Antitrust policy was also directed

Antitrust policy was also directed against anticompetitive industry conduct. The Supreme Court ruled against price collusion outright and ruled against price discrimination if it substantially lessened competitive or tended to create a monopoly. Specifically, the Court ruled illegal not only cartels but also any informal understanding or collusion to share the market, fix prices, or establish price leadership schemes. Conscious parallelism (i.e., the adoption of similar policies by oligopolists in view of their recognized interdependence) was ruled to be illegal when reflecting collusion. Thus, the Supreme Court ruled against the there large tobacco companies in the 1946 Tobacco case (conscious parallelism was believed to have been the result of collusion in the from of price leadership), but ruled to drop the suit in the 1954 Theater Enterprises case (collusion could not be inferred from conscious parallelism).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นโยบายต่อต้านการผูกขาดเป็นคำสั่งยังกับการดำเนินการต่อต้านอุตสาหกรรม ที่ศาลฎีกาตัดสินสมรู้ร่วมคิดกับราคาทันทีและจัดการกับการแบ่งแยกราคาถ้ามันลดลงอย่างมีนัยสำคัญในการแข่งขันหรือมีแนวโน้มที่จะสร้างการผูกขาด โดยเฉพาะศาลปกครองแก๊งค้าที่ผิดกฎหมายไม่เพียง แต่ยังไม่เป็นทางการใด ๆ ความเข้าใจหรือสมรู้ร่วมคิดที่จะแบ่งปันตลาดการกำหนดราคา,หรือสร้างรูปแบบความเป็นผู้นำราคา สติขนาน (เช่นการยอมรับของนโยบายที่คล้ายกันโดย oligopolists ในมุมมองของการพึ่งพาซึ่งกันและกันได้รับการยอมรับของพวกเขา) เป็นผู้ปกครองที่จะผิดกฎหมายเมื่อสะท้อนให้เห็นถึงสมรู้ร่วมคิด ดังนั้นที่ศาลฎีกาตัดสินกับที่มีขนาดใหญ่มี บริษัท ยาสูบในกรณียาสูบ 1946 (ขนานสติก็เชื่อว่าจะได้รับผลจากการสมรู้ร่วมคิดในการเป็นผู้นำจากราคา) แต่ตัดสูทหล่นในกรณีที่โรงละคร 1954 รัฐวิสาหกิจ (สมรู้ร่วมคิดที่จะทำได้ ไม่สามารถสรุปจากความเท่าเทียมสติ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยังได้กำกับนโยบายผูกขาดต่อการดำเนินอุตสาหกรรม anticompetitive ศาลฎีกาพิพากษากับราคาวางทันที และเส้นบรรทัดกับแบ่งแยกราคาถ้ามันมากน้อย tended เพื่อสร้างการผูกขาด หรือแข่งขัน โดยเฉพาะ ศาลปกครองไม่ถูกต้องไม่ cartels เท่านั้น แต่ยังมีความเข้าใจเป็น หรือวางการแชร์ตลาด แก้ไขราคา หรือกำหนดแผนงานเป็นผู้นำราคา สติ parallelism (เช่น มาตรการนโยบายคล้ายโดย oligopolists มุมมองของอิสระเสรีรู้จัก) ถูกปกครองจะไม่ถูกต้องเมื่อถึงวาง ดังนั้น ศาลฎีกาพิพากษากับการมีบริษัทยาสูบขนาดใหญ่ในกรณียาสูบ 1946 (สติ parallelism ว่าได้รับผลของการวางในการจากของราคานำ), เส้นบรรทัดแต่การปล่อยชุดในกรณีวิสาหกิจโรงละคร 1954 (วางได้ไม่สรุปจากสติ parallelism) ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นโยบายการต่อต้านการผูกขาดเป็นโดยตรงต่อการดำเนินอุตสาหกรรมต่อต้านด้วย ศาลปกครองสูงสุดศาลปกครองต่อการสมรู้ร่วมคิดราคาซื้อขายพันธบัตรและปกครองกับการเลือกปฏิบัติหากเป็นอย่างมากในการแข่งขันบรรเทาลงไปมากหรือมีแนวโน้มที่จะสร้างการผูกขาด โดยเฉพาะที่ศาลปกครองผิดกฎหมายไม่ได้เท่านั้นแต่ยังมีความร่วมมือการสมรู้ร่วมคิดหรือทำความเข้าใจในแบบซึ่งไม่เป็นทางการในส่วนแบ่งตลาดที่กำหนดราคาหรือกำหนดโครงสร้างความเป็นผู้นำด้านราคา ซึ่งคำนึงในด้านของการทำงานแบบขนาน(เช่นการใช้นโยบายความเหมือนโดย oligopolists ในมุมมองของไปเป็นสมมุติฐานของตนได้รับการยอมรับว่าเป็นประเทศในการเป็นการผิดกฎหมายเมื่อสะท้อนถึงการสมรู้ร่วมคิด ดังนั้นศาลปกครองสูงสุดศาลปกครองกับบริษัทยาที่มีขนาดใหญ่ในปี 1946 กรณีโรงงานยาสูบ(การทำงานแบบขนานคำนึงในด้านของเชื่อว่ามีการทำให้ผลของการสมรู้ร่วมคิดในที่จากการเป็นผู้นำด้านราคา)แต่ปกครองจะลดลงตามในโฮมเธียเตอร์ 1954 กรณีที่บริษัท(การสมรู้ร่วมคิดไม่เป็นจริงแต่อย่างใดจากการทำงานแบบขนานซึ่งคำนึงในด้านของ)