึกษาการบริหาร และกรรมการของบริษัทที่มีชื่อเสียง ในรายละเอียดของปีเตอร์ ดรักเกอร์ , Frederick W . Taylor

เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ที่ถือว่าสมควรทำงานอย่างเป็นระบบ การสังเกตและการศึกษาเมื่อเทย์เลอร์ ' การจัดการทางวิทยาศาสตร์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด มหาศาลกระชากความมั่งคั่งในช่วง 75 ปี ซึ่งได้ยกฝูง ทำงานในประเทศที่พัฒนาเหนือระดับใด ๆที่บันทึกไว้ก่อน แม้ในที่ร่ำรวย เทย์เลอร์ แม้ว่าไอแซค นิวตัน ( หรือบางทีอาร์คิมิดีส ) ของวิทยาศาสตร์การทำงาน วางแค่ฐานแรก , อย่างไรก็ตาม .ไม่มากมีการเพิ่มพวกเขาตั้งแต่–แม้ว่าเขาได้ตายทั้งหมดเก้าสิบปี [ 10 ]

เทย์เลอร์ การจัดการทางวิทยาศาสตร์ จำนวนสี่หลัก :

เปลี่ยนกฎของวิธีการทำงาน ด้วยวิธีการตามการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของงาน .
น่าเลือก ฝึกอบรม และพัฒนาพนักงานแต่ละคนมากกว่า กว่าอยู่เฉยๆปล่อยให้พวกเขาฝึกตัวเอง
" การสอนให้ละเอียด และดูแลการปฏิบัติงานของพนักงานแต่ละคน ในที่งานต่อเนื่องงาน " ( Montgomery 1997 : 250 ) .
แบ่งงานเกือบเท่ากันระหว่างผู้บริหารและพนักงาน เพื่อให้ผู้บริหารใช้หลักการจัดการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อวางแผนงานและคนงานที่ปฏิบัติงานจริง
.เราอนาคตผู้พิพากษาศาลฎีกาหลุยแบรน coined ระยะการจัดการทางวิทยาศาสตร์ ในหลักสูตรของการกระทำของเขาสำหรับอัตราคดีก่อนที่คณะกรรมาธิการการพาณิชย์รัฐตะวันออกใน 1910 แบรนไดซ์แย้งว่าทางรถไฟ เมื่อควบคุมตาม Taylor ของหลักการ ไม่ได้ต้องการที่จะเพิ่มอัตราการเพิ่มค่าจ้างเทย์เลอร์ ใช้แบรนของเทอมในชื่อเรื่องของหนังสือหลักการของการจัดการทางวิทยาศาสตร์ตีพิมพ์ใน 1911 อัตราคดีขับเคลื่อนความคิดของเทย์เลอร์ตะวันออกไปแถวหน้าของการจัดการวาระ . เทย์เลอร์เขียนแบรน " ผมไม่ค่อยเห็นการเคลื่อนไหวใหม่เริ่มต้นด้วยเช่นโมเมนตัมที่ดี ตามที่คุณได้รับนี้ " วิธีการของเทย์เลอร์ยังมักจะเรียกว่า Taylor ของหลักการหรือ บ่อยเหยียบย่ำเป็น taylorism .