1.1.1 Records of the past1.1.2 All

1.1.1 Records of the past
1.1.2 All records are selective
1.1.3 The palimpsest metaphor
1.1.4 Comparisons between different records
of the past
1.1.5 The importance of chronology
If we are to provide a wider context for events visible in a
single record of the past, we need to have some method to
relate this event to other events in other records. For
example, we might wonder whether a period of population
growth evident in the genetic record is matched by specific
innovations apparent in the archaeological record that may
indicate why a larger population could be supported.

The natural way to achieve this cross-referencing between
multiple records is to relate them all to chronological time,
by dating events and processes visible in the different records.
Consequently, methods for dating are of prime importance
in the analysis of all the records of the past outlined earlier in
this chapter. Dating methods are typically dependent on
cumulative processes (often known as ‘clocks’ for obvious
reasons) that occur, on average, at known uniform rates and
can be accurately quantified. However, dating methods in
different disciplines are not equally reliable:
The physicochemical methodologies used for dating
in paleoclimatology, paleontology and archaeology
frequently depend upon the decay of radioisotopes.
This process is stochastic but on average highly
uniform and accurately quantifiable, and as a
consequence can produce very accurate dates, although
these sometimes need to be calibrated by adjusting for
past fluctuations in radioisotope levels (see Box 9.4).
Dating in linguistics is difficult and controversial, as
rates of language change are highly variable. As a
consequence, linguistic processes are generally not
reliably dated.
Dating the genetic record can utilize a number of
different ‘molecular clocks’ (see Section 6.6), but can
also be controversial. First, these molecular clocks are
difficult to calibrate accurately, and second, statistical
confidence in these dating estimates is determined at
least in part by the history of population size and
subdivision (demography), about which we have little
information.
Having used chronology to identify a correlation between
events and processes observed in different records of the past,
there is a temptation to ascribe causal relationships. A good
example in the scenario given above would be that
technological innovations revealed through archaeology
allowed the population growth that is apparent within the
genetic record. However, we must realize that it may not be
possible to prove these kinds of causal relationships with the
same degree of certainty available to other branches of
science. The study of evolution is in many ways a historical
discipline; being limited to a single past prevents us from
demonstrating causal relationships using the principle of
reproducibility

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.1.1 การเรกคอร์ดในอดีต1.1.2 ทุกระเบียนมีนิวรอน1.1.3 การอุปมาสอง1.1.4 การเปรียบเทียบระหว่างระเบียนที่แตกต่างกันผ่านมา1.1.5 ความสำคัญของลำดับถ้าเราจะให้เหตุการณ์ที่มองเห็นได้ในบริบทกว้างขึ้นเป็นคอร์ดเดียวในอดีต เราต้องมีวิธีการบางอย่างเหตุการณ์นี้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมอื่น ๆ ในระเบียนอื่น สำหรับตัวอย่าง เราอาจสงสัยว่า ระยะเวลาของประชากรเจริญเติบโตที่เห็นได้ชัดในบันทึกทางพันธุกรรมจะถูกจับคู่ โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ปรากฏในบันทึกทางโบราณคดีที่อาจระบุว่า ทำไมประชากรที่ใหญ่กว่าอาจได้รับการสนับสนุนด้วยวิธีธรรมชาติเพื่อให้บรรลุนี้โยงระหว่างหลายระเบียนจะพวกเขาเกี่ยวข้องทั้งหมดไปตามลำดับเวลาเวลาโดยการออกเดทกิจกรรมและกระบวนการที่ปรากฏในระเบียนอื่นจึง วิธีการหาคู่ที่มีความสำคัญสำคัญในการวิเคราะห์ของระเบียนทั้งหมดในอดีตระบุไว้ก่อนหน้านี้ในในบทนี้ วิธีการหาคู่ที่มีอยู่โดยทั่วไปกระบวนการสะสม (มักจะเรียกว่า 'นาฬิกา' สำหรับชัดเจนเหตุผล) ที่เกิดขึ้น เฉลี่ย อัตราเหมือนกันรู้จักกัน และสามารถอย่างถูกต้องสามารถวัด หาคู่อย่างไรก็ตาม วิธีการในสาขาวิชาที่แตกต่างกันไม่น่าเชื่อถือพอ ๆ กัน:วิธีทางเคมีกายภาพที่ใช้สำหรับการออกเดทใน paleoclimatology บรรพชีวินวิทยา และโบราณคดีบ่อยขึ้นอยู่กับการเสื่อมลงของ radioisotopesกระบวนการนี้ แต่ stochastic เฉลี่ยสูงสม่ำเสมอ และเชิง ปริมาณได้อย่างแม่นยำ และเป็นการผลสามารถผลิตวันที่ถูกต้องมาก แม้ว่าเหล่านี้บางครั้งต้องปรับตั้ง โดยการปรับสำหรับความผันผวนของไอโซโทปอดีตระดับ (ดูกล่อง 9.4)หาคู่ในภาษาศาสตร์เป็นเรื่องยาก และ ถกเถียง เป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงของภาษาจะผันแปรสูง เป็นการผล กระบวนการทางภาษามักไม่วันได้อย่างมีประสิทธิภาพหาคู่บันทึกทางพันธุกรรมสามารถใช้จำนวนแตกต่างกัน 'นาฬิกาโมเลกุล' (ดูส่วน 6.6), แต่สามารถนอกจากนี้ยัง เป็นถกเถียงกัน ครั้งแรก นาฬิกาโมเลกุลเหล่านี้จะการปรับเทียบอย่างถูกต้อง และสอง สถิติความเชื่อมั่นในคู่ประมาณกำหนดไว้ในน้อย โดยในส่วนของขนาดประชากร และสารสนเทศ (ประชากรศาสตร์), เกี่ยวกับการที่เรามีน้อยข้อมูลใช้ลำดับในการระบุความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมและกระบวนการตรวจสอบในเรกคอร์ดต่าง ๆ ในอดีตมีทดลองเพื่ออ้างความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ดีตัวอย่างในสถานการณ์ที่ให้ไว้ข้างต้นจะเป็นที่นวัตกรรมเทคโนโลยีที่เปิดเผยผ่านทางโบราณคดีอนุญาตให้มีการเจริญเติบโตของประชากรที่เห็นได้ชัดภายในการบันทึกทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม เราต้องตระหนักว่า อาจไม่ได้ไปได้ที่จะพิสูจน์เหล่านี้ชนิดของความสัมพันธ์เชิงสาเหตุกับการความแน่นอนพร้อมใช้งานของสาขาวิทยาศาสตร์ การศึกษาวิวัฒนาการได้หลายวิธีการทางประวัติศาสตร์วินัย ถูกจำกัดให้เป็นอดีตเดียวป้องกันเราจากแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่ใช้หลักการของแสดง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1.1.1 ประวัติของอดีต
1.1.2 บันทึกทั้งหมดอยู่ในการคัดเลือก
1.1.3 อุปมาจารึก
1.1.4 เปรียบเทียบระหว่างระเบียนที่แตกต่าง
จากที่ผ่านมา
1.1.5 ความสำคัญของเหตุการณ์
ถ้าเราจะให้บริบทที่กว้างขึ้นสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถมองเห็นได้ใน
บันทึกเดียวของอดีตที่ผ่านมาเราต้องมีวิธีการบางอย่างที่จะ
เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้เพื่อกิจกรรมอื่น ๆ ในบันทึกอื่น ๆ สำหรับ
ตัวอย่างเช่นเราอาจจะสงสัยว่าระยะเวลาของประชากร
การเจริญเติบโตที่เห็นได้ชัดในบันทึกทางพันธุกรรมจะถูกจับคู่โดยเฉพาะ
นวัตกรรมที่เห็นได้ชัดในการบันทึกหลักฐานที่อาจ
บ่งชี้ว่าทำไมประชากรขนาดใหญ่ได้รับการสนับสนุน.

วิธีธรรมชาติเพื่อให้บรรลุนี้อ้างอิงข้ามระหว่าง
หลายระเบียน คือการที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาทั้งหมดเพื่อเวลาตามลำดับ
โดยย้อนเหตุการณ์และกระบวนการมองเห็นได้ในบันทึกที่แตกต่างกัน.
ดังนั้นวิธีการสำหรับการเดทมีความสำคัญเฉพาะ
ในการวิเคราะห์ระเบียนทั้งหมดที่ผ่านมาที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ใน
บทนี้ วิธีการออกเดทมักจะขึ้นอยู่กับ
กระบวนการสะสม (มักจะเรียกว่า 'นาฬิกา' สำหรับชัดเจน
เหตุผล) ที่เกิดขึ้นโดยเฉลี่ยในอัตราที่สม่ำเสมอที่รู้จักและ
สามารถวัดได้อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามวิธีการออกเดทใน
สาขาวิชาที่แตกต่างกันจะไม่น่าเชื่อถืออย่างเท่าเทียมกัน:
ใช้ในการวิจัยทางเคมีกายภาพที่ใช้สำหรับการออกเดท
ใน paleoclimatology ซากดึกดำบรรพ์และโบราณคดี
. บ่อยครั้งขึ้นอยู่กับการสลายตัวของไอโซโทปรังสี
กระบวนการนี้จะสุ่ม แต่โดยเฉลี่ยสูง
สม่ำเสมอและเชิงปริมาณได้อย่างถูกต้องและเป็น
ผลที่ตามมาก็สามารถทำได้ ผลิตวันที่ที่ถูกต้องมากถึงแม้ว่า
เหล่านี้บางครั้งจะต้องมีการสอบเทียบโดยการปรับสำหรับ
ความผันผวนที่ผ่านมาในระดับไอโซโทป (ดูกล่อง 9.4).
ออกเดทภาษาศาสตร์เป็นเรื่องยากและความขัดแย้งในขณะที่
อัตราการเปลี่ยนแปลงภาษาตัวแปร ในฐานะที่เป็น
ผลมาจากกระบวนการทางภาษาโดยทั่วไปจะไม่
ลงวันที่เชื่อถือได้.
ออกเดทบันทึกทางพันธุกรรมสามารถใช้เป็นจำนวนมาก
ที่แตกต่างกัน 'นาฬิกาโมเลกุล' (ดูมาตรา 6.6) แต่สามารถ
ยังจะแย้ง ครั้งแรก, นาฬิกาโมเลกุลเหล่านี้เป็น
เรื่องยากที่จะสอบเทียบอย่างถูกต้องและสองทางสถิติ
ความเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้ประมาณการเดทจะถูกกำหนดที่
อย่างน้อยในส่วนของประวัติศาสตร์ของขนาดของประชากรและ
การจัดสรร (ประชากร) เกี่ยวกับการที่เรามีน้อย
ข้อมูล.
มีเหตุการณ์ใช้ในการระบุ ความสัมพันธ์ระหว่าง
เหตุการณ์และกระบวนการสังเกตในบันทึกที่แตกต่างกันของอดีตที่ผ่านมา
มีสิ่งล่อใจกับความสัมพันธ์เชิงสาเหตุเหตุผล ดี
ตัวอย่างเช่นในสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะเป็นที่
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเปิดเผยผ่านโบราณคดี
ได้รับอนุญาตการเติบโตของประชากรที่เป็นที่ประจักษ์ใน
บันทึกทางพันธุกรรม แต่เราต้องตระหนักว่ามันอาจจะไม่
เป็นไปได้ที่จะพิสูจน์เหล่านี้ชนิดของความสัมพันธ์เชิงสาเหตุที่มี
ระดับเดียวกันของความเชื่อมั่นที่มีให้กับสาขาอื่น ๆ ของ
วิทยาศาสตร์ การศึกษาของวิวัฒนาการอยู่ในหลาย ๆ ทางประวัติศาสตร์
วินัย; ถูก จำกัด อยู่ในอดีตที่ผ่านมาเพียงครั้งเดียวป้องกันเราจากการ
แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงสาเหตุโดยใช้หลักการของ
การทำซ้ำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เรียนรู้เพิ่มเติมอ่านความคิดเห็นและดาวน์โหลดประวัติของอดีต1.1.2 การบันทึกทั้งหมดเพิ่มเติมอ่านความคิดเห็นและดาวน์โหลดที่ palimpsest อุปลักษณ์1.1.4 เปรียบเทียบประวัติต่าง ๆของอดีตดาวน์โหลดความสำคัญของเหตุการณ์ถ้าเราต้องการให้ปรากฏในบริบทที่กว้างขึ้นสำหรับเหตุการณ์บันทึกเดียวของอดีต เราต้องหาวิธีเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อื่น ๆในบันทึกอื่น ๆ สำหรับตัวอย่างเช่น เราอาจสงสัยว่าระยะเวลาของประชากรการประจักษ์ในบันทึกทางพันธุกรรมเป็นคู่โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ปรากฏในบันทึกหลักฐานที่อาจระบุว่าประชากรขนาดใหญ่สามารถรองรับได้วิธีธรรมชาติเพื่อให้บรรลุนี้ผ่านการอ้างอิงระหว่างบันทึกหลายเกี่ยวข้องทั้งหมดลำดับเวลาโดยการออกเดทกับเหตุการณ์และกระบวนการที่ปรากฏในบันทึกที่แตกต่างกันดังนั้น วิธีการหาคู่ของนายกรัฐมนตรี ความสำคัญในการวิเคราะห์ของระเบียนทั้งหมดของอดีตที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ในบทนี้ เดท วิธีการโดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับกระบวนการสะสม ( ที่รู้จักกันมักจะเป็น " นาฬิกา " ให้ชัดเจนเหตุผล ) ที่เกิดขึ้นโดยเฉลี่ยที่รู้จักเครื่องแบบอัตราและสามารถถูกต้อง quantified . อย่างไรก็ตาม เดท วิธีการในสาขาวิชาต่าง ๆ ไม่ได้เป็นที่เชื่อถือได้อย่างเท่าเทียมกัน :การเปรียบเทียบวิธีที่ใช้สำหรับการเดทพื้นที่โบราณคดีและบรรพชีวินวิทยาใน ,มักขึ้นอยู่กับการสลายตัวของไอโซโทปกัมมันตรังสี .กระบวนการนี้จะสุ่ม แต่โดยเฉลี่ยสูงเครื่องแบบและถูกต้องนั้น และเป็นผลสามารถผลิตที่ถูกต้องมาก วันที่ แม้ว่าเหล่านี้บางครั้งจะต้องมีการสอบเทียบโดยการปรับสำหรับอดีตของผู้บริหารระดับ ( ดูที่กล่อง 9.4 )เดทในภาษาศาสตร์เป็นเรื่องยากและขัดแย้ง เช่นอัตราการเปลี่ยนภาษาเป็นตัวแปรอย่างมาก เป็นดังนั้น กระบวนการทางภาษาโดยทั่วไปไม่ได้ออกเดทเดทกับบันทึกทางพันธุกรรมสามารถใช้หมายเลขของนาฬิกาโมเลกุลที่แตกต่างกัน " " ( ดูมาตรา 6.6 ) แต่สามารถยังขัดแย้ง แรก , นาฬิกาโมเลกุลเหล่านี้ยากที่จะปรับได้อย่างถูกต้อง , และสอง , สถิติความมั่นใจในการออกเดทเหล่านี้จะถูกกำหนดที่ประมาณการอย่างน้อยในส่วนโดยประวัติของขนาดประชากรฝ่าย ( ประชากรศาสตร์ ) ซึ่งเราได้น้อยข้อมูลมีการใช้เหตุการณ์ที่จะระบุ ความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมและกระบวนการตรวจสอบในบันทึกต่างๆของอดีตมีสิ่งล่อใจที่จะลงความเห็นความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ ดีตัวอย่างในสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้นจะว่านวัตกรรม เทคโนโลยี เปิดเผยผ่านทางโบราณคดีอนุญาตให้ประชากรที่ชัดเจนภายในประวัติทางพันธุกรรม อย่างไรก็ตาม เราต้องตระหนักว่ามันอาจจะเป็นไปได้ว่าเหล่านี้ชนิดของความสัมพันธ์กับระดับความแน่นอนของสาขาอื่น ๆ เดียวกันวิทยาศาสตร์ การศึกษาวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตในหลาย ๆทางประวัติศาสตร์วินัย เป็น จำกัด เพื่อป้องกันเราจากอดีตเดี่ยวแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงเหตุผล โดยใช้หลักการของคาร์บอน