Several studies have supported Hall

Several studies have supported Hall’s (1966) theory that people place themselves closer to others
they like than to others they dislike (Altman & Vinsel, 1977; Mehrabian, 1972, 1981). Moreover, people
stand closer to friends than to acquaintances and stand farthest away from strangers (Altman &
Vinsel, 1977; Little, 1965). In the school context, little is known about children’s preferred closeness
to classmates. In an observational study of adolescent girls at lunch time, Eder (1985) found that girls
saved specific seats at their lunch table for their friends. Kutnick and Kington (2005) asked children
who they wanted to work with in class and tested how successful friendship pairs were on science
reasoning tasks. They found that female friend dyads performed best, whereas male friend dyads performed
worst. Still, when children could choose who to work with, both boys and girls indicated that
they wanted to collaborate with friends rather than classmates who were not friends. Therefore, we
hypothesized that (a) children would place themselves closer to peers they like and (b) children
who are well liked by the majority of their peers would have a smaller interpersonal distance to their
peers in general

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หลายการศึกษาได้สนับสนุนทฤษฎีของฮอลล์ (1966) ที่ว่า คนทำตัวใกล้ชิดผู้อื่นพวกเขาชอบมากกว่าผู้อื่น จะไม่ชอบ (Altman & Vinsel, 1977 Mehrabian, 1972, 1981) นอกจากนี้ คนยืนใกล้ชิดกับเพื่อนมากกว่าให้คนรู้จัก และยืนมากที่สุดจากคนแปลกหน้า (Altman &Vinsel, 1977 น้อย 1965) ในบริบทโรงเรียน น้อยเป็นที่รู้จักเกี่ยวกับเด็กที่ต้องการความใกล้เคียงกับเพื่อนร่วมชั้น ในการศึกษาเชิงสังเกตการณ์ของวัยรุ่นหญิงในเวลากลางวัน Eder (1985) พบว่าหญิงบันทึกที่นั่งเฉพาะที่ตารางอาหารสำหรับเพื่อนของพวกเขา Kutnick และ Kington (2005) ถามเด็กที่พวกเขาต้องการใช้ในชั้นเรียนและทดสอบคู่มิตรภาพวิธีประสบความสำเร็จได้ในวิทยาศาสตร์ด้านงาน พวกเขาพบว่า เพื่อนหญิง dyads ทำดีที่สุด ในขณะที่เพื่อนชาย dyads ดำเนินเลวร้ายที่สุด ยังคง เมื่อเด็กสามารถเลือกที่จะทำงานกับ ทั้งชายและหญิงแสดงที่พวกเขาอยากทำงานร่วมกับเพื่อนมากกว่าที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่มีเพื่อน ดังนั้น เราตั้งสมมติฐานว่าว่า (ก) เด็กจะทำตัวใกล้ชิดเหมือนเพื่อนและ (ข) เด็กที่ดีที่ชอบ โดยส่วนใหญ่กับเพื่อน ๆ ของเขาจะมีขนาดเล็กมนุษยสัมพันธ์ระยะทางการของพวกเขาเพียร์โดยทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

งานวิจัยหลายชิ้นได้รับการสนับสนุนฮอลล์ (1966) ทฤษฎีที่ว่าคนที่ตัวเองใกล้ชิดกับคนอื่น ๆ
ที่พวกเขาชอบมากกว่าที่จะให้คนที่เขาไม่ชอบ (อัลท์แมนและ Vinsel 1977; Mehrabian, 1972, 1981) นอกจากนี้คนที่
ยืนอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนมากกว่าที่จะรู้จักและยืนอยู่ห่างไกลจากคนแปลกหน้า (อัลท์แมนและ
Vinsel 1977; ลิตเติ้ล, 1965) ในบริบทโรงเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นที่รู้จักกันเกี่ยวกับความใกล้ชิดที่ต้องการของเด็ก
ที่จะเพื่อนร่วมชั้น ในการศึกษาการสังเกตการณ์ของเด็กวัยรุ่นหญิงในเวลากลางวันเอ๊ด (1985) พบว่าสาว ๆ
ที่บันทึกไว้ที่นั่งเฉพาะที่โต๊ะอาหารกลางวันของพวกเขาสำหรับเพื่อนของพวกเขา Kutnick และ Kington (2005) ถามเด็ก
ที่พวกเขาต้องการที่จะทำงานกับในชั้นเรียนและการทดสอบวิธีการที่คู่มิตรภาพที่ประสบความสำเร็จได้ในทางวิทยาศาสตร์
การหาเหตุผล พวกเขาพบว่า dyads เพื่อนหญิงดำเนินการที่ดีที่สุดในขณะที่ dyads เพื่อนชายที่ดำเนินการ
ที่เลวร้ายที่สุด แต่ถึงกระนั้นเมื่อเด็กสามารถเลือกที่จะทำงานกับทั้งชายและหญิงแสดงให้เห็นว่า
พวกเขาต้องการที่จะทำงานร่วมกันกับเพื่อนมากกว่าเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้เพื่อน ดังนั้นเราจึง
ตั้งสมมติฐานว่า (ก) เด็กจะวางตัวเองใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานของพวกเขาชอบและ (ข) เด็ก
ที่กำลังชอบดีโดยส่วนใหญ่ของเพื่อนของพวกเขาจะมีระยะทางระหว่างบุคคลขนาดเล็กของพวกเขา
เพื่อนร่วมงานโดยทั่วไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาหลายแห่งได้รับการสนับสนุนของสมาคม ( 1966 ) ทฤษฎีที่คนสถานที่ตัวเองใกล้ชิดกับผู้อื่น
ชอบกว่าให้คนอื่นเขาไม่ชอบ ( อัลท์แมน& vinsel , 1977 ; เมห์ราเบียน , 1972 , 1981 ) นอกจากนี้ ผู้ที่ยืนใกล้เพื่อน
กว่าจะรู้จักดี และอยู่ไกลจากคนแปลกหน้า ( อัลท์แมน&
vinsel , 1977 ; เล็ก ๆน้อย ๆ , 1965 ) ในบริบทของโรงเรียนเล็กน้อยเป็นที่รู้จักเกี่ยวกับเด็กที่ต้องการความใกล้ชิด
กับเพื่อนร่วมชั้น ในการศึกษาเชิงสังเกตการณ์ของหญิงสาววัยรุ่นในเวลากลางวัน เอเดอร์ ( 1985 ) พบว่า หญิง
ช่วยนั่งที่โต๊ะทานข้าวเฉพาะสำหรับเพื่อนของพวกเขา และ kutnick Kington ( 2005 ) ถามเด็ก
ที่พวกเขาต้องการที่จะทำงานกับในชั้นเรียน และทดสอบว่าคู่ประสบความสำเร็จในมิตรภาพวิทยาศาสตร์
เหตุผลของงานพวกเขาพบว่าไดแอดเพื่อนหญิงแสดงที่ดีที่สุด ในขณะที่เพื่อนผู้ชายไดแอดปฏิบัติ
ที่เลวร้ายที่สุด แต่เมื่อลูกจะเลือกใครไปทำงานด้วย ทั้งชายและหญิง พบว่า พวกเขาต้องการที่จะร่วมมือกับเพื่อน
มากกว่าเพื่อนร่วมชั้น ที่ไม่ใช่เพื่อน ดังนั้นเราจึง
สมมุติฐานว่า ( เด็ก ) ที่ตัวเองใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงานที่พวกเขาชอบ และ ( ข ) เด็ก
ที่ ดีชอบโดย ส่วนใหญ่เพื่อนๆ จะได้มีเพื่อน
บุคคลระยะห่างในทั่วไป