and improved their attitudes toward

and improved their attitudes towards English lesson. In addition to the academic achievements in the
experimental group expressed positive attitudes towards learning English, the students seemed rather happy to
learn English through project-based learning because they were able to progress at their own pace and, at the
same time, contribute to others‘ learning in such a supportive and encouraging learning context. In this sense,
the most important thing in research was the experimental group students had more fun when they were learning
and they also had the chance of socialisation and cooperation which are more important for them in these ages.
As the related literature suggests, the development of positive attitude is linked to the direct involvement of
students (Bergeson, Fitton and Bylsma, 2000). The researcher also saw that project-based learning helped the
learners develop many skills like intellectual, social, emotional and moral skills which are the skills the learners
have to develop at school learning as well as the students had no anxiety while learning. Also, Çırak (2006) and
Özdemir (2006) saw in their studies that the project works helped the young learners to develop many skills in
English lesson like, physical, intellectual, social, emotional and moral skills which young learners have to
develop. According to Duxbury and Tsai (2010), foreign language anxiety is a universal phenomenon that
inhibits students‘ achievement in ESL and EFL classrooms and it can be reduced through social interaction such
as project-based learning. The results of the study also indicate that the activities used in the treatment provided
more opportunities to the students to get involved in the activities than the participants in the classroom
conducted by following the requirements of the course book. By this way, students not only had high
achievement levels in English lesson, but also they had a chance to practise their different skills such as drawing,
writing, thinking, researching, discussing, creating, etc. which are seen as crucial factors in learning a foreign
language (Harmer, 2001; Hill and Flynn, 2006).
As there are only few studies on the application of project-based learning in English lessons especially
in Turkey, there is a need to conduct more studies on this issue. This current study may give insights to teachers
about integrating project-based learning into high school English lessons. It is suggested that researchers should
study the effects of project-based learning on students‘ academic risk taking, metacognitive skills and
motivational levels, problem solving and communication skills, creativity levels, vs. with their academic
achievement levels and attitudes towards English lesson and/or other lessons.
As a result of this study, in which the effects of project-based learning on academic achievement and
attitudes of students towards English lesson were examined, the following suggestions can be suggested
depending on the findings obtained in the study:
1. In light of the gathered data in the study, project-based learning was found to be more effective on students‘
academic achievement levels and attitudes towards the course than the activities instruction based on
student textbooks. So, it is suggested teachers should use this approach in their lessons. Because, after the
TOJNED : The Online Journal Of New Horizons In Education - October 2011, Volume 1, Issue 4
Copyright © TOJNED www.tojned.net
12
experimental process of this strategy, students rose their academic achievement and attitudes towards the
lesson in a greater extent.
2. Teachers should direct the process of the approach effectively so that if they cannot direct the strategy
effectively, students can be frustrated and demoralised, they can be bored with the lesson and the strategy
can be unsuccessful from the beginning of the process. Because of this situation, seminars and courses
should be organised as to train teachers to use this approach effectively in their classrooms so that they can
create a more positive classroom atmosphere. Also, teacher education programmes should be reorganised to
contain both the practice and the theoretical knowledge/framework of project-based learning.
3. By project-based learning, students have a chance to practise their understanding on the learning material by
interacting and communicating with their peers in the groups. Students do not memorise the concepts and
other things, they do study the learning materials and learn deeply. In other words, they have a chance to
practise their understanding on the learning material with project-based learning. So the learning
environment should be organised so that students interact face to face with each other and share the
responsibility of the learning process.
4. Teachers should give projects to students so that students have a chance to select from a number of subjects.
In addition, teachers should pay attention to the students so that the students organise their work with the
principles of project-based learning.
5. High School English Curriculum in Turkey should be integrated with the techniques and principles of
project-based learning in order to develop students‘ academic, communicative and creative competences as
well as other social and emotional skills.
6. Similar researches can be carried out in other lessons and institutions such as elementary school or
university level.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

และทัศนคติของพวกเขาบทเรียนภาษาอังกฤษ นอกจากความสำเร็จทางวิชาการในการกลุ่มทดลองแสดงทัศนคติในเชิงบวกต่อการเรียนภาษาอังกฤษ นักเรียนที่ดูเหมือนค่อนข้างยินดีเรียนภาษาอังกฤษผ่านตามโครงการการเรียนรู้เนื่องจากพวกเขาสามารถเจริญก้าวหน้าของตนเองก้าว และ ในการเดียวเวลา การมีส่วนร่วมของผู้เรียนในบริบทการเรียนรู้ที่สนับสนุน และให้กำลังใจเช่นกัน ในความรู้สึกนี้สิ่งสำคัญที่สุดในการวิจัยเป็นนักเรียนกลุ่มทดลองมีความสนุกมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้และพวกเขายังมีโอกาส socialisation และความร่วมมือที่สำคัญสำหรับพวกเขาในวัยเหล่านี้เป็นวรรณคดีที่เกี่ยวข้องแนะนำ การพัฒนาทัศนคติในเชิงบวกของเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมโดยตรงนักเรียน (Bergeson, Fitton และ Bylsma, 2000) นักวิจัยยังเห็นว่าตามโครงการเรียนรู้อาการก็โอผู้เรียนพัฒนาทักษะต่าง ๆ เช่นทักษะทางปัญญา สังคม อารมณ์ และคุณธรรมซึ่งเป็นทักษะผู้เรียนมีการพัฒนาในการเรียนรู้ของโรงเรียน ตลอดจนนักเรียนได้ไม่วิตกกังวลในขณะที่เรียนรู้ ยัง Çırak (2006) และเห็น Özdemir (2006) ในนักศึกษาที่ทำงานโครงการช่วยนักเรียนหนุ่มพัฒนาทักษะมากมายในบทเรียนภาษาอังกฤษเช่น ทักษะทางกายภาพ ปัญญา สังคม อารมณ์ และคุณธรรมที่นักเรียนหนุ่มสาวที่ต้องพัฒนาขึ้น ตามลเลอร์และ Tsai (2010), ภาษาต่างประเทศวิตกกังวลเป็นปรากฏการณ์สากลที่ยับยั้งนักเรียนสามารถลดความสำเร็จในห้องเรียน ESL และ EFL และผ่านสังคมดังกล่าวเป็นการเรียนรู้ตามโครงการ ผลการศึกษายังระบุว่า กิจกรรมที่ใช้ในการบำบัดรักษาให้โอกาสนักเรียนจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมมากกว่าผู้เรียนในห้องเรียนดำเนินการตามความต้องการของหนังสือหลักสูตร โดยวิธีนี้ นักเรียนไม่ได้สูงระดับความสำเร็จในบทเรียนภาษาอังกฤษ แต่ยัง มีโอกาสที่จะฝึกฝนทักษะของพวกเขาแตกต่างกันเช่นภาพวาดเขียน คิด วิจัย สนใจ สร้าง ฯลฯ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเรียนรู้ต่างประเทศภาษา (Harmer, 2001 เนินเขาและฟลินน์ 2006)ที่มีอยู่เพียงไม่กี่ศึกษาประยุกต์ใช้ตามโครงการการเรียนรู้ในบทเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตุรกี ไม่จำเป็นต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้ การศึกษาปัจจุบันนี้อาจให้ความเข้าใจกับครูเกี่ยวกับการรวมตามโครงการเรียนรู้ในบทเรียนภาษาอังกฤษระดับมัธยม แนะนำว่า นักวิจัยควรศึกษาผลกระทบของโครงการเรียนรู้ในนักศึกษาความเสี่ยงการ metacognitive ทักษะ และหัดระดับ ปัญหาแก้ปัญหาและการสื่อสารทักษะ ความคิดสร้างสรรค์ระดับ เทียบกับกับการศึกษาระดับผลสัมฤทธิ์และเจตคติต่อบทเรียนอื่น ๆ หรือบทเรียนภาษาอังกฤษจากการศึกษานี้ ผลกระทบของโครงการที่ใช้เรียนรู้ในความสำเร็จทางวิชาการ และมีการตรวจสอบทัศนคติของนักเรียนต่อบทเรียนภาษาอังกฤษ สามารถแนะนำคำแนะนำต่อไปนี้ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยที่ได้รับในการศึกษา:1. ใน light ของรวบรวมข้อมูลในการศึกษา พบตามโครงการจะมีผลบังคับใช้กับนักเรียนระดับการศึกษาผลสัมฤทธิ์และทัศนคติมากกว่าคำสั่งกิจกรรมตามหลักสูตรเรียนหนังสือ ดังนั้น มันจะแนะนำครูผู้สอนควรใช้วิธีนี้ในการ เนื่องจาก หลังจากTOJNED: สมุดรายวันออนไลน์ฮอลิซันส์ใหม่ ในสถานศึกษา - 2554 ตุลาคม ปริมาณ 1 ฉบับที่ 4สงวนลิขสิทธิ์ © TOJNED www.tojned.net12การทดลองของกลยุทธ์นี้ นักเรียนโรสการศึกษาผลสัมฤทธิ์และทัศนคติบทเรียนในขอบเขตมากขึ้น2. ครูควรตรงกระบวนการวิธีการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อว่าถ้าพวกเขาไม่ตรงกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนสามารถแห้ว และ demoralised พวกเขาจะเบื่อกับบทเรียนและกลยุทธ์ได้สำเร็จจากจุดเริ่มต้นของกระบวนการ เนื่องจากสถานการณ์นี้ สัมมนา และหลักสูตรควรจัดเป็นฝึกครูใช้วิธีการนี้มีประสิทธิภาพในห้องเรียนของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างบรรยากาศห้องเรียนเพิ่มมากขึ้น ยัง ควร reorganised ครูศึกษาโปรแกรมการประกอบด้วยการปฏิบัติและความรู้/กรอบทฤษฎีการเรียนรู้ตามโครงการ3. ตามโครงการเรียนรู้ นักเรียนมีโอกาสที่จะฝึกฝนความเข้าใจกับการเรียนรู้โดยโต้ตอบ และสื่อสารกับเพื่อนในกลุ่มของพวกเขา นักเรียน memorise แนวคิด และสิ่งอื่น ๆ พวกเขาเรียนวัสดุการเรียนรู้ และเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ในคำอื่น ๆ พวกเขามีโอกาสที่จะฝึกฝนความเข้าใจในวัสดุการเรียนรู้ด้วยการเรียนรู้ตามโครงการ ดังนั้นการเรียนรู้ควรจัดสภาพแวดล้อมเพื่อให้นักเรียนโต้ตอบโมโห และใช้ร่วมกันรับผิดชอบของกระบวนการเรียนรู้4. ครูควรให้โครงการการศึกษาเพื่อให้นักเรียนมีโอกาสที่จะเลือกจากจำนวนเรื่องครูควรสนใจกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนจัดงานด้วยการหลักการเรียนรู้ตามโครงการ5. หลักสูตรภาษาอังกฤษมัธยมในตุรกีควรรวมเข้ากับเทคนิคและหลักการของโครงการเรียนรู้เพื่อพัฒนานักศึกษา สื่อสาร และสร้างสรรค์ competences เป็นรวมทั้งทักษะอื่น ๆ ทางสังคม และทางอารมณ์6. คล้ายงานวิจัยสามารถดำเนินในสถาบันเช่นโรงเรียนประถมศึกษาและบทเรียนอื่น ๆ หรือระดับมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และการปรับปรุงทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อบทเรียนภาษาอังกฤษ นอกเหนือจากความสำเร็จทางวิชาการใน
กลุ่มทดลองแสดงทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษาอังกฤษนักเรียนดูเหมือนค่อนข้างมีความสุขในการ
เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านการเรียนรู้ตามโครงการเพราะพวกเขาก็สามารถที่จะมีความคืบหน้าที่ก้าวของตนเองและใน
เวลาเดียวกันมีส่วนร่วมกับคนอื่น ๆ 'การเรียนรู้ดังกล่าวในบริบทการเรียนรู้การสนับสนุนและให้กำลังใจ ในแง่นี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการวิจัยเป็นนักเรียนกลุ่มทดลองมีความสนุกสนานมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้
และพวกเขายังมีโอกาสของการขัดเกลาทางสังคมและความร่วมมือที่สำคัญมากขึ้นสำหรับพวกเขาในทุกเพศทุกวัยเหล่านี้.
ในฐานะที่เป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นการพัฒนา ทัศนคติเชิงบวกของการเชื่อมโยงกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ
นักเรียน (Bergeson, Fitton และ Bylsma, 2000) นักวิจัยยังเห็นว่าการเรียนรู้ตามโครงการช่วยให้
ผู้เรียนพัฒนาทักษะทางปัญญาจำนวนมากเช่นสังคมทักษะอารมณ์และศีลธรรมซึ่งเป็นทักษะที่ผู้เรียน
มีการพัฒนาในการเรียนรู้ที่โรงเรียนเช่นเดียวกับนักเรียนที่มีความวิตกกังวลในขณะที่การเรียนรู้ นอกจากนี้Çırak (2006) และ
Özdemir (2006) เห็นในการศึกษาของพวกเขาที่งานโครงการช่วยให้ผู้เรียนหนุ่มสาวที่จะพัฒนาทักษะจำนวนมากใน
บทเรียนภาษาอังกฤษเช่นทางกายภาพทางปัญญาสังคมทักษะอารมณ์และศีลธรรมซึ่งเรียนหนุ่มต้อง
พัฒนา ตาม Duxbury และ Tsai (2010) ความวิตกกังวลภาษาต่างประเทศเป็นปรากฏการณ์สากลที่
ยับยั้งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในการสอนภาษาอังกฤษและห้องเรียน EFL และจะสามารถลดลงผ่านการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่น
การเรียนรู้ตามโครงการ ผลการศึกษายังแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมที่ใช้ในการรักษาที่ให้
โอกาสมากขึ้นให้กับนักเรียนที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมของผู้เข้าร่วมกว่าในห้องเรียน
ที่จัดทำโดยต่อไปนี้ความต้องการของหนังสือเรียน โดยวิธีการนี้นักเรียนไม่เพียง แต่มีความสูง
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในบทเรียนภาษาอังกฤษ แต่พวกเขายังมีโอกาสที่จะฝึกทักษะที่แตกต่างกันของพวกเขาเช่นการวาดภาพ,
การเขียน, การคิด, การวิจัยเรื่องการสร้าง ฯลฯ ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเรียนรู้ ต่างประเทศ
ภาษา (Harmer 2001; ฮิลล์และฟลินน์, 2006).
เนื่องจากมีการศึกษาน้อยเพียงกับการประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้ตามโครงการในการเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในประเทศตุรกีมีความจำเป็นต้องทำการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้ การศึกษาในปัจจุบันนี้อาจจะให้ข้อมูลเชิงลึกกับครู
เกี่ยวกับการบูรณาการการเรียนรู้ตามโครงการเรียนภาษาอังกฤษเข้าไปในโรงเรียนมัธยม มันบอกว่านักวิจัยควร
ศึกษาผลของการเรียนรู้ด้วยโครงงานบนพื้นฐานของนักเรียนการเสี่ยงทางวิชาการทักษะอภิปัญญาและ
สร้างแรงบันดาลใจระดับการแก้ปัญหาและทักษะการสื่อสารระดับความคิดสร้างสรรค์กับกับทางวิชาการ
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทัศนคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษและ / . หรือเรียนอื่น ๆ
อันเป็นผลมาจากการศึกษาครั้งนี้ซึ่งในผลกระทบของการเรียนรู้โครงงานเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ
ทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนภาษาอังกฤษมีการตรวจสอบข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้สามารถชี้ให้เห็น
ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยที่ได้รับในการศึกษา:
1 ในแง่ของการรวบรวมข้อมูลในการศึกษาการเรียนรู้ตามโครงการพบว่ามีประสิทธิภาพมากขึ้นในนักเรียน
ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทัศนคติต่อการเรียนการสอนกิจกรรมการเรียนการสอนกว่าขึ้นอยู่กับ
ตำราเรียนของนักเรียน ดังนั้นจึงเป็นข้อเสนอแนะครูผู้สอนควรใช้วิธีการในการเรียนของพวกเขา เพราะหลังจากที่
TOJNED: วารสารออนไลน์เปิดโลกทัศน์ใหม่ในการศึกษา - เดือนตุลาคม 2011, เล่มที่ 1, ฉบับที่ 4
ลิขสิทธิ์© TOJNED www.tojned.net
12
ขั้นตอนการทดลองของกลยุทธ์นี้นักเรียนเพิ่มขึ้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทัศนคติที่มีต่อ
บทเรียนในการ ระดับสูง.
2 ครูควรตรงขั้นตอนของวิธีการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อที่ว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถนำกลยุทธ์ที่
มีประสิทธิภาพนักเรียนสามารถจะผิดหวังและขวัญเสียที่พวกเขาสามารถจะเบื่อกับบทเรียนและกลยุทธ์ที่
สามารถประสบความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นของกระบวนการ เพราะสถานการณ์เช่นนี้การสัมมนาและหลักสูตร
ควรจะจัดในการฝึกอบรมครูที่จะใช้วิธีการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในห้องเรียนของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถ
สร้างบรรยากาศในห้องเรียนเป็นบวกมากขึ้น นอกจากนี้โปรแกรมการศึกษาครูควรจะได้รับการปรับโครงสร้างองค์กรที่จะ
มีทั้งการปฏิบัติและทฤษฎีความรู้ / กรอบของการเรียนรู้ตามโครงการ.
3 โดยการเรียนรู้โครงงานนักเรียนมีโอกาสในการฝึกความเข้าใจของพวกเขาในวัสดุการเรียนรู้โดย
การโต้ตอบและการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานของพวกเขาอยู่ในกลุ่ม นักเรียนไม่จดจำแนวคิดและ
สิ่งอื่น ๆ ที่พวกเขาทำสื่อการเรียนรู้การศึกษาและเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ในคำอื่น ๆ ที่พวกเขามีโอกาสที่จะ
ฝึกความเข้าใจของพวกเขาในวัสดุการเรียนรู้กับการเรียนรู้ตามโครงการ ดังนั้นการเรียนรู้
สภาพแวดล้อมที่ควรจะจัดเพื่อให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์เผชิญหน้ากับแต่ละอื่น ๆ และแบ่งปัน
ความรับผิดชอบของกระบวนการเรียนรู้.
4 ครูควรให้โครงการให้กับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนมีโอกาสที่จะเลือกจากจำนวนวิชา.
นอกจากนี้ครูผู้สอนจะต้องใส่ใจกับนักเรียนเพื่อให้นักเรียนจัดระเบียบงานของพวกเขาด้วย
หลักการของการเรียนรู้ตามโครงการ.
5 โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษหลักสูตรสูงในตุรกีควรจะรวมกับเทคนิคและหลักการของ
การเรียนรู้โครงงานเพื่อพัฒนานักเรียนด้านวิชาการ, การสื่อสารและความสามารถความคิดสร้างสรรค์เป็น
ทั้งอื่น ๆ ทักษะทางสังคมและอารมณ์.
6 งานวิจัยที่คล้ายกันสามารถดำเนินการในการเรียนอื่น ๆ และสถาบันต่าง ๆ เช่นโรงเรียนประถมหรือ
ระดับมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

และปรับปรุงทัศนคติต่อการเรียนภาษาอังกฤษ นอกจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในกลุ่มทดลองมีเจตคติทางบวกต่อ
การเรียนรู้ภาษาอังกฤษ นักเรียนดูค่อนข้างมีความสุข

เรียนภาษาอังกฤษผ่านการเรียนรู้แบบโครงงาน เพราะพวกเขามีความสามารถเพื่อความก้าวหน้าที่ก้าวของตนเองและใน
เวลาเดียวกันมีส่วนร่วมกับผู้อื่นในการเรียนรู้เช่น สนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้บริบท ในความรู้สึกนี้ ,
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการวิจัยคือกลุ่มนักเรียนมีความสนุกสนานมากขึ้นเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้
และพวกเขายังมีโอกาส socialisation และความร่วมมือที่สำคัญสำหรับเขาในวัยนี้
เป็นวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับแนะนําการพัฒนาทัศนคติเชิงบวก คือ เชื่อมโยงกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ
นักเรียน ( เบอร์กีสันฟิทตัน , และ bylsma , 2000 ) ผู้วิจัยยังเห็นว่าการเรียนแบบโครงงานช่วยให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะหลายๆอย่าง
สติปัญญา สังคม อารมณ์ และศีลธรรม ทักษะ ซึ่งเป็นทักษะที่ผู้เรียน
ต้องพัฒนาที่โรงเรียนการเรียนรู้ ตลอดจนนักเรียน ไม่มีความวิตกกังวลในขณะที่การเรียนรู้ นอกจากนี้Çıรัก ( 2006 ) และ
Ö zdemir ( 2006 ) เห็นในการศึกษาของพวกเขาที่งานช่วยเด็กพัฒนาทักษะผู้เรียนหลาย
บทเรียนภาษาอังกฤษ เช่น ร่างกาย สติปัญญา สังคม อารมณ์ และคุณธรรม ทักษะที่ผู้เรียนยังต้อง
พัฒนา ตาม Duxbury ไซ ( 2010 ) และ ความกังวลภาษาต่างประเทศเป็นปรากฏการณ์สากลที่
ยับยั้งนักเรียน ESL และเป็นห้องเรียนและมันสามารถลดลงได้ผ่านการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเช่น
เป็นการเรียนรู้แบบโครงงาน . ผลการศึกษายังชี้ให้เห็นว่า กิจกรรมที่ใช้ในการรักษาให้
เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมกว่าผู้เข้าร่วมในชั้นเรียน
ดำเนินการตามความต้องการของหนังสือเล่มนี้แน่นอนโดยวิธีนี้ นักเรียนไม่เพียง แต่ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูง
ในบทเรียนภาษาอังกฤษ แต่พวกเขายังได้มีโอกาสฝึกทักษะต่าง ๆ ของตน เช่น วาดภาพ
เขียน การคิด การค้นคว้า การอภิปราย การสร้าง ฯลฯ ซึ่งจะเห็นเป็นปัจจัยสําคัญในการเรียนภาษาต่างประเทศ
( ฮาร์เมอร์ , 2001 ; ฮิลล์ฟลิน
2006 )มีการศึกษาเพียงไม่กี่ในใบสมัครของการเรียนแบบโครงงานในบทเรียนภาษาอังกฤษโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในตุรกี มีความต้องการที่จะนำการศึกษา ในประเด็นนี้ การศึกษาในปัจจุบันนี้อาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการบูรณาการการเรียนรู้แบบโครงงานกับครู
เข้าสู่บทเรียนโรงเรียนภาษาอังกฤษ พบว่านักวิจัยควร
การศึกษาผลของการจัดการเรียนรู้แบบโครงงาน ในด้านการศึกษาของนักเรียนภาวะเสี่ยง ทักษะกลวิธี
ระดับแรงจูงใจในการแก้ปัญหา และทักษะในการสื่อสาร ความคิดสร้างสรรค์ระดับ และระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนภาษาอังกฤษ

และ / หรือบทเรียนอื่น ๆ ผลของการศึกษานี้ซึ่งในผลของการเรียนรู้แบบโครงงานที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาการและ
ทัศนคติของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนภาษาอังกฤษตรวจสอบข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้สามารถแนะนำ
ขึ้นอยู่กับผลที่ได้ในการศึกษา :
1 ในแง่ของการรวบรวมข้อมูลในการศึกษา , การเรียนรู้แบบโครงงาน พบว่า มีประสิทธิภาพในระดับนักศึกษา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและทัศนคติที่มีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักสูตรมากกว่า
ตำราเรียนนักเรียน ดังนั้นสรุป ครูควรใช้วิธีการนี้ในบทเรียนของพวกเขา เพราะหลังจาก
tojned : วารสารออนไลน์ของขอบฟ้าใหม่ในการศึกษาปริมาณ - 1 ตุลาคม 2554 , ฉบับที่ 4
ลิขสิทธิ์© tojned www.tojned สุทธิ 12

ทดลองกระบวนการของกลยุทธ์นี้ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนเพิ่มขึ้น และเจตคติที่มีต่อบทเรียนในระดับมากกว่า
.
2ครูควรตรงกระบวนการของวิธีการได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อที่ว่าถ้าพวกเขาไม่สามารถโดยตรงกลยุทธ์
อย่างมีประสิทธิภาพ นักศึกษาจะผิดหวัง และ demoralised พวกเขาสามารถจะเบื่อกับการเรียนและกลยุทธ์
สามารถประสบความสำเร็จตั้งแต่เริ่มต้นของกระบวนการ เพราะเหตุการณ์นี้ การจัดสัมมนาและหลักสูตร
ควรจัดเป็น การฝึกอบรมครูเพื่อใช้วิธีการนี้มีประสิทธิภาพในชั้นเรียนของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาสามารถ
สร้างบรรยากาศห้องเรียน บวกมากขึ้น นอกจากนี้ โครงการการศึกษาครูควรจัดระบบใหม่

มีทั้งปฏิบัติและทฤษฎีความรู้ / กรอบการเรียนรู้แบบโครงงาน .
3 โดยโครงงานนักเรียนได้มีโอกาสฝึกความเข้าใจในการเรียนรู้เนื้อหาโดย
การโต้ตอบและสื่อสารกับเพื่อนในกลุ่ม นักเรียนไม่ต้องจดจำแนวคิดและ
เรื่องอื่นก็ศึกษาสื่อการเรียนรู้และเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ในคำอื่น ๆที่พวกเขามีโอกาสที่จะฝึกความเข้าใจใน
วัสดุการเรียนรู้ด้วยโครงงาน . ดังนั้นการเรียนรู้
ควรจัดสภาพแวดล้อมให้ผู้เรียนโต้ตอบใบหน้าที่จะเผชิญกับแต่ละอื่น ๆและแบ่งปันความรับผิดชอบของการเรียนรู้
.
4 ครูควรให้นักเรียน เพื่อให้นักเรียนในโครงการมีโอกาสที่จะเลือกจากหลายวิชา
นอกจากนี้ ครูควรให้ความสนใจกับนักเรียนให้นักเรียนจัดงานกับ
หลักการของการเรียนรู้แบบโครงงาน .
5 โรงเรียนหลักสูตรอังกฤษในตุรกีควรจะบูรณาการกับเทคนิคและหลักการ
การเรียนรู้แบบโครงงาน เพื่อพัฒนาผู้เรียนด้านวิชาการ และทักษะการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์อย่างอื่น
ทางสังคมและทักษะทางอารมณ์ .
6 งานวิจัยที่คล้ายกันสามารถดําเนินการในบทเรียนอื่น ๆและสถาบัน เช่น โรงเรียน หรือ
ระดับมหาวิทยาลัย .