กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาหน้าเอ็นดูเวลาเธออกจากบ้าน เธอมักจะสวมหมวกสีแดงเสมอ
ทุกคนจึงเรียกเธอว่า “หนูน้อยหมวกแดง”วันนี้คุณแม่ของหนูน้อยเตรียมอาหาร ขนมและผลไม้
ตั้งใจว่าจะพาหนูน้อยหมวกแดงไปเยี่ยมคุณยายแต่คุณแม่รู้สึกไม่ค่อยสบาย จึงให้หนูน้อยหมวกแดงไปตามลำพัง
“ลูกต้องรีบไปรีบกลับ…อย่าเถลไถลน่ะจ้า”คุณแม่บอกหนูน้อยหมวกแดงด้วยความเป็นห่วงหนูน้อยหมวกแดงได้ให้สัญญากับคุณแม่แล้วเดินทางไปที่บ้านคุณยายด้วยความเบิกบานระหว่างทาง ผีเสื้อแสนสวยตัวหนึ่งบินมาทักทาย
“สวัสดีจ้ะ หนูน้อยหมวกแดง เธอกำลังจะไปไหนเหรอจ้ะ”หนูน้อยหมวกแดงตอบ “ฉันกำลังจะไปเยี่ยมคุณยายน่ะจ้า”“โอ้…ถ้าอย่างนั้นเธอควรเก็บดอกไม้สวยๆไปฝากคุณยายด้วยนะเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปที่ทุ่งดอกไม้เอง”
ผีเสื้อเอ่ยชวน ก่อนบินนำหนูน้อยหมวกแดง ไปยังทุ่งดอกไม้ ขณะที่หนูน้อยหมวกแดงเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน
หมาป่าตัวหนึ่ง บังเอิญมาเห็นหนูน้อยหมวกแดงก็น้ำลายไหลเพราะความหิวกระหายเจ้าหมาป่าได้ยินหนูน้อยหมวกแดงพูดกับเจ้ากระต่ายน้อยว่าจะเก็บดอกไม้ไปฝากคุณยายจึงคิดแผนการณ์อย่างหนึ่งขึ้นมา แล้วรีบวิ่งไปที่บ้านคุณยายทันที
ไม่นานนักหมาป่าก็มาถึงบ้านคุณยายซึ่งในเวลานั้นคุณยายกำลังนั่งถักผ้าพันคออยู่ริมหน้าต่างคุณยายเหลือบไปเห็นหมาป่ากำลังวิ่งมาหลบ อยู่ข้างพุ่มไม้พอดีคุณยายจึงรีบวิ่งหนี ออกไปทางหลังบ้านได้ทันเวลาเมื่อเจ้าหมาป่าได้เข้ามาภายในบ้านของคุณยายแล้วมันก็พยายามดมกลิ่น เพื่อตามหาคุณยายแต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ จึงได้ปลอมตัวเป็นคุณยายแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง จากนั้นก็นำผ้าห่มมาคลุมตัวจนมิดหลังจากที่หนูน้อยหมวกแดงเก็บดอกไม้เสร็จแล้ว
ก็วิ่งไปเล่นกับกระต่าย ไปเป่าใบไม้กับกระรอก…จนเวลาผ่านไป“อุ๊ยตายแล้ว…เราลืมไปเลยว่าต้องเอาของฝากไปให้คุณยาย”หนูน้อยหมวกแดงจึงรีบเดินไปที่บ้านคุณยายทันที
เมื่อมาถึงบ้านคุณยาย หนูน้อยหมวกแดงก็เคาะประตูเรียกคุณยาย
“ก็อกๆ ๆๆ คุณยายค่ะหนูมาเยี่ยมคุณยายค่ะ คุณยายเปิดประตูให้หนูหน่อยซิค่ะ”
เจ้าหมาป่าร้องตอบหนูน้อยว่า “เปิดประตูเข้ามาเลยจ้ะหลานรัก”หนูน้อยหมวกแดงเดินเข้าไปในบ้าน แล้วจ้องมองหมาป่าที่กำลังนอนคลุมโปงก่อนที่จะถามว่า”ทำไมคุณยายต้องนอนคลุมโปงด้วยล่ะค่ะ”
“แคร๊กๆ ยายไม่ค่อยสบายน่ะจ้ะ”หนูน้อยหมวกแดงเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อย แล้วถามว่า”ทำไมเสียงของคุณยายถึงได้แหบอย่างนี้ล่ะค่ะ”เจ้าหมาป่าจึงตอบว่า ”ยายเจ็บคอ เสียงมันจึงแหบอย่างนี้ล่ะจ้า”หนูน้อยหมวกแดงจึงเดินเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วถามว่า“แล้วทำไมปากของคุณยายถึงได้ยาวอย่างนี้ล่ะค่ะ”หมาป่าตอบว่า “ยายไอมากไป ปากจึงได้ยื่นยาวแบบนี้ล่ะจ้ะ”หนูน้อยหมวกแดงเดินใกล้เข้าไปจนเกือบจะชิดตัวหมาป่าแล้วถามต่อว่า
“แล้วทำไมฟันของคุณยายถึงได้แหลมคมอย่างนี้ล่ะค่ะ”แต่คราวนี้หมาป่าได้สลัดผ้าออก แล้วกระโจนเข้าหาหนูน้อยหมวกแดงทันทีหนูน้อยหมวกแดงตกใจมาก เธอร้องตะโกนเสียงดังพร้อมกับวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว “ช่วยด้วยคุณยายค่ะ ช่วยหนูด้วยๆๆๆ”เจ้าหมาป่าคำรามเสียงดัง แล้ววิ่งไล่จับหนูน้อยหมวกแดง
ขณะที่หมาป่ากำลังไล่ตะครุบหนูน้อยหมวกแดงคุณยายก็พานายพรานเข้ามาช่วยได้ทันเวลาพอดี
“ปัง ปัง ปัง” นายพรานยิงไล่หมาป่า เสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณหมาป่าตกใจกลัว รีบผละออกจากหนูน้อยหมวกแดง
แล้วเผ่นหนีเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วหนูน้อยหมวกแดงโผลกอดคุณยายด้วยความตกใจแล้วกล่าวขอบคุณยายกับนายพรานที่มาช่วยเธอไว้คุณยายกล่าวว่า“โชคดีนะที่คุณยายมาทันเวลา ไม่อย่างนั้นหลานคงถูกหมาป่าจับกินไปแล้ว”หนูน้อยหมวกแดงจึงพูดด้วยความสำนึกผิดว่า“คงเป็นเพราะหนูไปเก็บดอกไม้ หมาป่าเห็นเข้าจึงมาดักรอที่บ้านของคุณยายถ้าหนูเชื่อฟังคำของคุณแม่ ก็คงไม่เกิดเหตุการณ์น่ากลัวอย่างนี้หรอกค่ะ”
หนูน้อยหมวกแดงให้สัญญาว่า“ต่อไปนี้ เธอจะเป็นเด็กดี และไม่ทำตัวเหลวไหลอีก”
“ดีแล้วล่ะจ้ะ” คุณยายกล่าวชมจากนั้น คุณยายก็นำขนมและน้ำชามาเลี้ยงนายพรานเพื่อเป็นการขอบคุณ
เย็นวันนี้ คุณยายและนายพรานได้พาหนูน้อยหมวกแดงไปส่งที่บ้าน…อย่างปลอดภัย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1). “อย่าเป็นคนหูเบา เชื่อคนง่าย” คืออย่าเชื่อคนง่ายเกินไป อย่ารีบตัดสินอะไร…ก่อนที่จะได้คิดพิจารณาไตร่ตรองให้ถูกต้องถ่องแท้เสียก่อน…ยิ่งคำพูดคำแนะนำที่คนอื่นมาพูดให้ฟังนั้น เราต้องฟังหูไว้หู ใช้สติเป็นตะแกรงร่อนให้ดี…ไม่ใช่ใครพูดบอกอะไรก็เชื่อเขาไปหมดซะทุกเรื่อง ดั่งหนูน้อยหมวกแดงที่เชื่อผีเสื้อ…มัวแต่ไปเก็บดอกไม้และวิ่งเล่น ไม่คิดถึงภัยอันตรายที่จะเกิดบ้างขึ้นเลย