Art is a combination of knowledge a

Art is a combination of knowledge and skills. Art keeps changing and basically is the application of theoretical principles by science to get excellent results. Management at times is described as an art that how managerial principles can be applied in real world situations. it consists of the following aspects:

Practical knowledge: Managers do have practical knowledge of the domain, also they know how to apply it. they know the pros and cons of any act as they know that only knowledge is not enough, but one should know how to apply it as well.

Personal Skills: Peculiar abilities which you own are not held by every other person. E.g. Painters paint the similar things in a different manner. It varies form person to person. Some may paint it effectively while others may not catch attention. Similarly every manager has personal skills as well while applying managerial principles, on the basis of his experience which might fetch better results or fail.

creativity: The act if making something in a efficient way and a different manner, and using it in such a way to manage, is creativity. it is based in creativity and intelligence of a person.
Vision is definite and based on the facts, it is one's destiny.
Management is also a collection of human and non human resources by using them in a different manner to achieve desired objectives.

practice: Practice makes man perfect. No one is born a true artist. in the same way, no one learns to manage right out of the womb. they furnish their skills over the time through practice.

Goal oriented: Managerial activities are always goal based, directed towards achievement of results. for this very purpose, various resources human and non human resources are blended so the ability of managers of using available resources brings it near to arts.

While, it is also known as a science because it focuses on the following:

Principles: management comprises of universally accepted principles, that is why a many believe that it is a science.
E.g. rewarding and employee for good performance.

Experimentation and observation: First, managers observe some new techniques then employ them in business to check results, so they can eventually be adopted or avoided.

cause and effect relation: Science is based on cause and effect relationship as it is always based on finding relationships between the variables.
E.g. heating a metal. Satisfactory performance of employees in any organization is a result of a positive working condition and the two variables are performance and working conditions.

test of validity and predictability:Validity means soundness. in science soundness of the scientific principles can be verified at any given time and they provide similar results every time and in near future probable events can be predicted by using such principles.
In management the validity of principles can be established by applying them in different solutions and matching the outcome with the original result.
For example, one of the principles in Management is unity of command. if it is tested in a situation where an employee has to work under two bosses and in situation where employee has to perform under 1 boss, their performance will be different from each other.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศิลปะคือ การรวมกันของความรู้และทักษะ ศิลปะช่วยให้การเปลี่ยนแปลง และโดยทั่วไปเป็นโปรแกรมประยุกต์หลักทฤษฎีโดยวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม การจัดการเวลามีศิลปะสามารถใช้หลักการบริหารจัดการในสถานการณ์จริงได้ ประกอบด้วยด้านต่อไปนี้:ความรู้: ผู้จัดการมีความเป็นจริงของโดเมน พวกเขารู้วิธีการนำไปใช้ พวกเขารู้ข้อดีและข้อเสียของการกระทำใด ๆ พวกเขารู้ว่า ความรู้เท่านั้นไม่พอ แต่หนึ่งควรรู้วิธีการใช้เช่นทักษะ: ความสามารถแปลกที่คุณจะจัดขึ้น โดยทุกคน เช่น จิตรกรสีสิ่งคล้ายกันในลักษณะแตกต่างกัน มันฟอร์มคนแตกต่างกันไป บางอาจใช้สีได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่คนอื่น ๆ อาจไม่ดึงดูดความสนใจ ในทำนองเดียวกัน จัดการทุกมีทักษะส่วนบุคคลเช่นในขณะที่ใช้หลักการบริหารจัดการ ตามประสบการณ์ของเขาซึ่งอาจนำผลดี หรือล้มเหลวความคิดสร้างสรรค์: การกระทำถ้าทำบางสิ่งบางอย่างในวิธีมีประสิทธิภาพ และลักษณะแตกต่างกัน และใช้ในลักษณะการจัดการ มีความคิดสร้างสรรค์ ตั้งอยู่ในความคิดสร้างสรรค์และสติปัญญาของบุคคลวิสัยทัศน์เป็นแน่นอน และตามข้อเท็จจริง มันเป็นโชคชะตาของคน ๆ หนึ่งฝ่ายจัดการยังมีคอลเลกชันของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ และไม่ใช่ โดยใช้พวกเขาในลักษณะแตกต่างกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการปฏิบัติ: การปฏิบัติทำให้มนุษย์สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเกิดมาศิลปินที่แท้จริง ในทางเดียวกัน ไม่มีใครเรียนรู้การจัดการจากมดลูก พวกเขาสามารถให้ทักษะของพวกเขาตลอดเวลาโดยการปฏิบัติเป้าหมายที่มุ่งเน้น: กิจกรรมการบริหารจัดการอยู่เสมอจาก เป้าหมายโดยตรงต่อการบรรลุผล สำหรับวัตถุประสงค์นี้มาก ทรัพยากรมนุษย์ และไม่ใช่มนุษย์ทรัพยากรต่าง ๆ ที่ผสมจึงได้นำความสามารถของผู้บริหารใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ใกล้ศิลปะในขณะที่ มันยังเรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เพราะเน้นในเรื่องต่อไปนี้:หลักการ: การจัดการประกอบด้วยหลักการยอมรับระดับสากล นั่นคือเหตุผลที่มีความเชื่อว่า เป็นวิทยาศาสตร์เช่นรางวัลและพนักงานสำหรับประสิทธิภาพที่ดีขึ้นการทดลองและการสังเกต: อันดับแรก ผู้จัดการสังเกตบางเทคนิคใหม่ แล้วจ้างพวกเขาในธุรกิจสามารถตรวจสอบผล เพื่อพวกเขาในที่สุดก็สามารถนำมาใช้ หรือหลีกเลี่ยงสาเหตุ และผลกระทบความสัมพันธ์: วิทยาศาสตร์เป็นไปตามความสัมพันธ์ของเหตุและผลเป็นเสมอขึ้นอยู่กับการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร เช่น เครื่องทำความร้อนเป็นโลหะ พอใจประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานในองค์กรใด ๆ ที่เป็นผลจากสภาพการทำงานที่เป็นบวก และสองตัวแปร ประสิทธิภาพการทำงานและสภาพการทำงานทดสอบความถูกต้องและมีผลบังคับใช้: คาดการณ์หมายถึง ความสมบูรณ์ ในวิทยาศาสตร์ สมบูรณ์ของหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจได้ในเวลาใด และจะให้ผลที่คล้ายกันทุกครั้ง และในใกล้กับเหตุการณ์ในอนาคตน่าจะสามารถคาดการณ์ โดยใช้หลักการดังกล่าว ในการจัดการ ความถูกต้องของหลักสามารถสร้าง โดยการนำไปใช้ในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน และตรงกับผลที่ได้กับผลเดิมเช่น หลักการในการจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งคือความสามัคคีของคำสั่ง ถ้ามันมีทดสอบ ในสถานการณ์ที่พนักงานมีการทำงานภายใต้สองผู้บังคับบัญชา และ ในสถานการณ์ที่พนักงานมีการดำเนินการต่ำกว่า 1 นาย ประสิทธิภาพของพวกเขาจะแตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศิลปะคือการรวมกันของความรู้และทักษะ ศิลปะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงและโดยทั่วไปคือการประยุกต์ใช้หลักการทางทฤษฎีโดยวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม การบริหารจัดการในช่วงเวลาที่มีการอธิบายเป็นศิลปะที่ว่าหลักการบริหารจัดการที่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์โลกแห่งความจริง ประกอบด้วยลักษณะดังต่อไปนี้: ความรู้ทางปฏิบัติ: ผู้จัดการฝ่ายจะมีความรู้ทางปฏิบัติของโดเมนยังพวกเขารู้วิธีที่จะใช้มัน พวกเขารู้ว่าข้อดีและข้อเสียของการกระทำใด ๆ ที่พวกเขารู้ว่ามีความรู้เพียงอย่างเดียวคือไม่เพียงพอ แต่อย่างหนึ่งที่ควรรู้วิธีการใช้มันเช่นกัน. ทักษะส่วนบุคคล: ความสามารถแปลกที่คุณเป็นเจ้าของไม่ได้เป็นของทุกคนอื่น ๆ เช่นช่างทาสีวาดสิ่งที่คล้ายกันในลักษณะที่แตกต่างกัน มันแตกต่างกันคนแบบฟอร์มให้กับบุคคล บางคนอาจวาดได้อย่างมีประสิทธิภาพขณะที่คนอื่นอาจจะไม่ดึงดูดความสนใจ ในทำนองเดียวกันผู้จัดการทุกคนมีทักษะส่วนบุคคลเช่นกันในขณะที่ใช้หลักการบริหารจัดการบนพื้นฐานของประสบการณ์ของเขาซึ่งอาจเรียกผลที่ดีกว่าหรือล้มเหลว. ความคิดสร้างสรรค์: การกระทำถ้าทำบางสิ่งบางอย่างในทางที่มีประสิทธิภาพและมีลักษณะที่แตกต่างกันและใช้มันในลักษณะ การจัดการความคิดสร้างสรรค์ . มันอยู่ในความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดของคนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงก็เป็นหนึ่งของโชคชะตา. การบริหารจัดการยังเป็นคอลเลกชันของทรัพยากรมนุษย์ของมนุษย์และไม่ใช่โดยใช้พวกเขาในลักษณะที่แตกต่างกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการ. ปฏิบัติ: การปฏิบัติทำให้คนที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเกิดมาศิลปินที่แท้จริง ในลักษณะเดียวกับที่ไม่มีใครเรียนรู้ที่จะจัดการขวาออกจากครรภ์ พวกเขาให้ทักษะของพวกเขาในช่วงเวลาที่ผ่านการปฏิบัติ. ที่มุ่งเน้นเป้าหมาย: กิจกรรมการจัดการจะเสมอเป้าหมายตามโดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผล เพื่อวัตถุประสงค์อย่างนี้ทรัพยากรต่างๆทรัพยากรมนุษย์ของมนุษย์และไม่ผสมเพื่อให้ความสามารถของผู้บริหารของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่นำมันใกล้กับศิลปะ. ในขณะที่มันยังเป็นที่รู้จักกันเป็นวิทยาศาสตร์เพราะมันมุ่งเน้นไปที่ต่อไปนี้: หลักการ: การบริหารจัดการประกอบด้วย สากลหลักการได้รับการยอมรับว่าเป็นเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์. เช่นที่คุ้มค่าและพนักงานสำหรับประสิทธิภาพที่ดี. การทดลองและการสังเกต: แรกผู้จัดการสังเกตบางเทคนิคใหม่แล้วจ้างพวกเขาในการดำเนินธุรกิจเพื่อตรวจสอบผลการดำเนินงานเพื่อให้พวกเขาสามารถในที่สุดก็จะนำมาใช้ หรือหลีกเลี่ยง. ก่อให้เกิดผลกระทบและความสัมพันธ์: วิทยาศาสตร์อยู่บนพื้นฐานของเหตุและผลของความสัมพันธ์ที่มันมักจะอยู่บนพื้นฐานของการค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร. เช่นความร้อนโลหะ ผลการดำเนินงานที่น่าพอใจของพนักงานในองค์กรใด ๆ ที่เป็นผลมาจากสภาพการทำงานในเชิงบวกและตัวแปรทั้งสองมีประสิทธิภาพการทำงานและสภาพการทำงาน. การทดสอบความถูกต้องและการคาดการณ์: ความถูกต้องหมายถึงความมั่นคง ในความมั่นคงวิทยาศาสตร์ของหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ในเวลาใดก็ตามและพวกเขาให้ผลที่คล้ายกันทุกครั้งและในอนาคตอันใกล้เหตุการณ์ที่น่าจะสามารถคาดการณ์โดยใช้หลักการดังกล่าว. ในการบริหารจัดการความถูกต้องของหลักการที่สามารถจะจัดตั้งขึ้นโดยนำมาใช้ในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน และการจับคู่ผลกับผลที่เดิม. ตัวอย่างเช่นหนึ่งในหลักการในการบริหารคือความสามัคคีของคำสั่ง ถ้าจะมีการทดสอบในสถานการณ์ที่พนักงานมีการทำงานภายใต้สองผู้บังคับบัญชาและในสถานการณ์ที่พนักงานมีการดำเนินการภายใต้ 1 เจ้านายประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาจะแตกต่างจากคนอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศิลปะคือการรวมกันของความรู้และทักษะ ศิลปะจะเปลี่ยนแปลง และโดยทั่วไป คือ การประยุกต์หลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม การจัดการเวลาที่อธิบายเป็นหลักการบริหารว่าเป็นศิลปะที่สามารถใช้ในสถานการณ์จริง ประกอบด้วยประเด็นต่อไปนี้ :ผู้จัดการความรู้ : มีความรู้จริงของโดเมน และพวกเขารู้วิธีที่จะใช้มัน พวกเขารู้ข้อดีและข้อเสียของการกระทำเช่นที่พวกเขารู้ว่าความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ควรรู้วิธีที่จะใช้มันได้เป็นอย่างดีทักษะเฉพาะส่วนบุคคล : ความสามารถที่คุณเองไม่ได้ โดยจัดขึ้นทุกๆคน จิตรกรเช่นวาดสิ่งที่คล้ายกันในลักษณะที่แตกต่างกัน มันแตกต่างกันจากคนสู่คน บางคนอาจวาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่คนอื่น ๆอาจจะไม่ได้รับความสนใจ ในทำนองเดียวกันผู้จัดการทุกคนมีทักษะส่วนบุคคลเช่นกัน ในขณะที่การใช้หลักการบริหาร บนพื้นฐานของประสบการณ์ของเขา ซึ่งอาจจะนำผลลัพธ์ที่ดีกว่าหรือล้มเหลวความคิดสร้างสรรค์ : การกระทำ ถ้าทำในลักษณะที่มีประสิทธิภาพและลักษณะที่แตกต่างกัน และใช้มันในทางที่ต้องจัดการ คือ ความคิดสร้างสรรค์ มันขึ้นอยู่ในความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดของคนวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และตามข้อเท็จจริง มันเป็นชะตาชีวิตการจัดการยังเป็นคอลเลกชันของมนุษย์และไม่ใช่ทรัพยากรมนุษย์โดยใช้พวกเขาในลักษณะที่แตกต่างกัน เพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการคือปฏิบัติ : การทำให้ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครเกิดมาเป็นศิลปินที่แท้จริง ในทางเดียวกัน ไม่หนึ่งเรียนรู้ที่จะจัดการออกจากครรภ์ พวกเขาให้ทักษะของพวกเขาผ่านเวลา ผ่านการปฏิบัติเป้าหมายที่มุ่งเน้นกิจกรรมบริหารอยู่เสมอเป้าหมายตาม โดยตรงต่อผลสัมฤทธิ์ของผลลัพธ์ สำหรับวัตถุประสงค์นี้มาก ทรัพยากรต่าง ๆของมนุษย์และไม่ใช่ทรัพยากรมนุษย์ผสมดังนั้นความสามารถของผู้จัดการในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทำให้มันใกล้ กับศิลปะในขณะที่มันเป็นที่รู้จักกันในฐานะที่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะมันเน้นดังต่อไปนี้หลักการบริหารประกอบด้วยที่ยอมรับอย่างกว้างขวางหลักการ นั่นคือเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์เช่น คุ้มค่า และพนักงาน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีการทดลองและสังเกตก่อน ผู้จัดการ สังเกตบางเทคนิคใหม่ แล้วจ้างพวกเขาในธุรกิจเพื่อตรวจสอบผลลัพธ์ ดังนั้นในที่สุดพวกเขาเป็นลูกบุญธรรม หรือหลีกเลี่ยงเหตุ และ ผล ความสัมพันธ์ : วิทยาศาสตร์บนพื้นฐานของเหตุและผล ความสัมพันธ์มันขึ้นอยู่เสมอในการหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเช่น ความร้อนโลหะ ความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของพนักงานในองค์กรใด ๆที่เป็นผลของการทำงานเชิงบวก และตัวแปรที่มีประสิทธิภาพและสภาพการทํางานการทดสอบความถูกต้องและสามารถคาดการณ์ : ความถูกต้องหมายถึงความสมบูรณ์ . ในความสมบูรณ์ทางวิทยาศาสตร์ของหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถตรวจสอบได้ในเวลาใดก็ตาม และให้ผลที่คล้ายกันทุกครั้งและในใกล้เหตุการณ์ในอนาคตน่าจะเป็นสามารถพยากรณ์ได้โดยการใช้หลักการดังกล่าวการจัดการความถูกต้องของหลักการสามารถจะจัดตั้งขึ้นโดยการใช้พวกเขาในการแก้ปัญหาต่างๆ และการจับคู่ ผลที่มีผลเดิมตัวอย่างเช่นหนึ่งของหลักการในการบริหารมีเอกภาพของคำสั่ง ถ้ามันถูกทดสอบในสถานการณ์ที่พนักงานต้องทำงานภายใต้สอง bosses และในสถานการณ์ที่พนักงานต้องปฏิบัติภายใต้ 1 เจ้านาย ผลงานของพวกเขาจะแตกต่างจากแต่ละอื่น ๆ