5. Conclusion and future directions

5. Conclusion and future directions
Findings from the present study indicate that there is a relationship between several facets of personality and smoking. While high scores on Self-discipline are related to a high likelihood of quitting smoking, high scores on Depression and Aesthetics predicted smoking at 12 months follow-up and high scores on Trust and Modesty were related to a greater likelihood of being abstinent a year later.
Smokers are not a homogenous group and information about personality facets may provide indications of which treatments are more likely to be effective. Clinical interventions to quit smoking could significantly increase their effectiveness by considering the characteristics of personality in the therapeutic process that is, by implementing treatment taking into account the facets of personality. Accordingly, smoking cessation interventions would need to be ‘‘targeted’’ on the personality profile of the smoker. For example, programs could include strategies adapted to the personality characteristics of the smoker (strategies for mood management in smokers with high scores in Depression; sensation-seeking control in smokers with high scores in Aesthetics, etc.).
Future studies should explore in more depth the contribution of personality facets to the achievement and maintenance of abstinence and to the improvement of treatment effectiveness. Personality research may enhance its knowledge about smoking behavior and could also have an important impact in smoking cessation programs.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

5. บทสรุปและทิศทางในอนาคต ผลการวิจัยจากการศึกษาบ่งชี้ว่า มีความสัมพันธ์ระหว่างแง่มุมต่าง ๆ ของบุคลิกภาพและการสูบบุหรี่ ในขณะที่คะแนนสูงในวินัยในตนเองเกี่ยวข้องกับโอกาสสูงของการเลิกสูบบุหรี่ คะแนนภาวะซึมเศร้าและความสวยงามสูงคาดว่า บุหรี่ที่สูง และติดตามผลคะแนนความน่าเชื่อถือและโมเดสตี้เกี่ยวข้องกับแนวโน้มมากขึ้นที่ abstinent ปีภายหลัง 12 เดือน ผู้สูบบุหรี่ไม่ได้เป็นกลุ่มเป็นเนื้อเดียวกัน และข้อมูลเกี่ยวกับแง่มุมบุคลิกภาพอาจให้ข้อบ่งชี้ว่าการรักษามีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพ อย่างมีนัยสำคัญทางคลินิกในการแทรกแซงเพื่อเลิกสูบบุหรี่อาจเพิ่มประสิทธิภาพ โดยพิจารณาลักษณะของบุคลิกภาพในกระบวนการรักษาโรคที่เป็น การรักษาคำนึงถึงแง่มุมของบุคลิกภาพ ตามลำดับ แทรกแซงการหยุดสูบบุหรี่จะต้องเป็น ''เป้าหมาย '' ในโพรไฟล์บุคลิกภาพของการสูบบุหรี่ ตัวอย่างเช่น โปรแกรมอาจรวมถึงกลยุทธ์ที่ปรับให้เข้ากับลักษณะบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่ (กลยุทธ์ในการจัดการอารมณ์ในผู้สูบบุหรี่มีคะแนนสูงในภาวะซึมเศร้า ควบคุมที่ต้องการความรู้สึกในผู้สูบบุหรี่ มีคะแนนสูงในสุนทรียศาสตร์ ฯลฯ) ศึกษาในอนาคตควรสำรวจให้ลึกซึ้งยิ่งของแง่มุมบุคลิกภาพ เพื่อความสำเร็จและละเว้นการบำรุงรักษา และปรับปรุงประสิทธิผลการรักษา วิจัยบุคลิกภาพอาจเพิ่มความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ และอาจมีผลกระทบสำคัญในโปรแกรมการเลิกสูบบุหรี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

5. สรุปและทิศทางในอนาคต
ผลจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างหลายแง่มุมของบุคลิกภาพและการสูบบุหรี่ ขณะที่คะแนนสูงในการมีวินัยในตัวเองที่เกี่ยวข้องกับความเป็นไปได้สูงในการเลิกสูบบุหรี่ได้คะแนนสูงต่อภาวะซึมเศร้าและความงามที่คาดการณ์การสูบบุหรี่ที่ 12 เดือนติดตามและคะแนนสูงในความไว้วางใจและความพอประมาณมีความสัมพันธ์กับความเป็นไปได้สูงที่จะถูกผู้ไม่ดื่มสุราในปีต่อมา .
ผู้สูบบุหรี่ไม่ได้เป็นกลุ่มเป็นเนื้อเดียวกันและข้อมูลเกี่ยวกับแง่มุมบุคลิกภาพอาจให้ข้อบ่งชี้ของการรักษาซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีผลบังคับใช้ การแทรกแซงทางคลินิกจะเลิกสูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของพวกเขาด้วยการพิจารณาลักษณะของบุคลิกภาพในกระบวนการการรักษาที่เป็นไปโดยการใช้การรักษาโดยคำนึงถึงแง่มุมของบุคลิกภาพ ดังนั้นการสูบบุหรี่เลิกแทรกแซงจะต้อง '' กำหนดเป้าหมาย '' บนโปรไฟล์บุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่ ตัวอย่างเช่นโปรแกรมอาจรวมถึงกลยุทธ์การปรับให้เข้ากับลักษณะของบุคลิกภาพของผู้สูบบุหรี่ (กลยุทธ์สำหรับการจัดการอารมณ์ในผู้สูบบุหรี่มีคะแนนสูงในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ; ความรู้สึกที่กำลังมองหาการควบคุมในผู้สูบบุหรี่มีคะแนนสูงในการศึกษาและอื่น ๆ ).
การศึกษาในอนาคตควรต้องศึกษาเพิ่มเติม ความลึกของการมีส่วนร่วมของบุคลิกภาพแง่มุมเพื่อความสำเร็จและการบำรุงรักษาของการเลิกบุหรี่และการปรับปรุงประสิทธิภาพการรักษา การวิจัยบุคลิกภาพอาจเพิ่มความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่และยังอาจมีผลกระทบที่สำคัญในโปรแกรมการเลิกสูบบุหรี่