สารเคมีในพริก[แก้]ในพริกนั้นมีสารที่สำคัญคือ Capsaicin นอกจากนั้นยังมี การแปล - สารเคมีในพริก[แก้]ในพริกนั้นมีสารที่สำคัญคือ Capsaicin นอกจากนั้นยังมี ไทย วิธีการพูด

สารเคมีในพริก[แก้]ในพริกนั้นมีสารที

สารเคมีในพริก[แก้]

ในพริกนั้นมีสารที่สำคัญคือ Capsaicin นอกจากนั้นยังมีสารอื่นๆที่ให้ความเผ็ดอีก คือ Dihydrocapsaicin ,Nordihydrocapsaicin ,Homodihydrocapsaicin ,และ Homocapsaicin
สาร Capsaicin นี้ ถูกค้นพบในรูปผลึกบริสุทธิ์โดย พี เอ บุชธอลซ์ ต่อมา แอล ที เทรชศึกษาสารนี้และให้ชื่อว่า Capsaicin มีสูตรทางเคมีคือ C18H27NO3 ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม โดยทำให้ประสาทรับความรู้สึกไหม้ที่เนื้อเยื่อ กระตุ้นการผลิตเมือกออกมาป้องกันการระคายเคืองและกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยย พืชจำพวกพริกนี้จะผลิตสารนี้ออกมาเพื่อป้องกันการถูกบริโภคโดยสัตว์กินพืช โดยสารนี้จะพบในเนื้อเยื่อของผลพริก มากกว่าในเมล็ค นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่าแมงมุมทาแรนทูลาก็มีพิษซึ่งมีส่วนประกอบด้วยเช่นกันของสารนี้เช่นกันสาร capsaicin บริสุทธิ์จะมีลักษณะเป็น คริสตัล หรือ ไขใสๆ ไม่มีกลิ่น และมีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำ
กลุ่มของสารเคมี Capsaicinoid ได้แก่
Capsaicin
Dihydrocapsaicin
Nordihydrocapsaicin
Homodihydrocapsaicin
Homocapsaicin
โดยที่ Capsaicin จะพบในพริกมากที่สุด คือ 97% และให้รสเผ็ดมากที่สุด
นักเคมีชื่อ "วิลเบอร์ สโควิลล์" ได้ศึกษาปริมาณสาร capsaicin ในพริกแต่ละสายพันธุ์ จากทั่งโลก และใช้ข้อมูลนี้ จัดทำสเกลสโควิลล์ขึ้น ซึ่งเป็นสเกลซึ่งวัดความเผ็ดของพริกเมื่อเทียบกับสารcapsaicin บริสุทธิ์ แต่กรรมวิธีการตรวจสอบสาร Capsaicin ของ สโควิลล์ไม่เที่ยงตรงเนื่อจากเขาใช้การสกัดน้ำจากพริกชนิดนั้นๆมาแล้วให้อาสาสมัคร 5 คนลองชิมแล้วให้ความเห็นว่าพริกนั้นเผ็ดประมาณระดับไหน ความไม่เที่ยงตรงนี้ทำให้มีผู้พัฒนาวิธีตรวจสอบสารนี้ในพริกใหม่ โดยให้ชื่อว่า high performance liquid chromatography ซึ่งเป็นการวัดความร้อนที่สารเคมีนี้ผลิตออกมา และนำไปคำนวณโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ ซึ่งจะได้สเกลแบบใหม่คือ ASTA pungency ยูนิต
สารสำคัญอีกอย่างที่มีอยู่ในพริกและมีประโยชน์ในด้านต้านมะเร็งคือ แคโรทีนอยด์ เราจะสามารถสังเกตได้เลยว่าผักผลไม้ใดมีสารนี้หรือไม่โดยดูจากสี เหลือง ส้ม และ แดง แคโรทีนอยด์นี้ก็คือรูปแบบหนึ่งของสารแคโรทีน โดยมีการรวมตัวกับออกซิเจนทำให้เป็นแคโรทีนอยด์ ในพริกจะมีบีตา-แคโรทีนมากกว่าแอลฟ่าแคโรทีน สารบีตา-แคโรทีนนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก กล่าวคือ เมื่อถูกย่อยในลำไส้เล็กแล้ว จะกลายเป็น เรตินอลซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ และจะถูกเก็บสะสมไว้ในตับเพื่อนำไปใช้ในคราวจำเป็น บีตา-แคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ดี นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรับประทานแคโรทีนอยด์สังเคราะห์ในรูปแบบยาเม็ดอาหารเสริม ซึ่งในปัจจุบัน ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพเป็นจำนวนมาก พวกเขาพบว่าการรับประทานเม็ดแคโรทีนสังเคราะห์เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอด และมะเร็งอีกหลายชนิดมากขึ้น เนื่องจากในยาเม็ดสังเคราะห์จะมีปริมาณแคโรทีนอยด์มากเกินความจำเป็นต่อร่างกาย แต่พวกเขายังไม่ได้ทำการวิจัยในสารแคโรทีนอยด์ธรรมชาติซึ่งมาจากพืช การรับประทานแคโรทีนอยด์มากไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน ถึงแม้จะเป็นแคโรทีนอยด์จากผักผลไม้ธรรมชาติสดๆ การรับประทานแครอทหรือผักผลไม้ที่มีสารแคโรทีนอยด์มากเกินไป จะทำให้ผิวหนังเป็นสีเหลือง ซึ่งเรียกว่า ภาวะ carotenemia นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะที่ร่างกายมีวิตามินเอมากเกินไปด้วย ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
สารสุดท้ายในพริกที่จะกล่าวถึงคือกรด ascorbic acid ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี C6H8O6 วิตามินซี ละลายน้ำได้ พบได้ทั่วไปในพืช และผลไม้ทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบในสัตว์หลายชนิดอีกด้วย เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เป็นตัวการร่วมในการสังเคราะห์สารชีวโมเลกุลในสัตว์ เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนังและหลอดเลือด และช่วยในการขนส่งไขมันไปยังไมโทรคอนเดรียให้สันดาปอาหารได้เป็นพลังงาน
ในสมัยก่อน ยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคม ลูกเรือที่เดินทางข้ามทวีปโดยใช้เวลาเป็นเดือน ๆ มักเป็นโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน เจมส์ ลินด์ หมอของบริษัทการค้าอินเดียตะวันออกเป็นคนแรกที่สรุปว่าสารบางอย่างในผลไม้จำพวกส้ม สามารถรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้ อีกหลายร้อยปีต่อมา อัลเบิรต์ กอยจี้และทีมนักวิจัย สามารถแยกวิตามินซีบริสุทธิ์ได้ และตั้งชื่อมันว่ากรดแอสคอบิก
ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ชายคือ 90 มิลลิกรัม หญิงคือ 75 มิลลิกรัม ถ้าหากรับประทานเกินความจำเป็นของร่างกาย ทำให้ปวดท้อง และอาจทำให้ท้องเสียได้
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
สารเคมีในพริก [แก้]

ในพริกนั้นมีสารที่สำคัญคือ Homodihydrocapsaicin Dihydrocapsaicin, Nordihydrocapsaicin แคปไซซินนอกจากนั้นยังมีสารอื่นๆที่ให้ความเผ็ดอีกคือ และ Homocapsaicin
สารแคปไซซินนี้ถูกค้นพบในรูปผลึกบริสุทธิ์โดยพีเอบุชธอลซ์ต่อมาแอลทีเทรชศึกษาสารนี้และให้ชื่อว่าแคปไซซินมีสูตรทางเคมีคือ C18H27NO3 ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กระตุ้นการผลิตเมือกออกมาป้องกันการระคายเคืองและกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยยพืชจำพวกพริกนี้จะผลิตสารนี้ออกมาเพื่อป้องกันการถูกบริโภคโดยสัตว์กินพืชโดยสารนี้จะพบในเนื้อเยื่อของผลพริกมากกว่าในเมล็ค แคปไซซินบริสุทธิ์จะมีลักษณะเป็นคริสตัลหรือไขใส ๆ ไม่มีกลิ่นและมีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำ
กลุ่มของสารเคมี Capsaicinoid ได้แก่
แคปไซซิน
Dihydrocapsaicin
Nordihydrocapsaicin
Homodihydrocapsaicin
Homocapsaicin
โดยที่แคปไซซินจะพบในพริกมากที่สุดคือ 97% และให้รสเผ็ดมากที่สุด
นักเคมีชื่อ "วิลเบอร์สโควิลล์" ได้ศึกษาปริมาณสารแคปไซซินในพริกแต่ละสายพันธุ์จากทั่งโลกและใช้ข้อมูลนี้จัดทำสเกลสโควิลล์ขึ้น ซึ่งเป็นสเกลซึ่งวัดความเผ็ดของพริกเมื่อเทียบกับสารcapsaicin บริสุทธิ์ แคปไซซินนั้น ๆ สโควิลล์ไม่เที่ยงตรงเนื่อจากเขาใช้การสกัดน้ำจากพริกชนิดนั้นๆมาแล้วให้อาสาสมัคร 5 คนลองชิมแล้วให้ความเห็นว่าพริกนั้นเผ็ดประมาณระดับไหน โดยให้ชื่อว่าประสิทธิภาพสูง chromatography เหลวซึ่งเป็นการวัดความร้อนที่สารเคมีนี้ผลิตออกมาและนำไปคำนวณโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ซึ่งจะได้สเกลแบบใหม่คือ ASTA pungency ยูนิต
สารสำคัญอีกอย่างที่มีอยู่ในพริกและมีประโยชน์ในด้านต้านมะเร็งคือแคโรทีนอยด์เราจะสามารถสังเกตได้เลยว่าผักผลไม้ใดมีสารนี้หรือไม่โดยดูจากสีเหลืองส้มและแดงแคโรทีนอยด์นี้ก็คือรูปแบบหนึ่งของสารแคโรทีน ในพริกจะมีบีตาแคโรทีนมากกว่าแอลฟ่าแคโรทีนสารบีตาแคโรทีนนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกล่าวคือเมื่อถูกย่อยในลำไส้เล็กแล้วจะกลายเป็นเรตินอลซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอ บีตา-แคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ดีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรับประทานแคโรทีนอยด์สังเคราะห์ในรูปแบบยาเม็ดอาหารเสริม ได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพเป็นจำนวนมากพวกเขาพบว่าการรับประทานเม็ดแคโรทีนสังเคราะห์เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งอีกหลายชนิดมากขึ้น แต่พวกเขายังไม่ได้ทำการวิจัยในสารแคโรทีนอยด์ธรรมชาติซึ่งมาจากพืชการรับประทานแคโรทีนอยด์มากไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกันถึงแม้จะเป็นแคโรทีนอยด์จากผักผลไม้ธรรมชาติสด ๆ จะทำให้ผิวหนังเป็นสีเหลืองซึ่งเรียกว่าภาวะ carotenemia นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะที่ร่างกายมีวิตามินเอมากเกินไปด้วยซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
สารสุดท้ายในพริกที่จะกล่าวถึงคือกรดกรดแอสคอร์บิคซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี C6H8O6 วิตามินซีละลายน้ำได้พบได้ทั่วไปในพืชและผลไม้ทุกชนิดนอกจากนี้ยังพบในสัตว์หลายชนิดอีกด้วยเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เป็นตัวการร่วมในการสังเคราะห์สารชีวโมเลกุลในสัตว์เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนังและหลอดเลือดและช่วยในการขนส่งไขมันไปยังไมโทรคอนเดรียให้สันดาปอาหารได้เป็นพลังงาน
ในสมัยก่อนยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคมลูกเรือที่เดินทางข้ามทวีปโดยใช้เวลาเป็นเดือนๆ มักเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันเจมส์ลินด์ สามารถรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้อีกหลายร้อยปีต่อมาอัลเบิรต์กอยจี้และทีมนักวิจัยสามารถแยกวิตามินซีบริสุทธิ์ได้และตั้งชื่อมันว่ากรดแอสคอบิก
ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ชายคือ 90 มิลลิกรัมหญิงคือ 75 มิลลิกรัมถ้าหากรับประทานเกินความจำเป็นของร่างกายทำให้ปวดท้องและอาจทำให้ท้องเสียได้
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
แคปไซซิ คือ Dihydrocapsaicin, Nordihydrocapsaicin, Homodihydrocapsaicin, และ Homocapsaicin สารแคปไซซินี้ถูกค้นพบในรูปผลึกบริสุทธิ์โดยพีเอบุช ธ อลซ์ต่อมาแอลทีเทรชศึกษาสารนี้และให้ชื่อว่าแคปไซซิมีสูตรทางเคมีคือ C18H27NO3 มากกว่าในเมล็ค capsaicin บริสุทธิ์จะมีลักษณะเป็นคริสตัลหรือไขใส ๆ ไม่มีกลิ่น capsaicinoid แคปไซซิจะพบในพริกมากที่สุดคือ 97% และให้รสเผ็ดมากที่สุด"วิลเบอร์สโควิลล์" ได้ศึกษาปริมาณสาร capsaicin ในพริกแต่ละสายพันธุ์จากทั่งโลกและใช้ข้อมูลนี้จัดทำสเกลสนักเคมีชื่อ โควิลล์ขึ้น บริสุทธิ์ แต่กรรมวิธีการตรวจสอบสารแคปไซซิของ 5 โดยให้ชื่อว่าโคของเหลวที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะได้สเกลแบบใหม่คือ ASTA รุนแรง แคโรทีนอยด์ เหลืองส้มและแดง กล่าวคือเมื่อถูกย่อยในลำไส้เล็กแล้วจะกลายเป็น บีตา - แคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ดี ซึ่งในปัจจุบัน และมะเร็งอีกหลายชนิดมากขึ้น จะทำให้ผิวหนังเป็นสีเหลืองซึ่งเรียกว่าภาวะ carotenemia วิตามินซีซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี C6H8O6 วิตามินซีละลายน้ำได้พบได้ทั่วไปในพืชและผลไม้ทุกชนิด เป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคม ๆ มักเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันเจมส์ลินด์ สามารถรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้อีกหลายร้อยปีต่อมาอัลเบิรต์กอยจี้และทีมนักวิจัยสามารถแยกวิตามินซีบริสุทธิ์ได้ 90 มิลลิกรัมหญิงคือ 75 มิลลิกรัม ทำให้ปวดท้องและอาจทำให้ท้องเสียได้














การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
สารเคมีในพริก [ แก้ ]

ในพริกนั้นมีสารที่สำคัญคือแคปไซซินนอกจากนั้นยังมีสารอื่นๆที่ให้ความเผ็ดอีกความไดไฮโดรแคปไซซิน nordihydrocapsaicin homodihydrocapsaicin , , ,
และโฮโมแคปไซซินสารแคปไซซินนี้ถูกค้นพบในรูปผลึกบริสุทธิ์โดยพีเอบุชธอลซ์ต่อมาแอลทีเทรชศึกษาสารนี้และให้ชื่อว่าแคปไซซินมีสูตรทางเคมีคือ c18h27no3 ซึ่งมีฤทธิ์ระคายเคืองต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกระตุ้นการผลิตเมือกออกมาป้องกันการระคายเคืองและกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยยพืชจำพวกพริกนี้จะผลิตสารนี้ออกมาเพื่อป้องกันการถูกบริโภคโดยสัตว์กินพืชโดยสารนี้จะพบในเนื้อเยื่อของผลพริกมากกว่าในเมล็คแคปไซซินบริสุทธิ์จะมีลักษณะเป็นคริสตัลค็อคไขใสๆไม่มีกลิ่นและมีคุณสมบัติไม่ชอบน้ำ
กลุ่มของสารเคมีแคปไซซินอยด์ได้แก่

ไดไฮโดรแคปไซซิน สารแคปไซซิน nordihydrocapsaicin



homodihydrocapsaicin โฮโมแคปไซซิน สารแคปไซซินจะพบในพริกมากที่สุดความโดยที่ 97% และให้รสเผ็ดมากที่สุด
นักเคมีชื่อ " วิลเบอร์สโควิลล์ " ได้ศึกษาปริมาณสารแคปไซซินในพริกแต่ละสายพันธุ์จากทั่งโลกและใช้ข้อมูลนี้จัดทำสเกลสโควิลล์ขึ้นซึ่งเป็นสเกลซึ่งวัดความเผ็ดของพริกเมื่อเทียบกับสารบริสุทธิ์แคปไซซินแคปไซซินของสโควิลล์ไม่เที่ยงตรงเนื่อจากเขาใช้การสกัดน้ำจากพริกชนิดนั้นๆมาแล้วให้อาสาสมัคร 5 คนลองชิมแล้วให้ความเห็นว่าพริกนั้นเผ็ดประมาณระดับไหนโดยให้ชื่อว่าประสิทธิภาพสูงของเหลว chromatography ซึ่งเป็นการวัดความร้อนที่สารเคมีนี้ผลิตออกมาและนำไปคำนวณโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ซึ่งจะได้สเกลแบบใหม่คือนี่ความฉุนยูนิต
สารสำคัญอีกอย่างที่มีอยู่ในพริกและมีประโยชน์ในด้านต้านมะเร็งคือแคโรทีนอยด์เราจะสามารถสังเกตได้เลยว่าผักผลไม้ใดมีสารนี้หรือไม่โดยดูจากสีเหลืองส้มและแดงแคโรทีนอยด์นี้ก็คือรูปแบบหนึ่งของสารแคโรทีนในพริกจะมีบีตา - แคโรทีนมากกว่าแอลฟ่าแคโรทีนสารบีตา - แคโรทีนนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกล่าวคือเมื่อถูกย่อยในลำไส้เล็กแล้วจะกลายเป็นเรตินอลซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินเอบีตา - แคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและยังช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานได้ดีนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับการรับประทานแคโรทีนอยด์สังเคราะห์ในรูปแบบยาเม็ดอาหารเสริมได้รับความนิยมในหมู่คนรักสุขภาพเป็นจำนวนมากพวกเขาพบว่าการรับประทานเม็ดแคโรทีนสังเคราะห์เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งอีกหลายชนิดมากขึ้นแต่พวกเขายังไม่ได้ทำการวิจัยในสารแคโรทีนอยด์ธรรมชาติซึ่งมาจากพืชการรับประทานแคโรทีนอยด์มากไปก็ส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกันถึงแม้จะเป็นแคโรทีนอยด์จากผักผลไม้ธรรมชาติสดๆจะทำให้ผิวหนังเป็นสีเหลืองซึ่งเรียกว่านอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะที่ร่างกายมีวิตามินเอมากเกินไปด้วยซึ่งจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ภาวะกลุ่มดาวกิ้งก่าคะมีเลียนสารสุดท้ายในพริกที่จะกล่าวถึงคือกรดกรดแอสคอร์บิคซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินซี c6h8o6 วิตามินซีละลายน้ำได้พบได้ทั่วไปในพืชและผลไม้ทุกชนิดนอกจากนี้ยังพบในสัตว์หลายชนิดอีกด้วยเป็นสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระเป็นตัวการร่วมในการสังเคราะห์สารชีวโมเลกุลในสัตว์เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนังและหลอดเลือดและช่วยในการขนส่งไขมันไปยังไมโทรคอนเดรียให้สันดาปอาหารได้เป็นพลังงาน
ในสมัยก่อนยุคที่อังกฤษล่าอาณานิคมลูกเรือที่เดินทางข้ามทวีปโดยใช้เวลาเป็นเดือนจะมักเป็นโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันเจมส์ลินด์สามารถรักษาโรคลักปิดลักเปิดได้อีกหลายร้อยปีต่อมาอัลเบิรต์กอยจี้และทีมนักวิจัยสามารถแยกวิตามินซีบริสุทธิ์ได้และตั้งชื่อมันว่ากรดแอสคอบิก
ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่ชายคือ 90 มิลลิกรัมหญิงคือ 75 มิลลิกรัมถ้าหากรับประทานเกินความจำเป็นของร่างกายทำให้ปวดท้องและอาจทำให้ท้องเสียได้
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: