Organic fertilisation inevitably le

Organic fertilisation inevitably leads to heterogeneous distribution of organic matter and nutrients in soil, i.e. due to uneven surface spreading or inhomogeneous incorporation. The resulting localised hotspots of nutrient application will induce various biotic and abiotic nutrient turnover processes and fixation in the residuesphere, giving rise to distinct differences in nutrient availability, soil oxygen content and greenhouse gas (GHG) production. In this study we investigated the spatiotemporal dynamics of the reaction of manure solids and manure solids char with soil, focusing on their phosphorus (P) availability, as current emphasis on improving societal P efficiency through recycling waste or bio-based fertilisers necessitates a sound understanding of their behaviour. Soil layers amended at a constant P application rate with either pig manure solids or char made from pig manure solids were incubated for three weeks between layers of non-amended, P-depleted soil. Spatial and temporal changes in and around the amendment layers were simultaneously investigated in this study using a sandwich sensor consisting of a planar oxygen optode and multi-element diffusive gradients in thin films (DGT) gels, combined with GHG emission measurements. After three weeks of incubation, the soil containing a layer amended with manure solids had a lower overall O2 content and had emitted significantly more CO2 than the non-amended control or the char-amended soil. The P availability from manure solids was initially higher than that from the char, but decreased over time, whereas from the char-amended layer P availability increased in the same period. In both treatments, increases in P availability were confined to the amended soil layer and did not greatly affect P availability in the directly adjacent soil layers during the three-week incubation. These results highlight the importance of placing organic P fertilisers close to where the plant roots will grow in order to facilitate optimal fertiliser use efficiency.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปฏิสนธิอินทรีย์ย่อมนำไปสู่การกระจายแตกต่างกันของอินทรีย์และสารอาหารในดิน เช่นเนื่องจากพื้นผิวที่แพร่หรือประสานงาน จุดไหนเป็นผลลัพธ์ของการประยุกต์ใช้สารอาหารจะทำให้เกิดกระบวนการหมุนเวียนสารอาหารไบโอติก และ abiotic ต่าง ๆ และขนาด residuesphere ทำให้เกิดการแตกต่างแตกต่างในความพร้อมสารอาหาร ออกซิเจนดินเนื้อหา และแก๊สเรือนกระจก (GHG) ในการศึกษานี้ เราตรวจสอบการเปลี่ยนแปลง spatiotemporal ของปฏิกิริยาของของแข็งของปุ๋ยคอกและปุ๋ยของแข็ง char กับดิน เน้นความฟอสฟอรัส (P) พร้อมใช้งาน เป็นปัจจุบันเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพ P สังคมรีไซเคิลขยะ หรือปุ๋ยชีวภาพ necessitates ความเข้าใจเสียงของพฤติกรรม ดินชั้นแก้ไขในอัตราคง P ประยุกต์กับของแข็งใดมูลหมู หรือถ่านที่ทำจากหมูปุ๋ยของแข็งได้รับการกกสามสัปดาห์ระหว่างชั้นของดินที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง P หมด เปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ และกาลเวลาใน และใกล้ เคียงแก้ไขชั้นพร้อมถูกตรวจสอบในการศึกษานี้ใช้เซนเซอร์แซนวิ optode เป็นระนาบออกซิเจนและการไล่ระดับสี diffusive หลายองค์ในฟิล์มบาง (DGT) เจล รวมกับการวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หลังจากสามสัปดาห์ของการกกไข่ ดินที่ประกอบด้วยชั้นแก้ไข ด้วยปุ๋ยของแข็งมีเนื้อหา O2 โดยรวมที่ต่ำกว่า และมี CO2 มากกว่าตัวควบคุมไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอักขระดินที่ปล่อยออกมา งาน P จากปุ๋ยของแข็งเริ่มสูงกว่าจากการอักขระ แต่ลดลงตลอดเวลา ในขณะที่จากชั้นแก้ไขอักขระ พร้อม P เพิ่มขึ้นในรอบระยะเวลาเดียวกัน ในการรักษาทั้งสอง เพิ่ม P พร้อมถูกจำกัดชั้นแก้ไขดิน และอย่างไรพร้อม P ในชั้นของดินที่อยู่ติดกันโดยตรงระหว่างบ่มสามสัปดาห์ ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นความสำคัญของการใส่ปุ๋ย P อินทรีย์ใกล้กับที่รากพืชจะเจริญเติบโตเพื่อให้ประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การปฏิสนธิอินทรีย์ย่อมนำไปสู่​​การจัดจำหน่ายที่แตกต่างกันของสารอินทรีย์และสารอาหารในดินคือเนื่องจากพื้นผิวที่ไ​​ม่สม่ำเสมอหรือการแพร่กระจายการรวม inhomogeneous ส่งผลให้มีการแปลฮอตสปอตของการประยุกต์ใช้สารอาหารที่จะทำให้เกิดกระบวนการมีชีวิตและ Abiotic หมุนเวียนสารอาหารต่างๆและการตรึงใน residuesphere ที่ก่อให้เกิดความแตกต่างที่แตกต่างกันในความพร้อมสารอาหารปริมาณออกซิเจนดินและก๊าซเรือนกระจก (GHG) การผลิต ในการศึกษานี้เราตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงใน spatiotemporal ของการเกิดปฏิกิริยาของของแข็งปุ๋ยคอกและของแข็งปุ๋ยคอกถ่านกับดินโดยมุ่งเน้นที่ฟอสฟอรัสของพวกเขา (P) ความพร้อมเป็นเน้นในปัจจุบันเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพ P สังคมผ่านการรีไซเคิลขยะหรือปุ๋ยชีวภาพที่ใช้จำเป็นต้องมีความเข้าใจเสียง พฤติกรรมของพวกเขา ชั้นดินที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมในอัตราที่แอปพลิเคพีอย่างต่อเนื่องกับของแข็งปุ๋ยคอกทั้งหมูหรือถ่านที่ทำจากของแข็งมูลสุกรถูกบ่มเป็นเวลาสามสัปดาห์ระหว่างชั้นของที่ไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมดิน P-หมด การเปลี่ยนแปลงพื้นที่และเวลาในและรอบ ๆ ชั้นการแก้ไขถูกตรวจสอบพร้อมกันในการศึกษาครั้งนี้ใช้เซ็นเซอร์แซนวิชประกอบด้วย optode ระนาบออกซิเจนและหลายองค์ประกอบการไล่ระดับสี Diffusive ในฟิล์มบาง (DGT) เจลรวมกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกวัด หลังจากสามสัปดาห์ของการบ่มดินที่มีชั้นแก้ไขเพิ่มเติมด้วยของแข็งปุ๋ยคอกมีเนื้อหา O2 โดยรวมลดลงและมีการปล่อยออกมา CO2 มีนัยสำคัญมากกว่าการควบคุมที่ไม่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือดินถ่านแก้ไขเพิ่มเติม ความพร้อมใช้งาน P จากของแข็งปุ๋ยคอกเป็นคนแรกที่สูงกว่าจากถ่าน แต่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปในขณะที่ความพร้อมจากชั้น P ถ่านแก้ไขเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ในการรักษาทั้งการเพิ่มขึ้นของความพร้อม P ถูกคุมขังในชั้นดินที่แก้ไขเพิ่มเติมและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความพร้อมอย่างมาก P ในชั้นดินที่อยู่ติดกันโดยตรงระหว่างการบ่มสามสัปดาห์ ผลการศึกษานี้เน้นความสำคัญของการวางปุ๋ยอินทรีย์ P ใกล้เคียงกับที่รากพืชจะเติบโตเพื่อความสะดวกในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพปุ๋ยที่ดีที่สุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อินทรีย์ปฏิสนธิย่อมนำไปสู่การกระจายพันธุ์ของอินทรียวัตถุและธาตุอาหารในดิน เช่น เนื่องจากพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือ inhomogeneous กระจายบริษัท ผลของการใช้ธาตุอาหารแค่จุดจะทำให้เกิดการหมุนเวียนธาตุอาหารทางชีวภาพและกระบวนการต่างๆ ในสิ่งมีชีวิตและการตรึง residuesphere , ให้สูงขึ้นเพื่อความแตกต่างที่แตกต่างกันปริมาณสารอาหาร ปริมาณออกซิเจนในดิน และก๊าซเรือนกระจก ( GHG ) การผลิต ในการศึกษานี้เราศึกษาพลวัต spatiotemporal ของปฏิกิริยาของแข็งและของแข็ง char กับปุ๋ยคอกปุ๋ยคอก ดิน เน้นฟอสฟอรัส ( P ) ห้องพักที่เน้นปัจจุบันในการปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านการรีไซเคิลขยะสังคม P หรือไบโอใช้ปุ๋ย necessitates ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพฤติกรรมของพวกเขา ชั้นดินที่อัตราการแก้ไขคงที่ P ด้วยมูลสุกรปกติหรือถ่านที่ทำจากมูลสุกร ของแข็งถูกบ่มเป็นเวลา 3 สัปดาห์ระหว่างชั้นของดิน ไม่มีการแก้ไข p-depleted . พื้นที่และเวลาในการแก้ไขและการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆชั้นได้พร้อมกันได้ในการศึกษานี้ใช้แซนวิชประกอบด้วยระนาบเซ็นเซอร์ออกซิเจน และองค์ประกอบหลาย optode การแพร่ไล่สีฟิล์มบาง ( dgt ) เจลร่วมกับการวัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก . หลังจากสามสัปดาห์ของดิน ดินที่มีชั้นผสมกับมูลของแข็งมีเนื้อหาโดยรวมต่ำลงและปล่อย CO2 O2 ได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าไม่แก้ไขควบคุม หรือ char การแก้ไขดิน P ว่างจากมูลแข็งตอนแรกสูงกว่าจากถ่าน แต่ลดลงตลอดเวลา ในขณะที่จาก char แก้ไขชั้น P ว่างเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งในการรักษาเพิ่มขึ้นใน p ห้องว่างคับแก้ไขดินและไม่ได้มีผลอย่างมากต่อความพร้อมในดินโดยตรง ในช่วง 3 สัปดาห์ติดกัน ชั้น 4 . ผลลัพธ์เหล่านี้เน้นความสำคัญของการวางอินทรีย์ P ปุ๋ยใกล้กับจุดที่รากพืชจะเติบโตเพื่อให้ประสิทธิภาพการใช้ปุ๋ยที่เหมาะสม