What : แคนนอน (ญี่ปุ่น: キヤノン Kiyanon ในชื่ออังกฤษ Canon ) เป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งชำนาญด้านผลิตภัณฑ์ภาพทัศน์ เช่น กล้องถ่ายภาพ, เครื่องถ่ายเอกสาร, เครื่องพิมพ์สำหรับคอมพิวเตอร์ และอื่น ๆ
Where : กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
When : แคนนอนก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1933) โดยมี โยะชิดะ โกะโร และ อุชิดะ ซะบุโร เป็นผู้ก่อตั้งร่วม เมื่อแรกก่อตั้งนั้นใช้ชื่อบริษัทว่า เซกิ โคงะกุ เค็นกีวโจะ (精機光学研究所) โดยมุ่งหมายที่จะค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนากล้องถ่ายภาพคุณภาพสูง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1934) บริษัทได้นำกล้องแบบแรกออกสู่ตลาด โดยตั้งชื่อว่า Kwanon ซึ่งมีที่มาจาก คันนง อันเป็นนามของพระโพธิสัตว์กวนอิมในภาษาญี่ปุ่น ต่อมาบริษัทได้เปลี่ยนชื่อให้ทันสมัยขึ้นเป็น แคนนอน ในปีต่อมา แคนนอนมีสำนักงานถึง 195 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่าเก้าหมื่นคนทำงานในส่วนการวิจัยและพัฒนาการผลิต การขาย และกิจกรรมทางการตลาด
ต่อมาในปี ค.ศ. 1935 กล้องถ่ายภาพขนาด 35 mm ตัวแรกที่ออกทำตลาดในญี่ปุ่นก็คือ “Hansa Canon” ซึ่งมันคือกล้องถ่ายภาพตัวแรกภายใต้ชื่อ Canonอีกห้าปีถัดมามา กล้อง x-ray สัญชาติซามูไรตัวแรกก็ถือกำเนิดขึ้นด้วยผลงานของ Canon (ในเวลานั้นก็คือ Precision Optical Instruments Laboratory) ในปี ค.ศ. 1947 ได้ทำการเปลี่ยนแปลงขื่อองค์กรจากเดิมมาเป็น Canon Camera Co.. Ltd. อย่างเป็นทางการ ซึ่งผลงานที่ตามออกมาหลังจากเปลี่ยนชื่อแล้วก็คือการออกแบบและพัฒนา “เลนส์ซูม” สำหรับการบันทึกภาพวีดีิโอ และในปีถัดมา Canon ก็นำ “Reflex Zoom8″ กล้องบันทึกภาพวีดีโอตัวแรกของโลกที่มีเลนส์ซูมให้ใช้งานออกแนะนำสู่สาธารณะ ชนหลัง จากนั้นเป็นต้นมา กล้องถ่ายภาพแบบต่างๆ และเครื่องมือทางธุรกิจในระบบอัตโนมัติ (เช่นเครื่องคิดเลขแบบสิบปุ่มตัวแรกของโลก) ภายใต้ชื่อ Canon ก็ถูกผลิตออกมาสู่สาธารณะชนเป็นระยะๆ รวมทั้งการรุกเข้าสู่ตลาดโลกโดยการเปิดสำนักงานสาขาขึ้นที่นิวยอร์คในปี ค.ศ. 1955 และแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายขึ้นที่ยุโรปในเมืองเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ ในปี
ค.ศ. 1957 จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1969 บริษัทก็ได้เปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Canon Inc. จากความสำเร็จในธุรกิจระดับสากลที่ผ่านมานั่นเองตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา Canon ก็ไม่ได้เป็นเฉพาะบริษัทที่ผลิตแต่กล้องถ่ายรูปเพียงอย่างเดียว ยังขยายงานออกไปสู่ธุรกิจอุปกรณ์สำนักงานโดยการเริ่มต้นผลิตเครื่องถ่าย สำเนาเอกสาร NP-1100 เป็นตัวแรก และตามมาด้วยเครื่องพิมพ์ชนิดเลเซอร์และอิ้งค์เจ็ตรวมทั้งเครื่องมัลติฟังก์ ชั่นตามมาในภายหลังด้วยสโลแกนเท่ๆ ว่า “กล้องถ่ายภาพในมือขวา อุปกรณ์ธุรกิจในมือซ้าย” (Cameras in the right hand, business machines in the left)Canon F-1 คือกล้อง SLR ตัวต่อมาของ Canon ในปี ค.ศ. 1971 พร้อมระบบเลนส์ FD ซึ่งถือว่าเป็นกล้อง SLR ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์ Canon AE-1 ก็ได้ถูกปล่อยออกสู่ตลาดในฐานะที่เป็นกล้อง SLR ตัวแรกของโลกที่มีระบบไมโครคอมพิวเตอร์ทำงานร่วมอยู่ภายในกล้องจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1987 ก้าวย่างที่สำคัญซึ่งส่งผลมาจนถึงปัจจุบันของกล้องถ่ายภาพของ Canon ก็ถือกำเนิดขึ้นภายใต้ชื่อสายพันธุ์ EOS (Electro-Optical System) ด้วยกล้องตัวแรกที่ชื่อว่า Canon EOS 650 ซึ่งเป็นกล้อง SLR ที่มีระบบออโตโฟกัสพร้อมให้ใช้งานในตัวค.ศ. 1992 Canon สร้างปรากฏการณ์ยุคใหม่ของเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพอีกครั้งด้วยการเปิดตัวEOS 5 ซึ่งเป็นกล้อง SLR ที่สามารถจับโฟกัสตามการมองด้วยสายตาในช่องมองภาพได้ (Eye Controlled AF) ต่อมาในปี ค.ศ. 1995 ก็ได้เปิดตัวเลนส์ถ่ายภาพ EF 75-300mm f/4-5.6 IS USM ซึ่งเป็นเลนส์ที่มีระบบลดการสั่นไหว IS (Image Stabilization) เพื่อแก้ปัญหาอาการภาพสั่นเบลอในเลนส์เทเลโฟโต้ พร้อมกับกล้อง EOS-1N RS กล้อง SLR ระดับมืออาชีพที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วที่สุดในโลกด้วยความเร็วใน การเลื่อนฟิล์มถึง 10 ภาพต่อวินาทีอีกหนึ่งปีถัดมา กล้องในตระกูล IXUS (ซึ่งมีชื่อในอเมริกาว่า ELPH) ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมระบบฟิล์มแบบ APS ในยุคนั้น แล้วได้พัฒนากล้องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
Why : ในช่วงต้นค.ศ. 1930 บริษัทที่ผลิตกล้องได้รับความนิยมสูงสุดคือ Leica และ Contax กล้องจากทั้งสองนี้ผลิตขึ้นในประเทศเยอรมัน ซึ่งนับว่าเป็นอาณาจักรของกล้อง ทั้งสองบริษัทนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจาก นักถ่ายภาพทั่วโลกเนื่องจากตัวกล้องที่มีคุณภาพ และความคมชัดของภาพสูง
ในช่วงเวลานั้น กล้อง Leica มีค่าตัวอยู่ที่ 420 เยน ในขณะที่เงินเดือนเฉลี่ยของคนทำงานทั่วไปซึ่งจบปริญญาตรีในประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ 70 เยนต่อเดือน นายโกโร่ โยชิดะ ชาวญี่ปุ่น ทำงานอยู่ในบริษัท จะสร้างกล้องถ่ายภาพ สัญชาติญี่ปุ่นขึ้นมาท่ามกลางกระแสที่เชี่ยวกรากของกองทัพกล้องถ่ายภาพจาก เยอรมันซึ่งกำลังได้รับความนิย, จึงพยายามที่จะพัฒนากล้อง Range finder สำหรับฟิล์ม 35 mm คุณภาพสูง จุดประสงค์ก็เพื่อที่ว่าจะได้สร้างกล้องที่สามารถแข่งขันกับกล้องจากเยอรมัน ซึ่งนับวันก็จะยิ่งมีความสามารถสูงขึ้น