• The first form returns the first

• The first form returns the first two corresponding elements of range [beg,end) and the range
starting with cmpBeg that differ.
• The second form returns the first two corresponding elements of range [beg,end) and the range
starting with cmpBeg for which the binary predicate
op(elem,cmpElem)
yields false.
• If no difference is found, a pair of end and the corresponding element of the second range
is returned. Note that this does not mean that both sequences are equal, because the second
sequence might contain more elements.
• Note that op should not change its state during a function call. See Section 10.1.4, page 483, for
details.
• op should not modify the passed arguments.
• The caller must ensure that the range starting with cmpBeg contains enough elements.
• To check whether two ranges are equal, you should use algorithm equal() (see Section 11.5.4,
page 542).
• Complexity: linear (at most, numElems comparisons or calls of op(), respectively).
The following example demonstrates both forms of mismatch():

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

•แบบฟอร์มแรกคืนค่าองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องสองช่วง [beg,end) และช่วง
เริ่มต้น ด้วย cmpBeg ที่แตกต่าง
•แบบสองคืนค่าองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องสองช่วง [beg,end) และช่วง
เริ่มต้น ด้วย cmpBeg ที่เพรดิเคตไบนารี
op (elem, cmpElem)
ทำให้เป็นเท็จ
•ถ้าพบไม่แตกต่าง <>คู่ของสิ้นสุดและองค์ประกอบที่สอดคล้องกันของช่วงที่สอง
ถูกส่งกลับ โปรดสังเกตว่า นี้ไม่ได้หมายความ ว่า ลำดับทั้งสองจะเท่ากัน เนื่องจากสอง
ลำดับอาจประกอบด้วยองค์ประกอบเพิ่มเติม.
•หมายเหตุ op ที่ควรเปลี่ยนสถานะในระหว่างการเรียกฟังก์ชันได้ ดูส่วน 10.1.4 หน้า 483
รายละเอียด
• op ควรปรับเปลี่ยนอาร์กิวเมนต์ส่งผ่าน
•ผู้เรียกต้องแน่ใจว่า ช่วงที่เริ่มต้น ด้วย cmpBeg ประกอบด้วยองค์ประกอบเพียงพอ.
•ตรวจสอบว่าช่วงที่สองจะเท่ากัน คุณควรใช้อัลกอริทึม equal() (ดูส่วน 11.5.4,
page 542) .
•ความซับซ้อน: เชิงเส้น (ที่สุด เปรียบเทียบ numElems หรือโทร op() ตามลำดับ)
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของ mismatch():

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

•รูปแบบแรกจะส่งกลับสององค์ประกอบที่สอดคล้องแรกของช่วง [ขอสิ้นสุด) และช่วง
ที่เริ่มต้นด้วย cmpBeg ที่แตกต่าง
•รูปแบบที่สองจะส่งกลับสององค์ประกอบแรกที่สอดคล้องกันของช่วง [ขอสิ้นสุด) และช่วง
ที่เริ่มต้นด้วยการ cmpBeg ซึ่งกริยาไบนารี
op (elem, cmpElem)
อัตราผลตอบแทนที่ผิดพลาด
•หากไม่แตกต่างกันพบคู่ <> สิ้นและองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องในช่วงที่สอง
จะถูกส่งกลับ โปรดทราบว่านี้ไม่ได้หมายความว่าลำดับทั้งสองมีค่าเท่ากันเพราะสอง
ลำดับอาจมีองค์ประกอบมากขึ้น
•การสหกรณ์ที่ไม่ควรเปลี่ยนสถานะของตนในระหว่างการเรียกใช้ฟังก์ชัน ดูมาตรา 10.1.4, หน้า 483 สำหรับ
รายละเอียด
op •ไม่ควรปรับเปลี่ยนการขัดแย้งที่ผ่าน
•โทรต้องให้แน่ใจว่าช่วงที่เริ่มต้นด้วย cmpBeg มีองค์ประกอบเพียงพอ
•หากต้องการตรวจสอบว่าช่วงที่สองมีค่าเท่ากันคุณควรใช้ขั้นตอนวิธีการเท่ากับ () (ดูมาตรา 11.5.4,
หน้า 542)
•ซับซ้อน: เชิงเส้น (ที่ส่วนใหญ่เปรียบเทียบ numElems หรือสายของสหกรณ์ () ตามลำดับ)
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบที่ทั้งสองไม่ตรงกัน ():

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

- รูปแรกส่งกลับสองคนแรกที่องค์ประกอบของช่วง [ ขอร้อง จบ ) และช่วง
เริ่ม cmpbeg ที่แตกต่างกัน .
- แบบฟอร์มที่สองกลับสองคนแรกที่องค์ประกอบของช่วง [ ขอร้อง จบ ) และช่วง
เริ่ม cmpbeg ที่ OP ภาคแสดง
ไบนารี ( ใส้ cmpelem , )

- ถ้าไม่มีผลผลิตที่เป็นเท็จ ความแตกต่างคือพบคู่ < > สิ้นสุดและองค์ประกอบที่สอดคล้องกันของ
ช่วงที่สองคือกลับมา โปรดจำไว้ว่า นี่ไม่ได้หมายความว่า ทั้งลำดับเท่ากัน เพราะลำดับสอง
-
อาจจะมีองค์ประกอบเพิ่มเติม สังเกตว่า OP ไม่ควรเปลี่ยนสถานะของมันในระหว่างการเรียกใช้ฟังก์ชัน ดูส่วน 10.1.4 หน้า 483 , สำหรับ

- รายละเอียด สหกรณ์ไม่ควรปรับเปลี่ยน
ผ่านอาร์กิวเมนต์บริการโทรต้องให้แน่ใจว่าช่วงที่เริ่มต้นด้วย cmpbeg ประกอบด้วยองค์ประกอบก็พอ .
- เพื่อตรวจสอบว่าสองช่วงเท่ากัน คุณควรใช้ equal() ขั้นตอนวิธี ( ดูมาตรา 11.5.4
,
- หน้า 542 ) ความซับซ้อน : เชิงเส้น ( ส่วนใหญ่ numelems เปรียบเทียบหรือโทร op() ตามลำดับ )
ตัวอย่างต่อไปนี้แสดง ทั้งสองรูปแบบของ mismatch() :