We used the Concerns-Based Adoption

We used the Concerns-Based Adoption Model [Hord et al, 1987] as the framework for
developing the recommended elements of the case story time-line. The model analyzes the
concerns which a teacher would typically encounter in consider the adoption of a new teaching
approach. Section 4 outlines some of the steps and issues in moving from a list of concerns to a
compelling and accurate narrative of an instructor's experiences with a new teaching approach.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราใช้ตามความกังวลการยอมรับรูปแบบ [ฮอด et al, 1987] เป็นกรอบพัฒนาองค์ประกอบของเส้นเวลากรณีเรื่องแนะนำ วิเคราะห์รูปแบบการกังวลซึ่งโดยปกติจะพบครูในพิจารณาของการเรียนการสอนใหม่แนวทางการ หมวดที่ 4 สรุปขั้นตอนและปัญหาในการย้ายจากรายการของข้อความเล่าเรื่องน่าสนใจ และถูกต้องของประสบการณ์ของผู้สอนด้วยวิธีสอนใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เราใช้ความกังวลเกี่ยวกับการยอมรับ-Based รุ่น [Hord et al, 1987] เป็นกรอบในการ
พัฒนาองค์ประกอบแนะนำของเรื่องเวลากรณีเส้น รูปแบบการวิเคราะห์
ความกังวลซึ่งครูทั่วไปจะพบในการพิจารณาการยอมรับของการเรียนการสอนใหม่
วิธีการ หมวดที่ 4 การแสดงบางส่วนของขั้นตอนและปัญหาในการย้ายออกจากรายการของความกังวลให้กับ
การเล่าเรื่องที่น่าสนใจและถูกต้องของประสบการณ์ของผู้สอนด้วยวิธีการเรียนการสอนใหม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1 เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกุดชุมวิทยาคมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษายโสธร 28 เขตที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 2 . เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกุดชุมวิทยาคมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษายโสธร 28 เขตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น 3 เพื่อเปรียบเทียบทักษะการเขียนภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกุดชุมวิทยาคมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษายโสธรเขต 28 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นการวิเคราะห์ข้อมูล 1 แบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80 / 80 ความมีประสิทธิภาพเท่ากับ 86.51/80.10 สรุปได้ว่าแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพดังนี้ความนักเรียนสา มารถทำแบบฝึกระหว่างเรียนได้ถูกต้องโดยเฉลี่ยร้อยละ 86.51 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80 ตัวแรกและนักเรียนสามารถทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 80. 10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80 ดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกตัวหลัง 2 ฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.5264 แสดงว่าแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษที่สร้างขึ้นมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้ผลการเรียนของนักเรียนทางการเปลี่ยนแปลงปีในทางที่สูงขึ้นหรือมีความก้าวหน้าและมีความรู้ทางการเข ียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 533 . ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการเขียนภาษาอังกฤษกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ . 01