WHY WE KISS UNDER THE MISTLETOEAcco

WHY WE KISS UNDER THE MISTLETOE
According to Ancient Babylonian legend, they had the closest thing to our current tradition of kissing under the mistletoe. At that time, single women looking for a mate supposedly would stand outside of the temple of the goddess of love. Mistletoe was hung over the entrance to the temple and when a potential suitor would approach one of the ladies, they were supposed to bond with him. They did not kiss, however, as kissing wasn’t a way to show affection at that time in the Babylonian empire.
As for a more direct root of our kissing tradition, Norseman had many traditions and legends concerning the mistletoe. One tradition was that mistletoe was a plant of peace and so that when enemies met under the mistletoe they were obliged to stop fighting for at least a day. Eventually, this spawned a tradition to hang mistletoe over the doorway of one’s home for peace and good luck.
Mistletoe became associated with Christmas from this tradition of hanging mistletoe in one’s home to bring good luck and peace to those within the house. The mistletoe would be hung around the New Year and the previous year’s mistletoe would be taken down, with its powers apparently tapped. The new plant would then provide this luck throughout the year.
By the 18th century in Britain, this evolved into the kissing tradition we have today. At this time, it became popular to create a ball of mistletoe that would be hung as a Christmas decoration. If a couple was found standing under the mistletoe, they were then obliged to kiss if the mistletoe ball still had berries. For each kiss, one berry would be taken from the ball. Once all the berries were gone, all the “luck” in love and marriage was considered to be drained out of the mistletoe and it was now considered bad luck to kiss beneath it, instead of good luck as before.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทำไมเราจูบภายใต้เดอะมิสเซิลโทตำนานโบราณบาบิโลเนีย พวกเขามีสิ่งใกล้เคียงที่สุดกับประเพณีของเราปัจจุบันของจูบภายใต้เดอะมิสเซิลโท ในขณะนั้น หญิงเดี่ยวหาเพื่อนคาดคะเนจะยืนนอกวัดเทพธิดาแห่งความรัก มิสเซิลโทถูกแขวนผ่านทางเข้าวัด และเมื่อ suitor อาจจะเข้าหาฝ่ายหนึ่ง พวกเขาควรจะตราสารหนี้กับเขา พวกเขาได้ไม่จูบ อย่างไรก็ตาม เป็นจูบไม่ได้วิธีการแสดงจิตในขณะนั้นในอาณาจักรบาบิโลเนียส่วนรากโดยตรงเพิ่มเติมของประเพณีของเราจูบ Norseman มีหลายประเพณีและตำนานที่เกี่ยวข้องกับเดอะมิสเซิลโท ประเพณีหนึ่งว่า มิสเซิลโทโรงงานสันติภาพ และเพื่อว่าเมื่อศัตรูพบภายใต้เดอะมิสเซิลโท พวกหน้าที่หย่าศึกสำหรับน้อยวัน ในที่สุด นี้เกิดเป็นประเพณีวางมิสเซิลโทผ่านประตูของบ้านหนึ่งของสันติภาพและโชคดีจากนี้ประเพณีการแขวนมิสเซิลโทในตัวบ้านเพื่อนำโชคดีและความสงบสุขภายในบ้านที่เป็นเกี่ยวข้องกับคริสต์มาสมิสเซิลโท เดอะมิสเซิลโทที่จะแขวนใกล้ปีใหม่ และปีมิสเซิลโทจะนำมาลง ด้วยอำนาจความเห็นได้ชัดว่าเคาะ โรงงานใหม่จะแล้วให้โชคตลอดปีนี้โดยศตวรรษ 18 ในสหราชอาณาจักร นี้พัฒนาเป็นประเพณีจูบที่เรามีวันนี้ ตอนนี้ มันเป็นนิยมสร้างลูกของมิสเซิลโทที่จะแขวนเป็นตกแต่งวันคริสต์มาส ถ้าคู่พบยืนภายใต้เดอะมิสเซิลโท แล้วพวกเขาถูก obliged จูบถ้าลูกมิสเซิลโทยังมีครบ สำหรับแต่ละจูบ เบอร์รี่หนึ่งจะนำมาจากลูก เมื่อครบทั้งหมดได้หายไป ทั้งหมด "โชค" ในความรัก และแต่งงานเขาก็จะสามารถไหลออกมิสเซิลโท กถูกตอนนี้ถือว่าซวยไปจูบไป แทนที่จะโชคดีเป็นก่อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทำไมเรา KISS
ภายใต้มิสเซิลโทตามตำนานชาวบาบิโลนโบราณที่พวกเขามีสิ่งที่ใกล้กับประเพณีของเราในปัจจุบันภายใต้การจูบมิสเซิลโท ในขณะที่ผู้หญิงคนเดียวที่กำลังมองหาคู่ที่คาดคะเนจะยืนอยู่นอกวิหารของเทพีแห่งความรัก มิสเซิลโทถูกแขวนอยู่เหนือทางเข้าวัดและเมื่อแฟนที่มีศักยภาพจะเข้าใกล้หนึ่งของผู้หญิงที่พวกเขาควรจะผูกพันกับเขา พวกเขาไม่ได้จูบ แต่เป็นจูบไม่ได้เป็นวิธีที่จะแสดงความรักในช่วงเวลานั้นในอาณาจักรบาบิโลน.
ในฐานะที่เป็นรากโดยตรงมากขึ้นของประเพณีการจูบของเรามีประเพณีที่นอรเวจำนวนมากและตำนานเกี่ยวกับมิสเซิลโท ประเพณีหนึ่งคือการที่มิสเซิลโทเป็นพืชของความสงบสุขและเพื่อที่ว่าเมื่อได้พบกับศัตรูภายใต้มิสเซิลโทที่พวกเขาจำเป็นต้องหยุดการต่อสู้เพื่ออย่างน้อยหนึ่งวัน ในที่สุดนี้กลับกลายเป็นประเพณีที่จะแขวนมิสเซิลโทเหนือประตูบ้านของตนเพื่อความสงบสุขและโชคดี.
Mistletoe กลายเป็นที่เกี่ยวข้องกับคริสมาสต์จากประเพณีของมิสเซิลโทที่แขวนอยู่ในบ้านของตนที่จะนำความโชคดีและความสงบสุขให้กับผู้ที่อยู่ในบ้าน มิสเซิลโทจะได้รับการแขวนรอบปีใหม่และมิสเซิลโทปีที่ผ่านมาจะถูกนำตัวลงด้วยพลังของมันเห็นได้ชัดว่าการทาบทาม โรงงานใหม่แล้วจะให้โชคนี้ตลอดทั้งปี.
โดยศตวรรษที่ 18 ในสหราชอาณาจักรนี้พัฒนาเป็นประเพณีจูบเรามีวันนี้ ในเวลานี้มันก็กลายเป็นที่นิยมในการสร้างลูกของมิสเซิลโทที่จะแขวนเป็นของตกแต่งคริสมาสต์ หากคู่ก็พบว่ายืนอยู่ใต้มิสเซิลโทที่พวกเขาแล้วจำเป็นต้องจูบถ้าลูกบอลมิสเซิลโทยังคงมีผลเบอร์รี่ สำหรับการจูบแต่ละหนึ่งเบอร์รี่จะได้รับจากลูก เมื่อผลเบอร์รี่ทั้งหมดก็หายไปทั้งหมด "โชคดี" ในความรักและการแต่งงานได้รับการพิจารณาที่จะระบายน้ำออกจากมิสเซิลโทและจะได้รับการพิจารณาในขณะนี้โชคร้ายที่จะจูบใต้มันแทนของความโชคดีเหมือน แต่ก่อน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำไมเราจูบกันใต้ต้นมิสเซิลโท
ตามโบราณบาบิโลนตำนาน พวกเขามีสิ่งที่ใกล้เคียงกับประเพณีของเราในปัจจุบันภายใต้ต้นมิสเซิลโท เวลาที่ผู้หญิงโสดกำลังมองหาคู่ที่คาดคะเนจะยืนอยู่นอกวิหารของเทพีแห่งความรัก มิสเซิลโทเมาค้าง ทางเข้าวัด และเมื่อโจทก์อาจเกิดขึ้นวิธีการหนึ่งของสาวๆพวกเขาควรจะสร้างความสัมพันธ์กับเขา พวกเขาไม่ได้จูบกัน แต่เป็นจูบที่ไม่ได้เป็นวิธีที่จะแสดงความรักในตอนนั้นในจักรวรรดิบาบิโลเนีย
สำหรับรากโดยตรงของประเพณีการจูบคนนอรเวย์มีประเพณีหลายอย่างและตำนานเกี่ยวกับต้นมิสเซิลโทประเพณีอย่างหนึ่งคือว่า มิสเซิลโท เป็นพืชแห่งสันติภาพ และดังนั้นเมื่อศัตรูพบกันภายใต้ Mistletoe พวกเขาต้องหยุดการต่อสู้เป็นเวลาอย่างน้อยวัน ในที่สุดนี้กลับกลายเป็นประเพณีแขวนมิสเซิลโทผ่านประตูของบ้านเพื่อสันติภาพและความโชคดี
กลายเป็นที่เกี่ยวข้องกับ Mistletoe คริสต์มาสจากประเพณีของแขวนมิสเซิลโทในบ้านของตนเพื่อนำความโชคดีและความสงบนั้น ภายในบ้าน Mistletoe จะแขวนรอบ ๆ ในปีใหม่ และที่ผ่านมา มิสเซิลโท จะถ่ายลงด้วยอำนาจเห็นได้ชัดดักฟัง โรงงานใหม่ก็ให้โชคดีตลอดทั้งปี
โดยศตวรรษที่ 18 อังกฤษจูบนี้พัฒนาเป็นประเพณีที่เรามีวันนี้ ในเวลานี้ มันก็กลายเป็นที่นิยมในการสร้างลูกของมิสเซิลโทจะแขวนเป็นของตกแต่งคริสต์มาส ถ้าคู่รักพบยืนอยู่ใต้มิสเซิลโท จากนั้นต้องจูบถ้า Mistletoe บอลยังมีผลเบอร์รี่ สำหรับแต่ละจูบหนึ่งเบอร์จะถูกพรากไปจากลูก เมื่อผลเบอร์รี่ทั้งหมดหายไปทั้งหมดที่ " โชคดี " ในความรักและการแต่งงาน ก็ถือว่าได้ระบายออกจากมิสเซิลโทและมันขณะนี้ถือว่าโชคร้ายจูบใต้มันแทน โชคดีที่ก่อน
.