Prior studies for example Sulaiman

Prior studies for example Sulaiman and Mokhtar (2010) and Swamy (2010) suggest that conventional
accounting is unable to provide sufficient information relating to environmental management. This is due to
incomplete data and failure to incorporate hidden environmental costs that exist in the current accounting system
(Ranganathan and Ditz, 1996; Setthasakko, 2010; Swamy, 2010). As a result, despite being environmentally
proactive, some organizations are unable to realize the full benefits gained from environmental management (Sulaiman and Mokhtar, 2010). Perhaps, this is due to the fact that most organizations develop procedures that
only take significant environmental issues into account and overlook on the extent and growth of environmental
costs (Ranganathan and Ditz, 1996), which in turn, limits the opportunity to prevent emission and waste at an early
stage (Setthasakko, 2010). Therefore, the implementation of environmental management accounting practices must
be in place to enable organizations to effectively identify, generate and analyze environmental related data for
internal decision making. This will subsequently help organizations to realize the perceived benefits of being
environmentally proactive, such as reduction of operational costs (Cassells, Lewis and Findlater, 2011),
identification of new opportunities (Ferreira et al., 2010) and improvement in organizational performance (Ann et
al., 2006).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก่อนศึกษาตัวอย่างเช่นสุลัยมาน และ Mokhtar (2010) และ Swamy (2010) แนะนำทั่วไปที่บัญชีไม่สามารถให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะครบกำหนดข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และความล้มเหลวในการรวมต้นทุนสิ่งแวดล้อมที่ซ่อนอยู่ที่มีอยู่ในระบบบัญชีปัจจุบัน(Ranganathan และ Ditz, 1996 Setthasakko, 2010 Swamy, 2010) เป็นผล แม้จะเป็นสิ่งแวดล้อมเชิงรุก บางองค์กรไม่สามารถที่จะตระหนักถึงการรับผลประโยชน์จากสิ่งแวดล้อม (สุลัยมานและ Mokhtar, 2010) บางที นี่คือเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ากระบวนพัฒนาองค์กรส่วนใหญ่ที่คำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ และมองข้ามขอบเขตและเจริญเติบโตของสิ่งแวดล้อมเท่านั้นค่าใช้จ่าย (Ranganathan และ Ditz, 1996), ซึ่ง ให้จำกัดโอกาสในการป้องกันมลพิษ และของเสียที่เป็นต้นขั้นตอน (Setthasakko, 2010) ดังนั้น ต้องการใช้งานของบัญชีบริหารสิ่งแวดล้อมมีการเปิดใช้งานให้มีประสิทธิภาพระบุ สร้าง และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับองค์กรตัดสินใจภายใน นี้จะช่วยให้องค์กรตระหนักถึงประโยชน์ของการรับรู้ในเวลาต่อมาสิ่งแวดล้อมเชิงรุก เช่นลดต้นทุนในการดำเนินงาน (โรง ลูอิส และ Findlater, 2011),รหัสของโอกาสใหม่ (พบ et al. 2010) และประสิทธิภาพขององค์กร (Ann etal., 2006)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาก่อนเช่นสุไลมานและ Mokhtar (2010) และสวามี่ (2010) ชี้ให้เห็นว่าการชุมนุม
บัญชีไม่สามารถให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เพราะนี่คือ
ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และความล้มเหลวที่จะรวมค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่ด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในระบบบัญชีปัจจุบัน
(Ranganathan และ Ditz 1996; Setthasakko 2010; สวามี่, 2010) เป็นผลให้แม้จะเป็นสิ่งแวดล้อม
เชิงรุกบางองค์กรไม่สามารถที่จะตระหนักถึงประโยชน์เต็มรูปแบบที่ได้รับจากการจัดการสิ่งแวดล้อม (สุไลมานและ Mokhtar 2010) บางทีอาจจะเป็นเพราะความจริงที่ว่าองค์กรส่วนใหญ่พัฒนาวิธีการที่
ใช้เวลาเพียงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญเข้าบัญชีและมองข้ามในขอบเขตและการเจริญเติบโตของสิ่งแวดล้อม
ค่าใช้จ่าย (Ranganathan และ Ditz, 1996) ซึ่งในที่สุดก็จะ จำกัด โอกาสที่จะป้องกันไม่ให้ปล่อยและการ ของเสียในช่วงต้น
ขั้นตอน (Setthasakko 2010) ดังนั้นการดำเนินการตามแนวทางปฏิบัติทางบัญชีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมจะต้อง
อยู่ในสถานที่ที่จะช่วยให้องค์กรมีประสิทธิภาพระบุสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเพื่อ
การตัดสินใจภายใน คราวนี้จะช่วยให้องค์กรที่จะตระหนักถึงการรับรู้ประโยชน์ของการเป็น
เชิงรุกกับสิ่งแวดล้อมเช่นการลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (Cassells, ลูอิสและ Findlater 2011),
บัตรประจำตัวของโอกาสใหม่ (Ferreira et al., 2010) และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร (แอน et
al., 2006)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาก่อน และ mokhtar ตัวอย่างเช่นสุไลมาน ( 2010 ) และ Swamy ( 2010 ) ได้แนะนำว่า ปกติบัญชีที่ไม่สามารถให้ข้อมูลที่เพียงพอเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม นี้คือเนื่องจากข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์และความล้มเหลวที่จะรวมซ่อนค่าใช้จ่ายด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ในระบบบัญชีปัจจุบัน( แรงแกนาธาน และแปลกจริงๆเลย , 1996 ; setthasakko , 2010 ; Swamy , 2010 ) ผล แม้จะเป็นสิ่งแวดล้อมเชิงรุก บางองค์กรไม่สามารถตระหนักถึงประโยชน์เต็มรูปแบบได้รับจากการจัดการสิ่งแวดล้อม ( สุไลมาน และ mokhtar , 2010 ) บางที นี้เนื่องจากความจริงที่ว่าองค์กรส่วนใหญ่พัฒนาขั้นตอนที่เอาแค่ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญลงในบัญชี และมองข้ามในขอบเขตและการเจริญเติบโตของสิ่งแวดล้อมค่าใช้จ่าย ( แรงแกนาธาน และแปลกจริงๆเลย , 1996 ) ซึ่งจะ จำกัด โอกาสที่จะป้องกันมลพิษและของเสียที่เริ่มต้นเวที ( setthasakko , 2010 ) ดังนั้น การใช้แนวทางปฏิบัติทางบัญชีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ต้องอยู่ในสถานที่ที่จะช่วยให้องค์กรมีประสิทธิภาพ ระบุ การสร้างและวิเคราะห์ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับภายในการตัดสินใจ นี้จะสามารถช่วยให้องค์กรได้ตระหนักถึงประโยชน์ของการรับรู้เชิงรุกต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดต้นทุนการดำเนินงาน ( cassells ลูอิส และ ฟินด์แลเตอร์ , 2011 )การระบุโอกาสใหม่ ( Ferreira et al . , 2010 ) และปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร ( แอน และal . , 2006 )